Physicians, attorneys, counselors,

Physicians, attorneys, counselors, and other professionals have a code of ethics and peer review boards or licensing regulations. The codes formalize professional standards and provide guidance when questions arise in practice.22 Social researchers do not provide a service for a fee, receive limited ethical training, and are rarely licensed. They incorporate ethical concerns into research because it is morally and socially responsible, and to protect social research from chares of insensitivity or abusing people.
Professional social science associations have code of ethics. The code state proper and improper behavior and represent and consensus of professional on ethics. All researchers may not agree on all ethical issues, and ethical rules are subject to interpretation, but researchers are expected to uphold ethical standards as part of their membership in professional community.
Codes of research ethics can be traced to the Noremberg code, which was adopted during the Noremberg Military Tribunal on Nazi war crimes held by the Allied Power immediately after World War II. The code, developed as response to the cruelty of concentration camp experiments, outlines ethical principles and right of human subjects. These include:
- The principle of voluntary consent
- Avoidance of unnecessary physical and mental suffering
- Avoidance and any experiment where death or disabling injury is likely
- Termination of research if its continuation is likely to cause injury, disability, or death
- The principle that experiments should be conducted by highly qualify people using the highest levels of skill and care
- The principle that the results should be for the good of society and unattainable by any other method
The principles in the Noremberg code dealt with the treatment of human subjects and focused on medical experimentation, but they become the basis for the ethical codes in social research. Similar codes of human rights, such as the 1948 Universal Declaration of Human Right to the United Nation and the 1964 Declaration of Helsinki, also have implications for social researchers.23 Table 17.1 lists some of the basic principles of ethical social research.
Professional social science associations (e.g., the American Psychological Association, American Anthropological Association, American Political Science Association, and American Sociological Association) adopted codes of ethics beginning in the 1960s or 1970s. A copy of the codes of ethic for the American Association for Public Opinion Research and the American Sociological Association are provided in Appendix A. These codes are similar, and some principles in them go to beyond those in the Noremberg code.
Professional social science associations have committees the review code of ethics and hear about possible violations, but there is no strict enforcement of the codes. The penalty for a minor violation rarely goes beyond the letter. If laws have not been violated, the main penalty is the negative publicity surrounding a well – documented and serious ethical violation. The publicity may result in the loss of employment, a refusal to publish research finding in scholarly journals, and a prohibition from receiving funding for research---in other words, banishment from the community of professional researchers.
Codes of ethics do more than codify thinking among researchers and provide guidance; they also help universities and other institutions defend ethical research against abuses from external political interests. For example, after interviewing 24 staff members and conducting observation, a researcher in 1994 documented that the staff at the Milwaukee Public Defenders Office were seriously overworked and could not effectively provide legal defense for poor people. Learning of the findings, top officials at the office contacted the University and demanded to know who on their staff had talked to the researcher, with implications that they might be reprisals against the staff members. The University administration defended the researcher and refused to release the information, citing widely accepted codes that protect human research subjects.24
Among the codes of ethics, Greenwald (1992:585 – 586) remarked, “Sociology stands out among the learned profession as critical of the authority of established institutions such as government or large business firms” and its provision to “explicity state the shortcoming of methodologies and the openness of findings to varying interpretations.”

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แพทย์ทนายความที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ ที่มีจรรยาบรรณและกระดานทบทวนหรือกฎระเบียบที่ออกใบอนุญาต รหัสเป็นระเบียบแบบแผนมาตรฐานระดับมืออาชีพและให้คำแนะนำเมื่อคำถามที่เกิดขึ้นในสังคม practice.22 นักวิจัยไม่ได้ให้บริการการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมได้รับการฝึกอบรมจริยธรรม จำกัด และไม่ค่อยได้รับอนุญาตพวกเขารวมจริยธรรมในการวิจัยเพราะเป็นทางศีลธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคมและการปกป้องสังคมจากการวิจัยของ chares ไม่รู้สึกหรือคนเหยียดหยาม.
มืออาชีพของสมาคมสังคมศาสตร์มีจรรยาบรรณ รัฐรหัสพฤติกรรมที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมและเป็นตัวแทนและฉันทามติของมืออาชีพในจริยธรรม นักวิจัยทุกคนอาจไม่เห็นด้วยกับประเด็นด้านจริยธรรมทั้งหมดและกฎระเบียบทางจริยธรรมอาจมีการตีความ แต่นักวิจัยที่คาดว่าจะรักษามาตรฐานทางจริยธรรมเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในชุมชนมืออาชีพ.
รหัสของจริยธรรมการวิจัยสามารถตรวจสอบรหัส noremberg ซึ่งถูกนำมาใช้ในระหว่างศาลทหาร noremberg ในอาชญากรรมสงครามนาซี จัดขึ้นโดยอำนาจพันธมิตรทันทีหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง รหัสการพัฒนาเป็นการตอบสนองต่อความโหดร้ายของการทดลองค่ายกักกันเค้าร่างหลักการทางจริยธรรมและด้านขวาของมนุษย์ เหล่านี้รวมถึง:
- หลักการของการได้รับความยินยอมโดยสมัครใจ
- หลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานทางร่างกายและจิตใจที่ไม่จำเป็น
- การหลีกเลี่ยงและการทดสอบที่เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บที่ปิดการใช้งานมีแนวโน้ม
ใด ๆ - การสิ้นสุดของการวิจัยต่อเนื่องถ้ามันมีโอกาสที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บพิการหรือการเสียชีวิต
- หลักการที่ว่าการทดลองควรจะดำเนินการโดยที่มีคนที่ใช้มีคุณสมบัติระดับสูงสุดของทักษะและการดูแล
- หลักการที่ว่าผลที่ควรจะเป็นที่ดีของสังคมและไม่สามารถบรรลุได้ด้วยวิธีการอื่น ๆ
หลักการในรหัส noremberg ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาของมนุษย์และจดจ่ออยู่กับการทดลองทางการแพทย์แต่พวกเขากลายเป็นพื้นฐานสำหรับรหัสทางจริยธรรมในการวิจัยทางสังคม รหัสที่คล้ายกันของสิทธิมนุษยชนเช่น 1948 ปฏิญญาสากลของสิทธิมนุษยชนที่ประเทศสหรัฐและ 1964 ปฏิญญาเฮลซิงกิยังมีความหมายสำหรับตาราง researchers.23 สังคม 17.1 รายชื่อบางส่วนของหลักการพื้นฐานของการวิจัยทางสังคมจริยธรรม.
มืออาชีพทางสังคม สมาคมวิทยาศาสตร์ (เช่นสมาคมจิตวิทยาอเมริกันสมาคมมานุษยวิทยาอเมริกัน, อเมริกันสมาคมรัฐศาสตร์และสมาคมสังคมวิทยาอเมริกัน) นำรหัสของจริยธรรมเริ่มต้นในปี 1960 หรือปี 1970 สำเนาของรหัสของจริยธรรมสำหรับสมาคมอเมริกันเพื่อการวิจัยความคิดเห็นของประชาชนและสมาคมสังคมวิทยาอเมริกันได้แสดงไว้ในภาคผนวก รหัสเหล่านี้จะคล้ายกันและหลักการบางอย่างในพวกเขาไปไกลกว่าผู้ที่อยู่ในรหัส noremberg.
มืออาชีพของสมาคมสังคมศาสตร์มีคณะกรรมการตรวจสอบรหัสของจริยธรรมและได้ยินเกี่ยวกับการละเมิดที่เป็นไปได้ แต่ไม่มีการบังคับใช้ที่เข้มงวดของรหัส บทลงโทษสำหรับการละเมิดผู้เยาว์ไม่ค่อยนอกเหนือไปจากตัวอักษร ถ้ากฎหมายไม่ได้ถูกละเมิดโทษที่สำคัญคือการประชาสัมพันธ์เชิงลบรอบดี - เอกสารและการละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง การประชาสัมพันธ์อาจส่งผลในการสูญเสียของการจ้างงานปฏิเสธที่จะเผยแพร่ผลการวิจัยในวารสารวิชาการและห้ามจากการรับเงินทุนสำหรับการวิจัย --- ในคำอื่น ๆ ที่ถูกเนรเทศจากชุมชนของนักวิจัยมืออาชีพ.
รหัสของจริยธรรมทำมากกว่าการประมวลความคิดในหมู่นักวิจัยและให้คำแนะนำพวกเขายังช่วยให้มหาวิทยาลัยและสถาบันอื่น ๆ ปกป้องการวิจัยจริยธรรมต่อต้านการละเมิดจากผลประโยชน์ทางการเมืองภายนอก ตัวอย่างเช่นหลังจากการสัมภาษณ์ 24 สมาชิกในทีมงานและการดำเนินการสังเกตนักวิจัยในปี 1994 เอกสารที่พนักงานที่สำนักงานปกป้องประชาชน milwaukee ได้ทำงานหนักอย่างจริงจังและไม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพให้การป้องกันทางกฎหมายสำหรับคนยากจน การเรียนรู้ของผลการวิจัยที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สำนักงานติดต่อมหาวิทยาลัยและเรียกร้องที่จะรู้ว่าใครในทีมงานของพวกเขาได้พูดคุยกับนักวิจัยที่ที่มีผลกระทบที่พวกเขาอาจจะมีการตอบโต้กับสมาชิกในทีมงาน การบริหารงานของมหาวิทยาลัยได้รับการปกป้องนักวิจัยและปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลที่อ้างรหัสที่ยอมรับอย่างกว้างขวางที่ปกป้อง subjects.24 วิจัยมนุษย์
หมู่รหัสของจริยธรรม, ด (1992:585 - 586) ข้อสังเกต"สังคมวิทยายืนออกในหมู่อาชีพที่ได้เรียนรู้ที่สำคัญของผู้มีอำนาจของสถ​​าบันที่จัดตั้งขึ้นเช่นรัฐบาลหรือ บริษัท ธุรกิจขนาดใหญ่" และให้เป็น "อย่างชัดเจนระบุข้อบกพร่องของวิธีการและการเปิดกว้างของผลการวิจัยการตีความที่แตกต่างกัน."

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แพทย์ ทนายความ ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญด้านอื่น ๆ และมีรหัสของจริยธรรม และบอร์ดทบทวนเพียร์ หรือระเบียบอนุญาต รหัส formalize มาตรฐานมืออาชีพ และให้คำแนะนำเมื่อคำถามเกิดขึ้นในโด practice.22 นักวิจัยสังคมไม่ให้บริการสำหรับค่าธรรมเนียม รับฝึกอบรมจริยธรรมจำกัด และไม่ค่อยได้รับใบอนุญาต พวกเขารวมกังวลจริยธรรมในการวิจัยเนื่องจากคุณธรรม และสังคมชอบ และป้องกันสังคมวิจัย chares insensitivity หรือเหยียดหยามคน.
สมาคมสังคมศาสตร์มืออาชีพมีจรรยาบรรณ รหัสสถานะไม่ถูกต้อง และเหมาะสมพฤติกรรม และแสดงถึง และมติของผู้จริยธรรม นักวิจัยทั้งหมดอาจไม่สอดคล้องกับประเด็นจริยธรรมทั้งหมด และกฎจริยธรรมขึ้นอยู่กับการตีความ แต่นักวิจัยคาดว่าดำรงมาตรฐานจริยธรรมเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกในชุมชนมืออาชีพ.
รหัสของจริยธรรมวิจัยสามารถติดตามรหัส Noremberg ซึ่งถูกนำมาใช้ในศาลทหาร Noremberg ในอาชญากรรมสงครามนาซีที่จัดขึ้น โดยอำนาจฝ่ายสัมพันธมิตรทันทีหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ได้ รหัส พัฒนาเป็นการโหดร้ายของค่ายทดลอง สรุปหลักจริยธรรมและสิทธิของมนุษย์เรื่อง เหล่านี้รวมถึง:
-หลักความยินยอมสมัครใจ
-หลีกเลี่ยงทุกข์กาย และจิตใจที่ไม่จำเป็น
-หลีกเลี่ยงและทดลองใด ๆ ที่ปิดใช้งานการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจะ
-สิ้นสุดของการวิจัยว่าความต่อเนื่องของแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ หรือตาย
-หลักการทดลองควรจะดำเนินตามคำรับรองผู้ใช้ระดับสูงสุดและดูแล
-หลักที่ควรผลดีของสังคม และ โดยวิธีอื่น ๆ นั้น
หลักในรหัส Noremberg รักษาเรื่องมนุษย์ และเน้นการทดลองทางการแพทย์ แต่พวกเขากลายเป็นพื้นฐานสำหรับรหัสจริยธรรมในการวิจัยทางสังคม รหัสคล้ายของสิทธิมนุษยชน เช่น 1948 สากลรายงานของมนุษย์ถูกสหประชาชาติและในปี 1964 รายงานของเฮลซิงกิ ยังมีผลกระทบสำหรับสังคม researchers.23 ตาราง 17.1 แสดงหลักพื้นฐานของจริยธรรมสังคมวิจัย
สมาคมอาชีพสังคมศาสตร์ (เช่น ที่ สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน อเมริกันพัณฑ์สมาคม สมาคมรัฐศาสตร์อเมริกัน และ สมาคมสังคมวิทยาอเมริกัน) นำรหัสของจริยธรรมเริ่มต้นในช่วงปี 1960 หรือทศวรรษ 1970 สำเนาของรหัสของจริยธรรมการวิจัยความเห็นสาธารณะและสมาคมสังคมวิทยาอเมริกันสมาคมอเมริกันมีในภาคผนวกเอ รหัสเหล่านี้จะคล้าย และบางหลักการได้ไปเหนือกว่าใน Noremberg รหัส
มืออาชีพสังคมสมาคมมีคณะกรรมการจรรยาบรรณตรวจทาน และได้ยินเกี่ยวกับการละเมิดที่เป็นไปได้ แต่มีบังคับไม่เข้มงวดของรหัส โทษสำหรับการละเมิดรองไม่ค่อยไปเกินตัวอักษร ถ้ากฎหมายไม่มี การละเมิด โทษที่หลักคือ การประชาสัมพันธ์เชิงลบรอบดี – ละเมิดจริยธรรมอย่างจริงจัง และเอกสาร การประชาสัมพันธ์อาจทำให้สูญเสียการจ้างงาน ปฏิเสธที่จะเผยแพร่งานวิจัยที่ค้นหาในสมุดรายวัน scholarly, prohibition จากการรับทุนวิจัย---ในคำอื่น ๆ banishment จากชุมชนของนักวิจัยมืออาชีพ.
ทำรหัสของจริยธรรมมากกว่าประมวลความคิดระหว่างนักวิจัย และให้คำแนะนำ พวกเขายังช่วยให้มหาวิทยาลัย และสถาบันอื่น ๆ ปกป้องวิจัยจริยธรรมกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากผลประโยชน์ทางการเมืองภายนอก เช่น หลังจากการสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัวพนักงาน 24 และดำเนินการเก็บข้อมูล นักวิจัยในปี 1994 เอกสารพนักงานสำนักงานกองหลังประชาชนมิลวอกีได้ overworked อย่างจริงจัง และไม่สามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพให้การป้องกันตามกฎหมายสำหรับคนจน เรียนรู้ของผลการศึกษา ด้านเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานติดต่อมหาวิทยาลัย และต้องการรู้ที่พนักงานของพวกเขาได้พูดคุยกับนักวิจัย มีนัยว่า พวกเขาอาจ reprisals กับพนักงาน นักวิจัยปกป้องดูแลมหาวิทยาลัย และปฏิเสธที่จะปล่อยข้อมูล อ้างถึงอย่างกว้างขวางยอมรับรหัสที่ปกป้องมนุษย์วิจัย subjects.24
รหัสของจริยธรรม Greenwald (1992:585 – 586) กล่าว "สังคมวิทยายืนออกระหว่างอาชีพการเรียนรู้เป็นสำคัญของอำนาจของสร้างสถาบันเช่นรัฐบาลหรือบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่" และการเตรียมการ "explicity รัฐคงของหลักสูตรและเปิดรับสิ่งการตีความที่แตกต่างกัน"

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆและที่ปรึกษาทนายฝ่ายจำเลยจะมีรหัสของกฎระเบียบการให้สิทธิ์การใช้งานหรือการตรวจสอบเฉพาะจุดและมีจริยธรรม รหัสที่ให้มาตรฐานความเป็นมืออาชีพและจะให้คำแนะนำเมื่อมีคำถามเกิดขึ้นใน practice. 22 นักวิจัยทางสังคมไม่ได้จัดให้มีบริการของคุณได้โดยคิดค่าบริการที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับจริยธรรมจำกัด(มหาชน)และแทบจะไม่ถูกต้องห้องพักมีความกังวลอย่างมีจริยธรรมในการวิจัยเพราะมันคือความประพฤติและสังคมรับผิดชอบและเพื่อป้องกันการวิจัยทางสังคมจาก chares ของผู้คนใช้หรือระดับความไวต่อพื้นที่ที่มี.
สมาคมวิทยาศาสตร์ทางสังคมมีจริยธรรม รหัสที่รัฐลักษณะการทำงานที่เหมาะสมและไม่เหมาะสมและเป็นฉันทามติและของอย่างมืออาชีพที่จริยธรรม นักวิจัยทั้งหมดอาจไม่เห็นด้วยในประเด็นจริยธรรมทั้งหมดและกฎระเบียบทางจริยธรรมเป็นเรื่องการตีความแต่นักวิจัยคาดว่าจะยังรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานทางจริยธรรมเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นสมาชิกของตนในชุมชนระดับมืออาชีพ.
ประมวลจริยธรรมการวิจัยสามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงรหัส noremberg ซึ่งได้นำมาใช้ในระหว่าง noremberg ทหารคณะอนุญาโตตุลาการที่ก่ออาชญากรรมสงครามนาซีซึ่งจัดโดยพันธมิตรใช้พลังงานได้ทันทีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รหัสพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นการตอบสนองความโหดร้ายของการทดลองค่ายกักกันสรุปเกี่ยวกับสิทธิและหลักการทางจริยธรรมของวัตถุมนุษย์ เหล่านี้รวมถึง:
- - ที่หลักการของความสมัครใจโดยได้รับความยินยอมจาก
- - การหลีกเลี่ยงไม่จำเป็นต้องได้รับความทุกข์ทรมานทาง กายภาพ และจิตใจ
- - การหลีกเลี่ยงการและมีการทดลองที่ซึ่งความตายหรือการปิดการใช้งานการได้รับบาดเจ็บมีแนวโน้ม
- - การยุติการให้บริการของการวิจัยหากเป็นความต่อเนื่องมีโอกาสที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บได้,ความพิการ,หรือการเสียชีวิต
- - ที่หลักการว่าการทดลองจะต้องมีการดำเนินการโดยได้มีสิทธิ์ได้รับคนที่ใช้ได้ระดับสูงสุดของความชำนาญและการดูแล
- - ที่หลักการที่ให้ผลควรจะเป็นสำหรับที่ดีของสังคมและไม่สามารถเอาได้โดยวิธีการอื่นใด
หลักการใน noremberg รหัสทำด้วยการบำบัดของมนุษย์วิชาและให้ความสำคัญในทางการแพทย์ทดลอง,แต่ก็กลายเป็นพื้นฐานสำหรับรหัสทางจริยธรรมในการวิจัยทางสังคม รหัสความเหมือนของสิทธิมนุษยชนเช่น 1948 ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสิทธิในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศชาติที่ 1964 คำประกาศของ Helsinki ยังมีความเกี่ยวพันกับสมาคมวิทยาศาสตร์สังคม 17.1 บางรายการของหลักการพื้นฐานของการวิจัยทางสังคมอย่างมีจริยธรรม.
มืออาชีพสังคม researchers. 23 โต๊ะ(เช่นการเชื่อมโยงทางจิตวิทยาชาวอเมริกันที่ชาวอเมริกันทางมานุษยวิทยาการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางการเมืองวิทยาศาสตร์แบบอเมริกันและสมาคมทางสังคมวิทยา)นำรหัสของจริยธรรมเริ่มในช่วงทศวรรษที่ 1960 ชาวอเมริกันหรือ 1970 s . สำเนาของรหัสของจริยธรรมสำหรับสมาคมชาวอเมริกันสำหรับสาธารณะความเห็นการวิจัยและการเชื่อมโยงทางสังคมวิทยาชาวอเมริกันที่มีอยู่ใน ภาคผนวก A .รหัสเหล่านี้มีความเหมือนและเป็นไปตามหลักการการบางอย่างในนั้นไปยังเหนือกว่าในรหัส noremberg ที่.
สมาคมวิทยาศาสตร์ทางสังคมอย่างมืออาชีพมีคณะกรรมการตรวจสอบรหัสที่มีจริยธรรมและรับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับการละเมิดอาจเป็นไปได้แต่ไม่มีการบังคับใช้อย่างเข้มงวดของรหัสที่ การปรับโทษสำหรับการละเมิดเล็กน้อยที่ไม่ค่อยจะดับลงตัวได้ ถ้ามีกฎหมายไม่ได้รับการละเมิดการยิงลูกโทษหลักที่มีการโฆษณาที่เป็นไปในเชิงลบโดยรอบการละเมิดจริยธรรมด้วยเป็นอย่างดี - เอกสารและที่สำคัญยิ่ง การโฆษณาที่อาจส่งผลให้ในการสูญเสียของการจ้างงานการปฏิเสธที่จะประกาศการค้นหาการวิจัยในวารสารทางวิชาการและการห้ามออกจากการรับเงินทุนในการศึกษาวิจัยในถ้อยคำอื่นๆเนรเทศออกจากชุมชนของบรรดานักวิจัยระดับมืออาชีพ.
รหัสของจริยธรรมจะทำอะไรได้มากกว่าประมวลความคิดในหมู่นักวิจัยและจะให้คำแนะนำและยังช่วยให้สถาบันการเงินอื่นและมหาวิทยาลัยเพื่อป้องกันการวิจัยทางจริยธรรมกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางจากผลประโยชน์ทางการเมือง ภายนอก ตัวอย่างเช่นหลังจาก สัมภาษณ์ 24 สมาชิกพนักงานและการดำเนินการสังเกตการณ์นักวิจัยในปี 1994 ชี้ให้เห็นว่าพนักงานที่สำนักงานกองหลัง Milwaukee สาธารณะที่มีงานล้นมืออย่างจริงจังและไม่มีการป้องกันทางกฎหมายสำหรับคนที่ยากจนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ การเรียนรู้จากสิ่งที่ค้นพบที่เจ้าหน้าที่ด้านบนที่อยู่ในสำนักงานได้ติดต่อมหาวิทยาลัยและถามถึงรู้ว่าผู้ที่พนักงานของตนได้คุยกับนักวิจัยที่พร้อมด้วยความเกี่ยวพันกับสิ่งที่พวกเขาอาจจะได้รับการตอบโต้จากสมาชิกพนักงานได้. การบริหารจัดการมหาวิทยาลัยที่นักวิจัยสามารถป้องกันตนเองและไม่ยอมวางข้อมูลที่ระบุว่ารหัสการยอมรับว่าป้องกันการวิจัยของมนุษย์ subjects. 24
ท่ามกลางรหัสของจริยธรรม greenwald ( 1992 : 585 - 586 )ตั้งข้อสังเกต"สังคมวิทยาโดดเด่นอยู่ท่ามกลางอาชีพที่ใช้ความรู้ที่สำคัญของหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นของการกำกับสถาบันการเงินเช่นรัฐบาลหรือบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่"และการที่จะ" explicity รัฐความล้มเหลวหรือความบกพร่องของแนวเปิดกว้างและการค้นพบจากการตีความแตกต่างกันไป"