tension. Hence, inkjet requires low

tension. Hence, inkjet requires low viscosity inks, from 1 to 40 mPa·s.
The inks are available commercially or they can be synthesized in the
laboratory. Conductive inks used in inkjet-printing are therefore metallic
nanoparticles based inks, in a colloidal suspension, with a range of
particle size usually lower than 100 nm and a solid content below
50 wt.%. In order for them to become conductive, the sintering needs
to take place after printing. In addition, during printing a pre-sintering
step can be done, in order to increase solvent evaporation and promote
the coalescence of the nanoparticles, forming the conductive structures.
The thermal sintering [10] of metallic nanoparticles based inks is the
most common and simplest sintering technique. It usually requires
only an oven, with temperatures between 100 °C and 300 °C and long
sintering periods, over 1 h. The exposure to high temperatures for
long periods can result in some problems, such as microcracking [11],
due to substrate shrinkage. The microcracks will result in disruptive
and non-conductive printed structures. Another common effect is a
coffee-ring effect [11] where the sintering process starts at the edges
of the printed line, where the line is thinner and evaporation process
is faster. Thus, the movement of the nanoparticles towards the edges
produces a depression in the middle. This results in a reduction of the
thickness of the printed line and a possible reduction in conductivity.
All these effects can be controlled, for instance, by reducing the sintering
temperature and increasing the sintering time, in order to prevent substrate
shrinkage, control the solvent evaporation speed or using other
substrate materials with higher working temperatures

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความตึงเครียด ดังนั้น อิงค์เจ็ทต้องมีความหนืดต่ำหมึก 1 40 mPa·sหมึกมีพร้อมจำหน่าย หรือสามารถสังเคราะห์ในการห้องปฏิบัติการ ใช้ในการพิมพ์อิงค์เจ็ทหมึกไฟฟ้าดังโลหะเก็บกักตามหมึก ในระงับ colloidal หลากหลายขนาดอนุภาคมักจะต่ำกว่า 100 nm และเนื้อหาแข็งด้านล่าง50 wt.% เพื่อให้กลายเป็นไฟฟ้า ต้องการเผาผนึกจะเกิดขึ้นหลังจากการพิมพ์ นอกจากนี้ ในระหว่างการพิมพ์การเผาผนึกเบื้องต้นขั้นตอนสามารถทำได้ การเพิ่มการระเหยตัวทำละลาย และส่งเสริมcoalescence ของเก็บกัก ขึ้นรูปโครงสร้างไฟฟ้าความร้อนเผาผนึก [10] ของหมึกโลหะขนาดนาโนเมตรซึ่งใช้เป็นมากที่สุดง่ายที่สุด และร่วมเผาผนึกเทคนิค โดยปกติแล้วจะต้องเฉพาะเตาอบ มีอุณหภูมิ 300 ° C และ 100 ° C และยาวเผาผนึกรอบ กว่า 1 h สัมผัสกับอุณหภูมิสูงสำหรับระยะยาวอาจทำให้ปัญหาบางอย่าง เช่น microcracking [11],เนื่องจากการหดตัวของพื้นผิว Microcracks จะทำขวัญพิมพ์โครงสร้างไม่ใช่ไฟฟ้า ผลอื่นทั่วไปคือการผลกาแฟวงแหวน [11] ซึ่งการเผาเริ่มที่ขอบพิมพ์บรรทัด บรรทัดทินเนอร์และกระบวนการระเหยได้เร็วขึ้น ดังนั้น การเคลื่อนที่ของเก็บกักต่อขอบทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าในกลาง ซึ่งผลในการลดการความหนาของบรรทัดพิมพ์และนำลดได้ลักษณะพิเศษเหล่านี้สามารถควบคุมได้ เช่น โดยการลดการเผาผนึกอุณหภูมิและเวลา sintering เพิ่มการป้องกันพื้นผิวหดตัว ควบคุมความเร็วของตัวทำละลายระเหย หรือใช้อื่น ๆวัสดุพื้นผิว มีอุณหภูมิทำงานสูง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความตึงเครียด ดังนั้นหมึกอิงค์เจ็ทต้องมีความหนืดต่ำ 1-40 mPa · s. หมึกที่มีอยู่ในเชิงพาณิชย์หรือพวกเขาสามารถสังเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ หมึกนำไฟฟ้าที่ใช้ในการอิงค์เจ็ทพิมพ์จึงโลหะนาโนหมึกในการระงับคอลลอยด์ที่มีช่วงของขนาดอนุภาคมักจะต่ำกว่า100 นาโนเมตรและปริมาณของแข็งด้านล่าง50 น้ำหนัก.% เพื่อให้พวกเขากลายเป็นสื่อกระแสไฟฟ้า, การเผาความต้องการที่จะเกิดขึ้นหลังจากการพิมพ์ นอกจากนี้ในระหว่างการพิมพ์ก่อนเผาขั้นตอนที่สามารถทำได้เพื่อเพิ่มระเหยตัวทำละลายและส่งเสริมการเชื่อมต่อกันของอนุภาคนาโนสร้างโครงสร้างที่เป็นสื่อกระแสไฟฟ้า. เผาความร้อน [10] ของอนุภาคนาโนโลหะที่ใช้หมึกพิมพ์เป็นที่พบมากที่สุดและง่ายที่สุด เทคนิคการเผา มันมักจะต้องใช้เพียงเตาอบที่มีอุณหภูมิระหว่าง 100 ° C และ 300 ° C และระยะยาวระยะเวลาการเผากว่า1 ชั่วโมง การสัมผัสกับอุณหภูมิที่สูงสำหรับระยะเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาบางอย่างเช่น microcracking [11] เนื่องจากการหดตัวของพื้นผิว microcracks จะส่งผลในการทำลายโครงสร้างพิมพ์และไม่นำไฟฟ้า ผลกระทบที่พบบ่อยก็คือผลกาแฟแหวน [11] ที่กระบวนการเผาเริ่มต้นที่ขอบของเส้นพิมพ์ที่เส้นเป็นทินเนอร์และขั้นตอนการระเหยได้เร็วขึ้น ดังนั้นการเคลื่อนไหวของอนุภาคนาโนที่มีต่อขอบผลิตภาวะซึมเศร้าอยู่ตรงกลาง ซึ่งจะส่งผลในการลดการที่ความหนาของเส้นที่พิมพ์และลดความเป็นไปได้ในการนำ. ผลกระทบทั้งหมดเหล่านี้สามารถควบคุมได้เช่นโดยการลดการเผาที่อุณหภูมิและเพิ่มเวลาการเผาเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พื้นผิวหดตัวควบคุมตัวทำละลายความเร็วในการระเหยอื่น ๆ หรือการใช้วัสดุที่มีพื้นผิวที่มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นในการทำงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความตึงเครียด ดังนั้น หมึกพิมพ์อิงค์เจ็ท มีความหนืดต่ำ จาก 1 ถึง 40 เมกะปาสคาลด้วย S .
หมึกพร้อมใช้งานในเชิงพาณิชย์หรือพวกเขาสามารถสังเคราะห์ใน
ห้องปฏิบัติการ หมึกที่ใช้ในการพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตสื่อจึงใช้หมึกพิมพ์อนุภาคโลหะ
ในระงับคอลลอยด์ที่มีช่วงของขนาดอนุภาคมักจะต่ำกว่า
100 nm และแข็งด้านล่างเนื้อหา
50 % โดยน้ำหนัก .เพื่อให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้าเกิดความต้องการ
เกิดขึ้นหลังจากการพิมพ์ นอกจากนี้ ในระหว่างการพิมพ์ก่อนเผา
ขั้นตอนที่สามารถทำได้เพื่อเพิ่มการระเหยตัวทำละลายและส่งเสริมการรวมตัวของอนุภาคนาโน
, การขึ้นรูปโครงสร้าง Conductive ความร้อนเผา .
[ 10 ] ของอนุภาคนาโนของโลหะที่ใช้หมึกเป็น
พบมากที่สุดและง่ายที่สุด เทคนิคในการเผาซินเทอร์มันมักจะต้องใช้
เพียงเตาอบด้วยอุณหภูมิระหว่าง 100 ° C และ 300 องศา C นาน
เผาช่วงกว่า 1 ชั่วโมง สัมผัสกับอุณหภูมิสูงสำหรับระยะเวลานานอาจส่งผล
บางปัญหา เช่น microcracking [ 11 ] ,
เนื่องจากพื้นผิวการหดตัว การ microcracks จะมีผลในการทำลาย
และโครงสร้างพิมพ์ non-conductive . ผลที่พบอีกคือ
กาแฟแหวนผล [ 11 ] ที่ sintering เริ่มที่ขอบ
ของพิมพ์บรรทัดที่เส้นบางและกระบวนการ
ระเหยเร็วขึ้น ดังนั้น การเคลื่อนไหวของอนุภาคต่อขอบ
ก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าในระดับปานกลาง นี้ผลในการลดลงของ
ความหนาของสายพิมพ์และการลดเป็นไปได้ในการนำ ผลทั้งหมดเหล่านี้สามารถจะควบคุมได้ตัวอย่างเช่นโดยการลดอุณหภูมิการเผาซิน
และเพิ่มเวลาในการสั่งซื้อเพื่อป้องกันพื้นผิว
หดตัว ควบคุมความเร็วในการระเหยตัวทำละลายหรือสารอื่น ๆที่ใช้วัสดุที่มีอุณหภูมิสูงกว่า
ทํางาน