In terms of land ownership, the emp

In terms of land ownership, the empirical findings suggest that
many households in both communities lacked basic forms of land
title, which is also an important indicator of vulnerability (cf. Hahn
et al., 2009). In Caroni, the surveys reveal that three out of four
landless households were renting land, while in Nariva, 3=4 of landless
households were classified as illegal squatters seeking ‘‘regularization’’
by land settlement authorities. Again, the differences
are subtle, but they reveal important structural factors that contribute
to our understanding of vulnerability. In Nariva, for instance,
the illegal status of landless households suggests a more
pronounced form of vulnerability, in which access to formal safety
nets and entitlements was limited

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในความเป็นเจ้าของที่ดิน พบประจักษ์แนะนำที่หลายครัวเรือนในชุมชนทั้งสองขาดรูปแบบพื้นฐานของแผ่นดินหัวข้อ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของความเสี่ยง (มัทธิวฮาห์นร้อยเอ็ด al., 2009) ใน Caroni การสำรวจเปิดเผยว่า 3 ใน 4 ของlandless ครัวเรือนให้เช่าที่ดิน Nariva, 3 = 4 ของ landless ในครัวเรือนถูกจัดประเภทเป็นกฎหมาย squatters กำลัง '' regularization''โดยที่ดินที่หน่วยงานจ่ายเงิน อีก ความแตกต่างมีรายละเอียด แต่พวกเขาเปิดเผยโครงสร้างปัจจัยสำคัญที่มีส่วนร่วมให้เราเข้าใจของช่องโหว่ ใน Nariva เช่นสถานะไม่ถูกต้องของครัวเรือนที่ landless แนะนำมากขึ้นแบบฟอร์มการออกเสียงของช่องโหว่ ในการเข้าถึงเพื่อความปลอดภัยทางตาข่ายและให้สิทธิ์ที่จำกัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในแง่ของความเป็นเจ้าของที่ดิน, ผลการวิจัยเชิงประจักษ์ชี้ให้เห็นว่า
ผู้ประกอบการจำนวนมากในชุมชนทั้งขาดรูปแบบพื้นฐานของที่ดิน
ชื่อซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของช่องโหว่ (cf ฮาห์น
et al., 2009) ใน Caroni การสำรวจแสดงให้เห็นว่าสามในสี่
ครัวเรือนไร้ที่ทำกินได้รับการให้เช่าที่ดินในขณะที่ใน Nariva, 3 = 4 ของเขตเอาเทอ
ครัวเรือนที่ถูกจัดให้เป็นไพน์วูดที่ผิดกฎหมายที่กำลังมองหา 'กู' ''
โดยเจ้าหน้าที่นิคม อีกความแตกต่าง
ที่บอบบาง, แต่พวกเขาเปิดเผยปัจจัยโครงสร้างที่สำคัญที่นำ
ไปสู่ความเข้าใจของเราช่องโหว่ ใน Nariva เช่น
สถานะที่ผิดกฎหมายของผู้ประกอบการไร้ที่ดินให้เห็นมากขึ้น
รูปแบบที่เด่นชัดของช่องโหว่ซึ่งในการเข้าถึงความปลอดภัยอย่างเป็นทางการ
มุ้งและถูก จำกัด สิทธิ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในแง่ของการถือครองที่ดิน ข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า
หลายครัวเรือนในชุมชนทั้งสองขาดพื้นฐานรูปแบบของชื่อที่ดิน
ซึ่งยังเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของความเสี่ยง ( CF . ฮาน
et al . , 2009 ) ในคาโรนิ , การสำรวจพบว่า 3 ใน 4
ครัวเรือนไร้ที่ดินและเช่าที่ดิน ขณะที่ใน nariva , 3 = 4 ตั้งอยู่
ครัวเรือน จำแนกเป็นการผิดกฎหมายเหล่านี้แสวงหา ' 'regularization ' นิคม '
โดยเจ้าหน้าที่ อีกความแตกต่าง
จะบอบบาง แต่ที่สำคัญพวกเขาเปิดเผยโครงสร้างปัจจัยที่มีส่วนร่วม
ความเข้าใจของเราของความอ่อนแอ ใน nariva ตัวอย่างเช่น
สถานะผิดกฎหมายของครัวเรือนไร้ที่ดินแนะนำเพิ่มเติม
ออกเสียงแบบกลุ่มที่เข้าถึง
ความปลอดภัยอย่างเป็นทางการมุ้ง และสิทธิที่จะถูก จำกัด