Hypnotic AnalgesiaPain is the ultim

Hypnotic Analgesia

Pain is the ultimate psychosomatic phenomenon, always representing both tissue injury and the
psychological reaction to it. The first formal study of hypnosis in pain occurred more than a century ago
in India when a Scottish surgeon named Esdaile[26] reported that hypnosis was 80% effective in
producing surgical anesthesia for amputations. He was immediately censured by his colleagues and 10
years later withdrew his findings when a report from Massachusetts General Hospital stated that ether
anesthesia was 90% effective. Indeed, one of Boston surgeons strode to the front of the amphitheater
and announced, "Gentlemen, this is no humbug!" to distinguish the use of ether from hypnosis.
Nonetheless, it is clear that psychological factors are major variables in the intensity of the pain
experience. Ninety years later, also at Massachusetts General Hospital, Beecher[27] demonstrated that
the intensity of pain was directly associated with its meaning. To the extent that pain represented a threat
and the possibility of future disability, it was more intense than it was among a group of combat soldiers
to whom the pain of injury meant that they were likely to get out of combat alive.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Analgesia สะกดความเจ็บปวดเป็นสุด psychosomatic ปรากฏการณ์ เสมอแทนการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อทั้งสองและปฏิกิริยาทางจิตใจนั้น การศึกษาทางแรกของการสะกดจิตในความเจ็บปวดเกิดขึ้นเมื่อกว่าศตวรรษที่ผ่านมาในอินเดีย เมื่อศัลยแพทย์สกอตแลนด์ชื่อ Esdaile [26] ได้รายงานว่า สะกดจิตไม่ 80% มีประสิทธิภาพในการผลิตยาผ่าตัดสำหรับ amputations เขาถูก censured ทันที โดยผู้ร่วมงานของเขาและ 10ปีต้องถอนเขาพบรายงานจากโรงพยาบาลทั่วไปแมสซาชูเซตส์ระบุว่า อีเทอร์ยาได้ผล 90% แน่นอน บอสตัน surgeons หนึ่ง strode หน้าแอมฟิเทียเตอร์และ กำหนด "สุภาพบุรุษ นี่คือ humbug ไม่" เพื่อแยกการใช้อีเทอร์จากปริญญาโทกระนั้น เป็นที่ชัดเจนว่า ปัจจัยทางจิตใจเป็นตัวแปรสำคัญในความรุนแรงของอาการปวดประสบการณ์ เก้าสิบปีต่อมา ยังโรงพยาบาลทั่วไปแมสซาชูเซตส์ Beecher [27] แสดงที่ความรุนแรงของอาการปวดได้โดยตรงเกี่ยวข้องกับความหมาย ที่เจ็บปวดแทนคามและความเป็นไปได้ของความพิการในอนาคต มันเป็นความเข้มข้นกว่าก็ระหว่างกลุ่มทหารต่อสู้ที่เจ็บปวดของบาดเจ็บหมายถึง ว่า พวกเขามีแนวโน้มที่จะได้รับจากการต่อสู้ที่มีชีวิตอยู่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จิตปวดปวดเป็นปรากฏการณ์จิตใจที่ดีที่สุดเสมอเป็นตัวแทนของทั้งสองได้รับบาดเจ็บของเนื้อเยื่อและปฏิกิริยาทางจิตวิทยาเพื่อมัน การศึกษาอย่างเป็นทางการครั้งแรกของการสะกดจิตที่เกิดขึ้นในความเจ็บปวดมากกว่าศตวรรษที่ผ่านมาในประเทศอินเดียเมื่อสกอตศัลยแพทย์ชื่อ Esdaile [26] รายงานว่าการสะกดจิตเป็น 80% มีประสิทธิภาพในการผลิตการดมยาสลบผ่าตัดเนื้อตาย เขาถูกด่าทันทีโดยเพื่อนร่วมงานของเขาและ 10 ปีต่อมาถอนผลการวิจัยของเขาเมื่อรายงานจากโรงพยาบาลแมสซาชูเซตระบุว่าอีเทอร์ระงับความรู้สึกเป็น 90% ที่มีประสิทธิภาพ แท้จริงหนึ่งของศัลยแพทย์บอสตันก้าวไปยังด้านหน้าของอัฒจันทร์และประกาศ "สุภาพบุรุษนี้เป็นหลอกลวงไม่!" ที่จะแยกแยะการใช้อีเทอร์จากการสะกดจิต. กระนั้นก็เป็นที่ชัดเจนว่าปัจจัยทางจิตวิทยาเป็นตัวแปรที่สำคัญในความรุนแรงของอาการปวดประสบการณ์ เก้าสิบปีต่อมาก็ที่แมสซาชูเซตโรงพยาบาลบีเชอร์ [27] แสดงให้เห็นว่าความรุนแรงของอาการปวดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความหมายของมัน ในกรณีที่มีอาการปวดเป็นตัวแทนของภัยคุกคามและความเป็นไปได้ของความพิการในอนาคตมันก็รุนแรงมากขึ้นกว่าที่มันเป็นหนึ่งในกลุ่มของทหารรบผู้ที่เจ็บปวดของการบาดเจ็บหมายความว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะได้รับจากการต่อสู้ที่ยังมีชีวิตอยู่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ถูกสะกดจิตด้วยความเจ็บปวดเป็นสุดยอดปรากฏการณ์ทางจิตมักจะเป็นตัวแทนของทั้งเนื้อเยื่อบาดเจ็บและ
ปฏิกิริยาทางจิตวิทยาได้ ศึกษาอย่างเป็นทางการครั้งแรกของการสะกดจิตในความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกว่าศตวรรษที่ผ่านมา
ในอินเดียเมื่อศัลยแพทย์ชาวสก็อตชื่อ esdaile [ 26 ] รายงานว่า การสะกดจิตเป็น 80% ที่มีประสิทธิภาพในการผลิตยาระงับ
ราคาประหยัดตัดแขนตัดขาเขารีบปลด โดยเขาและเพื่อนร่วมงาน 10
ปีต่อมาถอนผลการวิจัยของเขาเมื่อรายงานจากโรงพยาบาล Massachusetts General ระบุว่ายาชายาสลบ
90 % มีประสิทธิภาพ แน่นอนหนึ่งในบอสตัน ศัลยแพทย์ สโทร์ดี้ไปด้านหน้าของอัฒจันทร์
และประกาศว่า " สุภาพบุรุษ นี่ไม่น่า ! การแยกแยะการใช้ยาสลบจากการสะกดจิต
กระนั้นมันเป็นที่ชัดเจนว่าปัจจัยทางจิตวิทยาคือตัวแปรสำคัญในความเข้มของประสบการณ์ความเจ็บปวด

เก้าสิบปีต่อมายังโรงพยาบาล Massachusetts General บีเชอร์ [ 27 ] , แสดงให้เห็นว่า
ของความรุนแรงของอาการปวดได้โดยตรงเกี่ยวข้องกับความหมายของมัน ถึงความเจ็บปวดที่แสดงการคุกคาม
และความเป็นไปได้ของคนพิการในอนาคตมันลึกซึ้งกว่านั้นคือระหว่างกลุ่มทหารรบ
ซึ่งความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บหมายความว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะออกไปจากการมีชีวิตอยู่