ถนนสติลเวลล์ (Stilwell Road) เชื่อมยุทธศาสตร์จีน-พม่า-อินเดีย
“ถนนสายเลโด (Ledo Road) หรือ ถนนสติลเวลล์ (The Stilwell Road) ถูกตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ พลโทโจเซฟ สติลเวลล์ (Joseph Stilwell) ผู้บัญชาการกองทัพอเมริกัน เป็นถนนที่ถูกสร้างในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เชื่อมชายแดนอินเดียไปยังพม่าและยูนนานของจีน เพื่อสกัดกั้นการรุกคืบของกองทัพญี่ปุ่นในสมัยนั้น ถนนเส้นนี้แลกมาด้วยชีวิตนับพัน วิ่งไปตามภูเขาที่คดเคี้ยวผ่านป่า และแม่น้ำกว่า 100 สาย มีความยาวทั้งสิ้น 1,726 กม. เป็นเส้นทางเก่าแต่ยังมีประโยชน์ต่อจีน พม่า และอินเดียในเชิงยุทธศาสตร์ ทำให้ทั้ง 3 ประเทศ มีโครงการฟื้นฟูถนน Stilwell ขึ้นมาใช้อีกครั้งหนึ่ง”
นโยบาย Look East ของอินเดีย ทำให้อินเดียต้องการเปิดใช้เส้นทาง Stilwell ที่เชื่อมระหว่างรัฐอัสสัมของอินเดีย พม่า และมณฑลยูนนานอีกครั้ง เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและเปิดเส้นทางให้เป็นประโยชน์ต่อรัฐอัสสัม อรุณาจัลประเทศ และมณีปุระ โดยโครงการของรัฐบาลอินเดียที่มุ่งสู่ตะวันออก เพื่อมาบรรจบกับจีนที่มุ่งสู่ตะวันตก (Look west) และมีพม่าเป็นจุดเชื่อมโยง (Linkage) มีชื่อว่า “กาลาดัน” (Kaladan) ซึ่งเป็นชื่อของแม่น้ำกาลาดัน (Kaladan) ในพม่า ปากแม่น้ำนี้สามารถสร้างท่าเรือน้ำลึก และสามารถเดินทางต่อไปถึงรัฐมิซอรัมในอินเดียได้ ทำให้รัฐในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียมีทางออกสู่ทะเลเบงกอลและยังมีการก่อสร้างทางหลวงอีก 1 เส้นทางเชื่อมอินเดีย-พม่า-ไทย (เมียวดี-แม่สอด) และซ่อมแซมถนนสายมอเรห์-ตามู-กาเล-กาเลวะ-มัณฑะเลย์ เชื่อมอินเดียมายังเมืองมัณฑะเลย์ของพม่า
การฟื้นฟูถนนสติลเวลล์ (The Stilwell Road) เป็นประโยชน์สูงอย่างมากต่อจีนและอินเดีย รวมทั้งพม่าที่ต้องการให้เกิดการครอบครองพื้นที่ตลอดเส้นทางที่ถนนสายนี้ผ่านอย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะรัฐคะฉิ่น (Kachin) ที่มีถนนสาย Stilwell ผ่านจะเป็นเส้นทางลำเลียงพลังงาน สินค้าและอัญมณี ก่อให้เกิด “Chindia” (China + India) ที่มีพม่าเป็นท่อเศรษฐกิจเชื่อมโยงเขตรอยต่อของ 3 ประเทศ คือ บังกลาเทศ พม่า กับ รัฐในดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่ไร้ทางออกทะเล รัฐบาลอินเดียจะเปิดทางเชื่อมและหาทางออกสู่ทะเลที่เมืองท่าสิตต่วย (Sittwe) ในพม่ากับเมืองจิตตะกอง (Chittagong) ในบังกลาเทศ รวมทั้งช่วยพม่าตัดถนนเพื่อไปยังเมืองมัณฑะเลย์กับเมืองหลวงใหม่เนย์ปีดอว์และเมืองจ๊อกปีว ซึ่งเป็นต้นทางท่อก๊าซไปยังชายแดนจีน
อินเดียลงทุน 16,660 ล้านรูปี หรือ 357 ล้านดอลลาร์ พัฒนาทางหลวงในรัฐตรีปุระ (Tripura) ของอินเดียเพื่อเชื่อมทางหลวงกับบังกลาเทศและเข้าพม่า จะทำให้สามารถใช้ท่าเรืออ่าวเบงกอลได้ ทั้งนี้ มีการเร่งรัดการตัดถนนสายใหม่ในรัฐมิซอรัม (Mizorum) ของอินเดียไปยังพรมแดนพม่า ระยะทาง 100 กม. ทำให้สามารถเชื่อมต่อไปยังท่าเรือที่เมืองสิตต่วยในรัฐยะไข่ (Rakhine) ของพม่า โดยรัฐบาลอินเดียได้เซ็นสัญญาช่วยรัฐบาลพม่าก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่บริเวณปากแม่น้ำกาลาดันในพม่า แม่น้ำสายนี้เชื่อมต่อไปถึงรัฐมิซอรัมของอินเดียและออกสู่ทะเลเบงกอลได้ จะทำให้มิซอรัมกลายเป็นประตูการค้าขายระหว่างประเทศ โดยผ่านท่าเรือสิตต่วย ทั้งนี้ รัฐบาลพม่ามีนโยบายที่จะสร้างถนนจากมิตจีนา (Myitkyina) ของพม่า ระยะทาง 312 กิโลเมตร ไปยังด่านปางซอ (Pangsau Pass) ของพม่า ตามแนวชายแดนอินเดียและพม่าไปยังเมืองยูนนานของประเทศจีน
การริเริ่มโครงการมิตจีนา - ทาไน - ด่านปางซอ (Myitkyina – Tanai – Pangsau Pass) จะเป็นประโยชน์ต่อ ๓ ประเทศ และการเปิดใช้ถนน Stilwell จะลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าจากอินเดียไปจีน ซึ่งเป็นการส่งเสริมการค้า Sino – Indian ถนน Stilwell Road ในรัฐอัสสัม (Assam) ของอินเดียจะตัดผ่านไจรัมพัวและนัมพง (Jairampur – Nampong) ใน อรุณาจัลประเทศ (Arunachai Pradesh) ของอินเดียไปสิ้นสุดที่ด่านปางซอของพม่า ที่ตัดผ่านเข้าพม่า ถนนจะเป็นรูปคลื่นผ่านทางเหนือของพม่าไปที่รัฐมิตจีนาของพม่าก่อนวกไปจีน สิ้นสุดที่คุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน ตลอดเส้นทางมีระยะทางรวม 61 กิโลเมตรในอินเดีย มีระยะทางรวม 1,035 กิโลเมตรในพม่า และมีระยะทางรวม 640 กิโลเมตรในจีน
ในอดีตพม่าเน้นนโยบายภายในประเทศ (inward – looking policy) และหลีกเลี่ยงการติดต่อกับโลกภายนอก ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่าง 3 ประเทศ ได้รับการปรับปรุงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้เกิดข้อตกลงการเปิดใช้ถนนมิตจีนา – ทาไน – ด่านปางซอ โดยเซ็นสัญญาในเดือน พ.ย.2011 และโครงการอยู่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัทก่อสร้างของยูนนานและบริษัทยูซาน่าที่ทหารพม่าสนับสนุนอยู่ สำหรับถนนที่ตัดผ่านคะฉิ่นยังไม่อนุญาตให้เปิดใช้ เนื่องจากเหตุผลด้านความมั่นคงในพื้นที่
ในปี ค.ศ.1947 บางส่วนของพื้นที่ระหว่างอินเดียไปบังกลาเทศไม่สามารถใช้การได้ ทำให้ไม่สามารถเข้าไปถึงท่าเรือที่จิตตะกองของบังกลาเทศ ภูมิภาคนี้อยู่ห่างทะเล 1,600 กิโลเมตร โดยเฉพาะที่ผ่านจาก Siliguri ไปยังท่าเรือโกลกาตา (Kolkata) ของบังกลาเทศ สินค้าจากตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียไปจีนหรือประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเดินทางผ่านโกลกาตา ผ่านช่องแคบมะละกาไปยังจีน การขนส่งใช้เวลา 7 วัน การขนส่งทางตะวันออกเฉียงเหนือตามเส้นทาง Stilwell ไปยูนนานจะใช้เวลาน้อยกว่า 2 วัน สำหรับเส้นทางอื่นทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียผ่านพม่าไปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเส้นทางมอเรห์ – ทามู (Moreh – Tamu) เชื่อมมณีปุระ (Manipur) ของอินเดียกับพม่า และทางหลวงหมายเลข 39 ของอินเดียที่ผ่าน Numaligarh ในรัฐอัสสัมของอินเดีย ผ่านนาคแลนด์ (Nagaland) ของอินเดียและเชื่อมต่อกับถนนมอเรห์อีกครั้ง
โครงการ Kaladan ของพม่าเริ่มในปี ค.ศ.2011 โครงการจะเชื่อมรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของมิซอรัมกับอ่างเบงกอล คาดว่าแล้วเสร็จ ในปี ค.ศ.2013 รวมถึงการพัฒนาแม่น้ำกาลาเดน และการปรับปรุงโครงการสาธารณูปโภคของท่าเรือสิตต่วย เมืองหลวงของรัฐอาระกัน ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำกาลาเดนเข้าสู่อ่าวเบงกอล สิตต่วย มีความสำคัญในฐานะท่าเรือที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการพัฒนาโครงการก๊าซบริเวณชายฝั่ง ซึ่งวางแผนจะวางท่อส่งก๊าซมาจากทางเหนือของประเทศจีน
บทบาทของ Stilwell Road ต่อจีน และประเทศในเอเซียใต้
จีน: จีนได้ทำการหารือกับพม่าและบังกลาเทศเมื่อ ต.ค.2012 ในประเด็นการใช้ประโยชน์จากโครงการ “ประตูการค้าบังกลาเทศ – จีน –อินเดีย- พม่า” หรือ “Bangladesh – China – India – Myanmar (BCIM) economic corridor” และอินเดียก็เห็นด้วยกับโครงการนี้ ถนน Stilwell จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างจีนกับอินเ