อาศัยหลักการของ ปฏิกิริยาการเติมไฮโ

อาศัยหลักการของ ปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนเข้าสู่พันธะไม่อิ่มตัว) โดยผ่านกระบวนการทางเคมีด้วยปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชันแบบใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา (Catalytic Hydrogenation) โดยสายโซ่พอลิเมอร์จะถูกทำให้แตกหรือขาดออกจากกันด้วยความร้อนและสัมผัสกับไฮโดรเจนที่มากเกินพอที่ความดันสูงกว่า 100 บรรยากาศ จนเกิดปฏิกิริยาแตกตัว (Cracking) และเกิดการเติมไฮโดรเจน ผลิตภัณฑ์จะได้เป็น บิทูเมน (Bitumen) และ น้ำมันดิบสังเคราะห์ (Synthetic crude oil)

เมื่อนำไปผ่านการกลั่นแล้วได้ส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงเหลว เช่น น้ำมันแก็สโซลีนหรือดีเซล

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อาศัยหลักการของปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนเข้าสู่พันธะไม่อิ่มตัว) โดยผ่านกระบวนการทางเคมีด้วยปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชันแบบใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา (ตัวเร่งปฏิกิริยาไฮโดรจีเนชัน) โดยสายโซ่พอลิเมอร์จะถูกทำให้แตกหรือขาดออกจากกันด้วยความร้อนและสัมผัสกับไฮโดรเจนที่มากเกินพอที่ความดันสูงกว่า 100 บรรยากาศ (แตก) จนเกิดปฏิกิริยาแตกตัวและเกิดการเติมไฮโดรเจนผลิตภัณฑ์จะได้เป็นบิทูเมน (ยางมะตอย) และน้ำมันดิบสังเคราะห์ (น้ำมันดิบสังเคราะห์) เมื่อนำไปผ่านการกลั่นแล้วได้ส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงเหลวเช่นน้ำมันแก็สโซลีนหรือดีเซล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อาศัยหลักการของ (Catalytic Hydrogenation) 100 บรรยากาศจนเกิดปฏิกิริยาแตกตัว (Cracking) และเกิดการเติมไฮโดรเจนผลิตภัณฑ์จะได้ เป็นบิทูเมน (Bitumen) และน้ำมันดิบสังเคราะห์ (Synthetic น้ำมันดิบ เช่นน้ำมันแก็สโซลีนหรือ ดีเซล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อาศัยหลักการของปฏิกิริยาการเติมไฮโดรเจนเข้าสู่พันธะไม่อิ่มตัว ) โดยผ่านกระบวนการทางเคมีด้วยปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชันแบบใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา ( เร่งปฏิกิริยาไฮโดรจิเนชัน ) โดยสายโซ่พอลิเมอร์จะถูกทำให้แตกหรือขาดออกจากกันด้วยความร้อนและสัมผัสกับไฮโดรเจนที่มากเกินพอที่ความดันสูงกว่า 1 00 บรรยากาศจนเกิดปฏิกิริยาแตกตัว ( แตก ) และเกิดการเติมไฮโดรเจนผลิตภัณฑ์จะได้เป็นบิทูเมน ( Bitumen ) และน้ำมันดิบสังเคราะห์ ( น้ำมันดิบสังเคราะห์ )เมื่อนำไปผ่านการกลั่นแล้วได้ส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงเหลวเช่นน้ำมันแก็สโซลีนหรือดีเซล