This study investigates Facebook us

This study investigates Facebook users' perceptions of online privacy, exploring their awareness of privacy issues and how their behaviour is influenced by this awareness, as well as the role of trust in an online social networking environment. A cross-sectional survey design is used. The sample frame is a network of Facebook friends; 285 survey responses were collected giving a response rate of 47.5 per cent. The study reveals over half of Facebook users have a high level of privacy awareness; however, an element of uncertainty is evident. Privacy concerns are prevalent especially relating to third parties' access to Facebook users' information. Over three-quarters of users have changed their privacy settings to tighter controls, prompted largely by privacy concerns. The most active period for change to privacy settings was 2010, reflecting a response to the controversy surrounding Facebook's privacy approach. Only one-quarter of users trust Facebook, yet the majority of users believe both Facebook and users have an equal obligation to protect users' information.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษานี้สำรวจการรับรู้ของผู้ใช้ Facebook ของความเป็นส่วนตัวออนไลน์สำรวจความตระหนักถึงปัญหาความเป็นส่วนตัวของพวกเขาและวิธีการที่พฤติกรรมของพวกเขาได้รับอิทธิพลจากการรับรู้นี้เช่นเดียวกับบทบาทของความไว้วางใจในสภาพแวดล้อมเครือข่ายสังคมออนไลน์ ออกแบบสํารวจภาคตัดขวางถูกนำมาใช้ กรอบตัวอย่างเป็นเครือข่ายของเพื่อน facebook;285 ตอบแบบสำรวจที่ถูกเก็บรวบรวมให้อัตราการตอบสนองจากร้อยละ 47.5 การศึกษาแสดงให้เห็นว่ากว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ Facebook มีระดับสูงของการรับรู้ข้อมูลส่วนบุคคล แต่องค์ประกอบของความไม่แน่นอนที่เห็นได้ชัด ความเป็นส่วนตัวเป็นที่แพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับ 'การเข้าถึงผู้ใช้ Facebook ของบุคคลที่สามข้อมูลกว่าสามในสี่ของผู้ใช้ที่มีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเพื่อการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นพร้อมท์ส่วนใหญ่โดยความเป็นส่วนตัว ระยะเวลาการใช้งานมากที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเป็น 2,010 สะท้อนให้เห็นถึงการตอบสนองต่อความขัดแย้งรอบแนวทางความเป็นส่วนตัวของ Facebook เพียงหนึ่งในสี่ของผู้ใช้ไว้วางใจ facebook,แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่เชื่อว่าทั้ง Facebook และผู้ใช้จะมีภาระหน้าที่ที่เท่าเทียมกันในการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษานี้ตรวจสอบภาพลักษณ์ของผู้ใช้ Facebook ของข้อมูลส่วนบุคคลออนไลน์ สำรวจการรับรู้ปัญหาส่วนตัวและวิธีพฤติกรรมของพวกเขาได้รับอิทธิพลจากความรู้นี้ รวมทั้งบทบาทของระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่เชื่อถือ มีใช้แบบสำรวจที่เหลว กรอบตัวอย่างคือ เครือข่ายของเพื่อน ๆ ใน Facebook ตอบสำรวจความคิดเห็นที่ 285 ถูกเก็บรวบรวมการให้อัตราการตอบสนองของร้อยละ 47.5 การศึกษาพบว่า กว่า ครึ่งของผู้ใช้ Facebook ได้รับรู้ความเป็นส่วนตัว ระดับสูง อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบของความไม่แน่นอนจะเห็นได้ชัด ความเป็นส่วนตัวกังวลมีแพร่หลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องของบุคคลที่สามเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ Facebook กว่า three-quarters ของผู้ใช้มีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพื่อควบคุมสัด เตือนเป็นส่วนใหญ่ โดยส่วนตัวกังวล รอบระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอยู่มากที่สุด 2010 สะท้อนให้เห็นถึงการตอบสนองการถกเถียงรอบวิธีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ Facebook ได้ ไตรมาสหนึ่งเดียวผู้ใช้เชื่อถือ Facebook แต่เชื่อว่า ส่วนใหญ่ของผู้ใช้ Facebook และผู้มีหน้าที่ปกป้องข้อมูลของผู้ใช้เท่านั้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษานี้ทำการพิจารณาข้อสงสัยทั้งหมดของทัศนคติของผู้ใช้ Facebook ของความเป็นส่วนตัวแบบออนไลน์เพื่อการสำรวจตระหนักถึงความมีอยู่ของปัญหาเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการทำงานของตนได้อย่างไรจะได้รับอิทธิพลจากการรับรู้นี้รวมทั้งบทบาทของความน่าเชื่อถือใน สภาพแวดล้อม เครือข่ายทางสังคมออนไลน์ได้ การออกแบบการสำรวจแบบตัดขวางที่มีการใช้ เฟรมตัวอย่างที่เป็นเครือข่ายของเพื่อนใน Facebook285 การตอบกลับจากการสำรวจจะถูกรวบรวมให้อัตราการตอบสนองของ 47.5% การศึกษาพบมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ Facebook มีระดับสูงของการตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวได้แต่ถึงอย่างไรก็ตามในความไม่แน่นอนมีหลักฐาน ปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวเป็นส่วนใหญ่โดยเฉพาะเกี่ยวกับการเข้าใช้ของบุคคลที่สามเพื่อดูข้อมูลของผู้ใช้ Facebookมากกว่าสามในสี่ของผู้ใช้มีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเพื่อการควบคุมอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้นได้รับพรอมต์ให้มากโดยปัญหาด้านความเป็นส่วนตัว เวลาที่ใช้งานอยู่สำหรับการเปลี่ยนแปลงในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเป็น 2010 ซึ่งสะท้อนถึงการตอบสนองต่อข้อถกเถียงที่อยู่โดยรอบแนวทางความเป็นส่วนตัวของ Facebook เพียงหนึ่งในสี่ของผู้ใช้ความน่าเชื่อถือ Facebookแต่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้ใช้ของผู้ใช้ Facebook และทั้งสองมี ภาระ หน้าที่เท่ากับการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้