This is partly because cassava is o

This is partly because cassava is often grown on sloping land or in poor soil, where few other crops will grow. Cassavas are large and the plants need to be planted far enough apart to get higher root yields. During the two – to three-month period before cassava leaves grow enough to close the crop canopy, the soil between the plants is left exposed to direct rainfall, which in turn results in soil runoff and loss.

It is therefore important that farmers protect the soil surface from the direct impact of rain, and slow runoff and soil loss. Intercropping cassava with fast ground-covering, short-term crops like peanuts protects the soil's surface, diversifies income and controls weeds. It also improves the soil. Mulching with crop residues or grass on the soil's surface protects the soil from direct rain's impact, greatly improving water filtration and further reducing erosion.

Planting strips of forage grasses like Paspalum atratum or shrubs like Tephrosia candida along slopes can also act like a barrier, breaking the slope length, forming terraces and preventing soil loss. The forages can also feed animals as part of integrated crop-livestock smallholdings. In Yen Bai Province, CIAT and local communities are currently testing this integrated cassava-forages practice as part of a climate-smart agriculture plan.

As opposed to most other crops, cassava is capable of growing and providing some yield even when soil fertility is low. That is why it is often a preferred crop for poor farmers. It also has no fixed harvest period, so it can be stored in the soil and harvested when other food has run out. But farmers need to be aware that even though cassava can grow in poor soil, the soil still needs to be improved and nutrients need to be replaced.

Results of cassava trials and demonstrations conducted in Tay Ninh, Dak Lak, Phu Yen and Dong Nai provinces have indicated that farmers have successfully improved their practices, and that new technology has boosted cassava yields. Trials show yield increases from 8.5 tonnes per ha to 36 tonnes per ha in some areas – four times more.

Various methodologies and Farmer Participatory Research (FPR) methods have been introduced, building on collaborative experiences to bring advanced technology to millions of poor farmers. This includes the selection of high-yield cassava varieties, and testing and selection of locally appropriate technologies.

Looking outside, how do you view the potential for cassava demand?

Throughout many communities in Southeast Asia, cassava is still eaten as a staple crop – especially in Indonesia, the Philippines and among ethnic minorities in mountainous areas on the mainland where few other crops grow. Starch, root and tuber crops supply an increasingly diverse and lucrative market. Asia is now the world's largest trader of cassava and cassava products.

Global demand for cassava is on the rise, driving a billion-dollar industry. This burgeoning market represents a huge opportunity for poor smallholder farmers to earn more from a crop that requires little investment and can grow in very poor soil.

Yet, the food security agenda in the Asia-Pacific is dominated by grain crops, rice and wheat, despite the fact that cassava – and other root and tuber crops – are a staple food for millions of poor farming households. — VNS

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นี่คือเนื่อง จากมันสำปะหลังมักปลูกบนเนินดิน หรือ ใน ดินที่ไม่ดี ที่จะปลูกพืชอื่น ๆ ไม่กี่ Cassavas มีขนาดใหญ่ และพืชต้องนำมาปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตรากสูงไกลพอกัน ในช่วง 2 – ไปสามเดือน ก่อนใบมันสำปะหลังเติบโตพอที่จะ ปิดหลังคาพืช ดินระหว่างพืชที่เหลือสัมผัสฝน ซึ่งในการเปิดน้ำไหลผ่านดินและสูญเสียโดยตรงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เกษตรกรป้องกันพื้นผิวดินโดยตรงผลกระทบของการฝน การสูญเสียดินและน้ำไหลผ่านช้า พืชระยะสั้นเช่นถั่วลิสงช่วยปกป้องพื้นผิวของดิน intercropping มันสำปะหลังกับครอบคลุมพื้นดินอย่างรวดเร็ว จริง diversifies รายได้และควบคุมวัชพืช มันยังช่วยปรับปรุงดิน คลุมดิน ด้วยพืช ตกค้างหรือหญ้าบนพื้นผิวของดินป้องกันดินฝนโดยตรงผลกระทบได้ กรองน้ำการปรับปรุงอย่างมาก และยัง ช่วยลดการพังทลายปลูกดอกไม้หญ้าพาสพาลั่ม atratum หรือพุ่มไม้เช่นแคน Tephrosia พร้อมลาดยังสามารถทำหน้าที่เหมือนกำแพงกั้น ทำลายความยาวลาด แถบรูประเบียง และป้องกันการสูญเสียดิน ความจำนงยังสามารถเลี้ยงสัตว์เป็นส่วนหนึ่งของ smallholdings รวมพืชสัตว์ จังหวัดเยนไบ CIAT และชุมชนท้องถิ่นได้ทดสอบปฏิบัตินี้มันสำปะหลังรวมจำนงเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเกษตรภูมิอากาศสมาร์ทAs opposed to most other crops, cassava is capable of growing and providing some yield even when soil fertility is low. That is why it is often a preferred crop for poor farmers. It also has no fixed harvest period, so it can be stored in the soil and harvested when other food has run out. But farmers need to be aware that even though cassava can grow in poor soil, the soil still needs to be improved and nutrients need to be replaced.Results of cassava trials and demonstrations conducted in Tay Ninh, Dak Lak, Phu Yen and Dong Nai provinces have indicated that farmers have successfully improved their practices, and that new technology has boosted cassava yields. Trials show yield increases from 8.5 tonnes per ha to 36 tonnes per ha in some areas – four times more.Various methodologies and Farmer Participatory Research (FPR) methods have been introduced, building on collaborative experiences to bring advanced technology to millions of poor farmers. This includes the selection of high-yield cassava varieties, and testing and selection of locally appropriate technologies.Looking outside, how do you view the potential for cassava demand?Throughout many communities in Southeast Asia, cassava is still eaten as a staple crop – especially in Indonesia, the Philippines and among ethnic minorities in mountainous areas on the mainland where few other crops grow. Starch, root and tuber crops supply an increasingly diverse and lucrative market. Asia is now the world's largest trader of cassava and cassava products.
Global demand for cassava is on the rise, driving a billion-dollar industry. This burgeoning market represents a huge opportunity for poor smallholder farmers to earn more from a crop that requires little investment and can grow in very poor soil.

Yet, the food security agenda in the Asia-Pacific is dominated by grain crops, rice and wheat, despite the fact that cassava – and other root and tuber crops – are a staple food for millions of poor farming households. — VNS

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นี่คือส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันสำปะหลังมักจะปลูกในที่ดินลาดหรือในดินดีที่พืชอื่น ๆ ไม่กี่จะเติบโต มันสำปะหลังที่มีขนาดใหญ่และพืชจะต้องมีการปลูกห่างกันไกลพอที่จะได้รับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นราก ในช่วงสอง - ระยะเวลาสามเดือนก่อนใบมันสำปะหลังเจริญเติบโตพอที่จะปิดหลังคาพืชดินระหว่างพืชจะถูกทิ้งไว้สัมผัสกับปริมาณน้ำฝนโดยตรงซึ่งในผลการเปิดในการไหลบ่าของดินและการสูญเสีย. ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เกษตรกรปกป้อง ผิวดินจากผลกระทบโดยตรงจากฝนและไหลบ่าช้าและสูญเสียดิน แซมมันสำปะหลังอย่างรวดเร็วพื้นครอบคลุมพืชระยะสั้นเช่นถั่วลิสงช่วยปกป้องผิวดินที่กระจายรายได้และการควบคุมวัชพืช นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มดิน คลุมดินด้วยเศษซากพืชหรือหญ้าบนพื้นผิวดินปกป้องดินจากผลกระทบฝนโดยตรงอย่างมากการปรับปรุงการกรองน้ำและต่อการลดการชะล้างพังทลาย. แถบปลูกหญ้าอาหารสัตว์เช่น Paspalum atratum หรือพุ่มไม้เช่น Tephrosia Candida ตามเนินเขายังสามารถทำหน้าที่เหมือนเป็นอุปสรรคทำลาย ความยาวลาดไว้ระเบียงและป้องกันการสูญเสียดิน จำนงยังสามารถเลี้ยงสัตว์เป็นส่วนหนึ่งของแบบบูรณาการ smallholdings พืชปศุสัตว์ ในจังหวัดเยนไบ CIAT และชุมชนท้องถิ่นกำลังทดสอบการปฏิบัตินี้มันสำปะหลังพืชอาหารสัตว์แบบบูรณาการเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเกษตรสภาพภูมิอากาศที่สมาร์ท. เมื่อเทียบกับพืชอื่น ๆ ส่วนใหญ่มันสำปะหลังมีความสามารถในการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตบางส่วนแม้ในขณะที่อุดมสมบูรณ์ของดินอยู่ในระดับต่ำ . นั่นคือเหตุผลที่มันมักจะเป็นพืชที่แนะนำสำหรับเกษตรกรที่ยากจน นอกจากนี้ยังมีช่วงการเก็บเกี่ยวคงไม่ดังนั้นก็สามารถเก็บไว้ในดินและเก็บเกี่ยวเมื่ออาหารอื่น ๆ ได้วิ่งออกไป แต่เกษตรกรจะต้องตระหนักว่าถึงแม้มันสำปะหลังสามารถเติบโตได้ในดินดีดินยังคงต้องมีการปรับปรุงและสารอาหารที่ต้องมีการเปลี่ยน. ผลของการทดลองมันสำปะหลังและการสาธิตการดำเนินการใน Tay Ninh, Dak Lak ภูเยนและจังหวัดดองไน ได้ชี้ให้เห็นว่าเกษตรกรมีการปรับปรุงการประสบความสำเร็จในการปฏิบัติของพวกเขาและว่าเทคโนโลยีใหม่ที่ได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนมันสำปะหลัง การทดลองแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนจาก 8.5 ตันต่อเฮกแตร์ถึง 36 ตันต่อไร่ในบางพื้นที่ -. ครั้งที่สี่มีวิธีการต่างๆและเกษตรกรมีส่วนร่วมในการวิจัย (FPR) วิธีการได้รับการแนะนำในการสร้างประสบการณ์การทำงานร่วมกันที่จะนำเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อล้านของเกษตรกรที่ยากจน . นี้รวมถึงการเลือกพันธุ์มันสำปะหลังให้ผลตอบแทนสูงและการทดสอบและการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมในประเทศกำลังมองนอกอย่างไรคุณดูมีศักยภาพสำหรับความต้องการมันสำปะหลังตลอดหลายชุมชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มันสำปะหลังจะกินยังคงเป็นพืชหลัก - โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเทศอินโดนีเซียฟิลิปปินส์และหมู่ชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ภูเขาบนแผ่นดินใหญ่ที่ปลูกพืชอื่น ๆ ไม่กี่เติบโต แป้งรากและหัวพืชจัดหาตลาดมากขึ้นมีความหลากหลายและมีกำไร เอเชียในขณะนี้คือผู้ประกอบการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกของมันสำปะหลังและมันสำปะหลังผลิตภัณฑ์. ต้องการทั่วโลกสำหรับมันสำปะหลังเป็นที่ขึ้นขับรถอุตสาหกรรมพันล้านดอลลาร์ ตลาดที่กำลังขยายตัวนี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่สำหรับเกษตรกรรายย่อยที่ไม่ดีที่จะได้รับเพิ่มเติมจากการเพาะปลูกที่ต้องใช้เงินลงทุนน้อยและสามารถเจริญเติบโตได้ในดินที่น่าสงสารมากก. แต่วาระการประชุมความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ถูกครอบงำด้วยพืชข้าวและข้าวสาลี แม้จะมีความจริงที่ว่ามันสำปะหลัง - และรากและหัวพืชอื่น ๆ - เป็นอาหารหลักล้านครัวเรือนยากจนการเกษตร - VNS

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นี้เป็นเพราะมันมักจะปลูกในพื้นที่ลาดชัน หรือในดินที่ไม่ดี ที่ปลูกพืชอื่น ๆไม่กี่ที่จะเติบโต มันสำปะหลังเป็นพืชที่มีขนาดใหญ่และต้องการที่จะปลูกไกลพอห่างได้สูงขึ้น ราก ผลผลิต ในช่วง 2 – 3 เดือนช่วงก่อนใบมันสำปะหลังจะเติบโตพอที่จะปิดครอบหลังคา , ดินระหว่างพืชที่เหลือตากน้ำฝนโดยตรง ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณดินและการสูญเสียมันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เกษตรกรปกป้องผิวดินจากผลกระทบโดยตรงของฝน และไหลช้า และการสูญเสียดิน การปลูกมันสำปะหลังกับพื้นดินอย่างรวดเร็วครอบคลุมพืชระยะสั้น เช่น ถั่วลิสง ช่วยปกป้องพื้นผิวของดิน ดรายได้และการควบคุมวัชพืช นอกจากนี้ยังช่วยปรับปรุงดิน การคลุมดินด้วยเศษหญ้าหรือพืชบนผิวของดิน ป้องกันดินจากฝนโดยตรงผลกระทบ , การปรับปรุงอย่างมากและการกรองน้ำเพิ่มเติม ลดการกัดเซาะการปลูกแถบหญ้า เช่น หญ้า Paspalum atratum หรือพุ่มไม้เหมือน tephrosia Candida ตามลาดยังสามารถทำตัวเป็นอุปสรรคทํ ลาดยาว , สร้างอาคารและการป้องกันการสูญเสียดิน การค้นหาสามารถให้อาหารสัตว์เป็นส่วนหนึ่งของ smallholdings ปศุสัตว์พืชแบบผสมผสาน ในเยนบ๋าย จังหวัด ชุมชน และท้องถิ่น กำลังทดสอบ เกี๊ยตค้นหาปฏิบัติเป็นส่วนหนึ่งของสภาพภูมิอากาศสมาร์ทการเกษตรแผนบูรณาการ มันสำปะหลังเมื่อเทียบกับพืชอื่น ๆส่วนใหญ่ มันสำปะหลัง สามารถเติบโตและการให้ผลผลิตแม้ว่า ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ นั่นคือเหตุผลที่มันมักจะเป็นพืชที่ต้องการ สำหรับเกษตรกรที่ยากจน มันยังไม่คงที่ ระยะเก็บเกี่ยว ดังนั้นมันสามารถเก็บไว้ในดินและเก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่ออาหารอื่น ๆได้หมด แต่เกษตรกรต้องทราบว่าแม้ว่ามันสำปะหลังสามารถปลูกได้ในดินที่ไม่ดี ดินยังต้องมีการปรับปรุงและสารอาหารจะต้องถูกแทนที่ผลของการทดลองและการสาธิตการมันสำปะหลังใน Tay Ninh Dak Lak , เยนภูดงในจังหวัดระบุว่า เกษตรกรต้องสามารถปรับปรุงการปฏิบัติของพวกเขา และว่า เทคโนโลยีใหม่ได้เพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง การทดลองแสดงผลผลิตเพิ่มขึ้นจาก 8.5 ตันต่อฮา 36 ตันต่อฮาในบางพื้นที่ทั้งสี่ครั้งวิธีการต่าง ๆ และเกษตรกร การวิจัยแบบมีส่วนร่วม ( fpr ) วิธีการได้รับการแนะนำ , การสร้างประสบการณ์ร่วมกัน เพื่อนำเทคโนโลยีขั้นสูงในล้านของเกษตรกรที่ยากจน นี้รวมถึงการเลือกของพันธุ์มันสำปะหลังที่ให้ผลตอบแทนสูงและการทดสอบและคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมในท้องถิ่น .ดูภายนอกคุณดูศักยภาพความต้องการมันสำปะหลัง ?ตลอดหลายชุมชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันสำปะหลังยังกินพืชเป็นหลักและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และในหมู่ชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ภูเขาบนแผ่นดินใหญ่ที่ปลูกพืชอื่น ๆไม่กี่เติบโต แป้ง , รากและพืชหัว เช่น จัดหาตลาดมากขึ้นหลากหลายและร่ำรวย เอเชียขณะนี้ผู้ประกอบการที่ใหญ่ที่สุดของโลกของผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และมันสำปะหลังอุปสงค์ทั่วโลกสำหรับมันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้น , ขับพันล้านดอลลาร์อุตสาหกรรม บริการตลาดเป็นโอกาสใหญ่สำหรับเกษตรกรที่ยากจนมีรายได้เพิ่มเติมจากโครงสร้างการผลิตที่ต้องมีการลงทุนน้อยและสามารถเจริญเติบโตได้ในดินที่ยากจนมากยัง , ความมั่นคงด้านอาหารวาระในเอเชียแปซิฟิกเป็น dominated โดยธัญพืช ข้าว และข้าวสาลี มันสำปะหลัง และแม้จะมีความจริงที่ว่าทั้งรากและหัวพืช และเป็นอาหารหลักสำหรับล้านครัวเรือนเกษตรที่ยากจน - vns