constantly decline (UN, 2010). On t

constantly decline (UN, 2010). On the contrary, the proportion of population in old-age group will constantly increase
from 11.5 percent of total population in 2010 to 13.7 and 16.4 percent of total population in 2015 and 2020,
respectively (UN, 2010). Such a demographic shift implies that the economic well-being of elderly people will be a
vital tool for the sustainable economic and social development of Thailand. That is, elderly people with high economic
well-being are likely to be regarded as economic active population rather than dependent population, leading to the
persistent economic growth and social stability in ageing society despite the diminishing proportion of population in
working-age group. Consequently, the economic preparation for retirement of working-age population is considered
very crucial to enhancing economic well-being of elderly people.
Therefore, this study aimed to evaluate the economic preparation for retirement under three dimensions, including
amount of saving, membership of retirement funds and accommodation ownership, of 11,752 working-age population
aged 50 – 59 years old based on the data from the elderly survey in 2007 conducted by the National Statistical Office.
Moreover, it also investigated the determinants of the economic preparation for retirement by utilizing binary logistic
regression analysis. The results obtained from this study are expected to be useful for the policy formulation and
implementation to enhance economic preparation of working-age population so that they become the economic
active population after their retirement.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตลอดเวลาไม่ยอมรับ (UN, 2010) ดอก สัดส่วนของประชากรในกลุ่มวัยสูงอายุจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 11.5 ของประชากรทั้งหมดใน 2010-13.7 และร้อยละ 16.4 ของประชากรรวมใน 2015 และ 2020ตามลำดับ (UN, 2010) กะประชากรหมายถึงการที่เศรษฐกิจเป็นอยู่ที่ดีของผู้สูงอายุจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการพัฒนาที่เศรษฐกิจ และสังคมที่ยั่งยืนของประเทศไทย นั่นคือ ผู้สูงอายุคน มีสูงทางเศรษฐกิจสุขภาพมักจะถือเป็นงานประชากรเศรษฐกิจมากกว่าประชากรขึ้น นำไปสู่การแบบการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางสังคมในสังคมสูงอายุแม้มีสัดส่วนลดลงของประชากรในกลุ่มวัยทำงาน ดังนั้น พิจารณาเตรียมความพร้อมทางเศรษฐกิจสำหรับการเกษียณอายุของประชากรวัยทำงานอย่างมากที่สำคัญเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุดังนั้น การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินเตรียมเศรษฐกิจสำหรับเกษียณภายใต้มิติที่สาม รวมทั้งจำนวนบันทึก เป็นสมาชิกของกองทุนเกษียณอายุและเจ้าของสถานที่พัก ของประชากรวัยทำงาน 11,752อายุ 50 – 59 ปียึดตามข้อมูลจากการสำรวจผู้สูงอายุในปี 2550 ดำเนินการ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาตินอกจากนี้ มันยังสอบสวนดีเทอร์มิแนนต์ของการเตรียมการทางเศรษฐกิจสำหรับการเกษียณอายุ โดยใช้ฐานสองโลจิสติกการวิเคราะห์ถดถอย ผลได้รับจากการศึกษาคาดว่าจะมีประโยชน์สำหรับการกำหนดนโยบาย และดำเนินการเพื่อเตรียมความพร้อมทางเศรษฐกิจของประชากรวัยทำงานเพื่อให้พวกเขากลายเป็นทางเศรษฐกิจประชากรที่ใช้งานอยู่หลังเกษียณของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ลดลงอย่างต่อเนื่อง (UN, 2010) ในทางตรงกันข้ามกับสัดส่วนของประชากรในกลุ่มอายุเก่าอย่างต่อเนื่องจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.5 ของประชากรทั้งหมดใน 2,010-13.7 และร้อยละ 16.4 ของประชากรทั้งหมดในปี 2015 และปี 2020 ตามลำดับ (UN, 2010) เช่นการเปลี่ยนแปลงทางประชากรหมายความว่าเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนของประเทศไทย นั่นคือคนสูงอายุที่มีทางเศรษฐกิจสูงเป็นอยู่ที่ดีมีแนวโน้มที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นประชากรที่ใช้งานทางเศรษฐกิจมากกว่าประชากรขึ้นนำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงถาวรทางสังคมในสังคมผู้สูงอายุแม้จะมีสัดส่วนที่ลดลงของประชากรในกลุ่มวัยทำงาน ดังนั้นการเตรียมความพร้อมทางเศรษฐกิจเพื่อการเกษียณอายุของประชากรวัยทำงานถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากในการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่ดีของผู้สูงอายุ. ดังนั้นการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการเตรียมความพร้อมทางเศรษฐกิจออกจากงานตามสามมิติรวมถึงจำนวนเงินของการประหยัดสมาชิกจากการเกษียณอายุเงินทุนและความเป็นเจ้าของที่พักของ 11,752 ประชากรวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 50 -. อายุ 59 ปีขึ้นอยู่กับข้อมูลจากการสำรวจผู้สูงอายุในปี 2007 ที่จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาตินอกจากนี้ยังตรวจสอบปัจจัยของการเตรียมความพร้อมทางเศรษฐกิจเพื่อการเกษียณโดยใช้ไบนารีโลจิสติกการวิเคราะห์การถดถอย ผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้คาดว่าจะเป็นประโยชน์ในการกำหนดนโยบายและการดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มทางเศรษฐกิจของประชากรวัยทำงานเพื่อให้พวกเขากลายเป็นเศรษฐกิจประชากรที่ใช้งานหลังจากที่เกษียณอายุของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ลดลงอย่างต่อเนื่อง ( UN , 2010 ) ในทางตรงกันข้าม สัดส่วนของประชากรในวัยชรากลุ่มอย่างต่อเนื่องจะเพิ่ม
จาก 11.5 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดใน 2010 และ 13.7 คะแนนรวมของประชากรทั้งหมดใน 2015 และปี 2020
ตามลำดับ ( UN , 2010 ) เช่นการเปลี่ยนแปลงประชากรแสดงให้เห็นว่าความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจของผู้สูงอายุจะ
เครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของประเทศไทย นั่นคือ คนสูงอายุ ผู้ที่มีความเป็นอยู่ที่ดีทางเศรษฐกิจ
สูงมีแนวโน้มที่จะถือว่าเป็นการใช้งานทางเศรษฐกิจ ประชากรที่มากกว่าประชากรขึ้นอยู่กับที่นำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพถาวร
สังคมในสังคมผู้สูงอายุแม้จะลดลงสัดส่วนของประชากรใน
ทำงานกลุ่มอายุ จากนั้นการเตรียมการสำหรับการเกษียณอายุของประชากรวัยทำงานถือว่า
สําคัญมากในการเพิ่มความอยู่ดีกินดีทางเศรษฐกิจของผู้สูงอายุ .
ดังนั้นการศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการเตรียมความพร้อมทางเศรษฐกิจเพื่อการเกษียณอายุในสามมิติ รวมทั้งปริมาณของการประหยัด
เป็นสมาชิกของกองทุนเกษียณอายุและกรรมสิทธิ์ที่พักของประชากรอายุ
11752 ทํางานอายุ 50 - 59 ปี โดยอาศัยข้อมูลจากการสำรวจผู้สูงอายุใน 2007 จัดโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ .
นอกจากนี้ยังได้ศึกษาปัจจัยของการเตรียมการสำหรับการเกษียณอายุ โดยใช้การวิเคราะห์การถดถอยโลจิสติก
ไบนารี ผลที่ได้จากการศึกษานี้คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายและ
การเตรียมการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจของประชากรวัยทำงานเพื่อให้พวกเขากลายเป็นเศรษฐกิจ
ปราดเปรียวประชากรหลังเกษียณของพวกเขา