ป็นอุปกรณ์ที่สำคัญของเครื่องหลังจากการทำงาน ไฟล์ต่างๆก็จะถูกคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูล บันทึกไว้ในฮาร์ดดิสก์ ถ้าหากฮาร์ดดิสก์มีความจุมากก็ยิ่งสามารถบันทึกข้อมูลลงได้มากๆอีกทั้งยังเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งระบบปฏิบัติการเพื่อให้สามารถเรียกให้โปรแกรมต่างๆบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้
2.1 หน้าที่ของฮาร์ดดิสก์ เป็นแหล่งเก็บข้อมูลสำรองของคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เก็บบันทึกข้อมูลไว้ได้อย่างถาวร แม้ในสภาวะที่ไม่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้า ข้อมูลสำคัญจะไม่สูญหายไปแม้เวลาปิดเครื่องไปแล้วก็ตาม เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาใหม่ก็สามารถดึงข้อมูลที่อยู่ในฮาร์ดดิสก์มาใช้ได้ต่อไป ฮาร์ดดิสก์เปรียบเสมือนตู้เก็บไฟล์เอกสารของเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง นอกจากนี้พื้นที่ของฮาร์ดดิสก์บางส่วนยังถูกนำมาจำลองเป็นแรมเสมือนหรือvirtual memory อีกด้วยซึ่งจะช่วยให้การทำ
2.2 คอมพิวเตอร์มีส่วนประกอบที่สำคัญ คือ ส่วนประมวลผล ส่วนรับข้อมูล และส่วนแสดงผล การที่คอมพิวเตอร์จะสามารถนำข้อมูลมาประมวลผลได้นั้นก็จำเป็นต้องมีข้อมูล ซึ่งข้อมูลนั้นจะถูกนำมาจากที่แห่งหนึ่ง นั่นก็คือส่วนที่เรียกว่า Storage คอมพิวเตอร์ในยุคแรกจะเป็นกระดาษที่เป็นรู ซึ่งใช้งานยาก ต่อมาได้ถูกพัฒนามาใช้แผ่นพลาสติกที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก ที่เรียกว่า Diskette ต่อมาเมื่อข้อมูลมากขึ้น จำนวนการเก็บข้อมูลก็มากขึ้นตามไปด้วย ทำให้การเก็บข้อมูลลงบนแผ่น Diskette นั้นไม่เพียงพอ ต่อมาจึงพัฒนาการเก็บข้อมูลมาเป็นการเก็บข้อมูลลงในอุปกรณ์ที่เรียกว่า Hard Disk
ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์สำหรับการเก็บข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์ ซึ่งต่างจาก RAM (เป็นหน่วยความจำของระบบ) คือ ฮาร์ดดิสก์จะยังจำข้อมูลได้แม้ว่าจะปิดเครื่องไปแล้วเหมือนเทป ฮาร์ดดิสก์ประสบความสำเร็จโดยการบันทึกข้อมูลเป็นแม่เหล็กลงบนพื้นผิวชนิดพิเศษ (ไม่มีสนามแม่เหล็กแรงสูงมากๆ มาเกี่ยวข้อง) สามารถบันทึกข้อมูลเก็บไว้ได้เป็นเวลาหลายๆ ปี ฮาร์ดดิสก์ตัวแรกถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี ค.ศ.1950 และใช้จานหมุนวงกลมขนาดใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 ฟุต เก็บข้อมูลได้เพียงไม่กี่เมกกะไบต์ ลักษณะทางกายภาพต่างไปจาก Floppy Disk ที่จานเหล่านี้จะมีความแข็งมากกว่า ดังนั้นจึงได้ชื่อว่า Hard Disk ในปัจจุบันจานฮาร์ดดิสก์เหล่านี้มีขนาดเล็กลงมากและหมุนได้เร็วมากจนไม่อาจวัดค่าได้ รวมทั้งเก็บข้อมูลได้มากกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ฮาร์ดดิสก์ยังมีหัวอ่าน/บันทึกข้อมูลอยู่ภายในตัวเดียวกัน ไม่เหมือนกับแผ่นดิสก์เก็ตที่แยกออกจากกัน ทำให้สามารถอ่านและบันทึกข้อมูลได้ด้วยตนเอง และเนื่องจากฮาร์ดดิสก์มีแพลตเตอร์หลายๆ แผ่นซ้อนกันอยู่ ดังนั้นฮาร์ดดิสก์ตัวหนึ่งๆ จะมีหัวอ่านเขียนเท่ากับจำนวนแพลตเตอร์พอดี และหัวอ่านแต่ละหัวจะมีการเคลื่อนที่เข้าออกพร้อมกัน แต่เมื่อจะทำการอ่านหรือบันทึกข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ ก็จะมีเพียงหัวอ่าน 1 หัวเท่านั้น ที่จะทำการอ่านหรือบันทึกข้อมูล ด้วยเหตุนี้ฮาร์ดดิสก์จึงสามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมาก แล้วแต่ความจุของแต่ละรุ่น เช่น ฮาร์ดดิสก์ความจุ 500 MB, 2.1 GB, 8.4 GB เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีความรวดเร็วต่อการเรียกใช้งานสูง โดยปกติจะกำหนดให้ฮาร์ดดิสก์เป็นไดร์ฟ C:
2.3 องค์ประกอบหลักที่สำคัญของฮาร์ดดิสก์โดยพื้นฐานมีดังนี้
2.3.1 จานฮาร์ดดิสก์ (Disk Platters)
2.3.2 หัวอ่านฮาร์ดดิสก์(Read/Write Heads)
2.3. 3 แขนที่ใช้ขับเคลื่อนหัวฮาร์ดดิสก์ (Head Arm/Head Slide)
2.3.3.1 มอเตอร์ที่ใช้หมุนจานฮาร์ดดิสก์ (Spindle Motor)
2.3.3.2 ตัวดักจับไฟฟ้าสถิตย์ (Spindle Ground Strap)
2.3.3.3 แผงวงจรควบคุมการทำงานของฮาร์ดดิสก์ (Logic Board)
2.3.3.4 ส่วนที่ใช้กรองอากาศ (Air Filter)
2.3.3.5 สายสัญญาณและ Connector (Cables and Connectors)
2.3.3.6 กลไกที่ใช้ขับเคลื่อนหัวฮาร์ดดิสก์ (Head Actuator Mechanism)
2.3.3.7 Jumper ที่ใช้จัดตั้ง Configuration ของฮาร์ดดิสก์
2.3.3.8 รางและอุปกรณ์เสริมการติดตั้งฮาร์ดดิสก์
2.3.3.9 แผงวงจร Head Amplifier
2.3.3.10 ชุด Voice Coil
2.3.3.11 สาย Pair Ribbon ที่เชื่อมระหว่างหัวฮาร์ดดิสก์ กับ Logic Board
2.4 ข้อดีและข้อจำกัดของฮาร์ดดิสก์
2.4.1 ข้อดี
2.4.1.1 สามารถเก็บข้อมูลได้มาก
2.4.1.2 มีความรวดเร็วในการอ่าน/บันทึกข้อมูล
2.4.2 ข้อจำกัด
2.4.2.1 เคลื่อนย้ายไปเครื่องอื่นลำบาก เนื่องจากต้องแกะออกมาจากภายในเครื่องคอมพิวเตอร์
2.4.2.2 ชำรุดได้ง่ายถ้าโดนกระทบกระเทือน
2.4.2.3 ราคาแพง