Objective: In this study, we aimed

Objective: In this study, we aimed to assess the patients with chronic kidney disease on hemodialysis and continuous ambulatory peritoneal dialysis (CAPD), compared to controls, in respect of depression, anxiety disorders, quality of life and coping strategies with stress and to estimate the morbidity of psychiatric disorders and related risk factors.
Patients and Methods: The patients with chronic kidney disease treated with hemodialysis (42 patients) and those with CAPD (41 patients) were included in this study. Also a healthy control group with matched baseline sociodemographic characteristics were included in the study. The patients aged 18-65 years with a history of ≥1 year of dialysis therapy and being literate and signing informed consent were included, while patients with the history of known dementia, delirium, organic brain syndrome (OBS), mental retardation, psychosis, bipolar disorder or under the influence of substance or alcohol, leading to disrupted cooperation, reality sense and cognitive functions and thereby interfering with the interview or answering the scale were excluded. The Structured Clinical Interview for DSM-IV Axis I Disorders (SCID-I) was used to assess current psychiatric disorders. Additional data were also collected from Hospital Anxiety and Depression Scale (HADS), Health related quality of life Short Form-36 (SF-36), COPE (Coping strategies with stress) inventory and sociodemographic data forms.
Results: According to the SCID-I assessment, 59.5% in the hemodialysis group, 53.7% in the CAPD group and 26.8% among controls were diagnosed with a psychiatric disorder. In all three groups, the most common psychiatric disorder was depressive disorder. The use of non-functional coping strategies was higher in the patients who treated with hemodialysis, compared to those in the CAPD group statistically significant. The physical and mental scores of SF-36 were higher in the patients who treated with CAPD, compared to those in the hemodialysis group.
Conclusion: As both chronic kidney disease and its treatment are very troublesome, the disease differs from other chronic diseases, leading to high incidences of psychiatric disorders. Thus, psychiatric assessment of these patients is of utmost importance to decrease the prevalence of psychiatric disorders and improve quality of life

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์: ในการศึกษานี้ เรามุ่งเน้น การประเมินผู้ป่วย ด้วยโรคไตเรื้อรังไตและหน่วย peritoneal เนื่องจรมุข (CAPD), การควบคุม ผิดซึมเศร้า โรควิตกกังวล คุณภาพชีวิต และกลยุทธ์รับมือกับความเครียด และ การประเมิน morbidity โรคทางจิตเวชและปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องผู้ป่วยและวิธีการ: ผู้ป่วยที่ มีโรคไตเรื้อรังที่รักษา ด้วยไต (42 ผู้ป่วย) และมี CAPD (ผู้ป่วย 41) รวมอยู่ในการศึกษานี้ กลุ่มควบคุมสุขภาพ มีลักษณะพื้นฐานตรงกัน sociodemographic ยัง ถูกรวมในการศึกษา ผู้ป่วยที่อายุ 18-65 ปี มีประวัติของปี ≥1 หน่วยบำบัดและการรับรอง และ literate แจ้งความยินยอมได้รวม ในขณะที่ผู้ป่วยที่มีประวัติความเป็นมา ของสมองเสื่อมชื่อเสียง delirium กลุ่มอาการสมองอินทรีย์ (OBS), ปัญญา หมอ โรค bipolar หรือภาย ใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์ หรือสารนำไประหว่างสองวันร่วมมือ ความเป็นจริงความรู้สึก และรับรู้หน้าที่ และจึงรบกวนการสัมภาษณ์ หรือตอบมาตราส่วนได้แยกออก การสัมภาษณ์มีโครงสร้างคลินิกสำหรับโรค DSM-IV แกน I (วทคร-ฉัน) ถูกใช้เพื่อประเมินความผิดปกติทางจิตเวชที่ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังได้รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมได้จากโรงพยาบาลความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าระดับ (HADS) สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตโดยย่อแบบฟอร์ม-36 (SF-36), รับมือ (ฝรั่งกับความเครียด) สินค้าคงคลังและ sociodemographic ข้อมูลฟอร์ม ผลลัพธ์: ตามวทคร-ฉันประเมิน 59.5% ในกลุ่มไต 53.7% ในกลุ่ม CAPD และ 26.8% ในตัวควบคุมได้รับการวินิจฉัยโรคทางจิตเวช ในกลุ่มสามทั้งหมด โรคทางจิตเวชที่พบมากที่สุดคือ โรค depressive ใช้ของฝรั่งไม่ใช่ทำงานสูงขึ้นในผู้ป่วยที่รักษา ด้วยไต การเปรียบเทียบในกลุ่ม CAPD อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คะแนนร่างกาย และจิตใจของ SF-36 สูงในผู้ป่วยที่รักษา ด้วย CAPD การเปรียบเทียบในกลุ่มไต ได้สรุป: เป็นโรคไตเรื้อรังและการรักษาลำบากมาก โรคแตกต่างจากโรคเรื้อรังอื่น ๆ นำ incidences สูงของโรคทางจิตเวช ดังนั้น ประเมินทางจิตเวชของผู้ป่วยเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในการลดความชุกของโรคทางจิตเวช และปรับปรุงคุณภาพชีวิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้เรามีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผู้ป่วยที่มีโรคไตเรื้อรังในการฟอกเลือดอย่างต่อเนื่องและการฟอกเลือดผู้ป่วยนอกช่องท้อง (CAPD) เมื่อเทียบกับการควบคุมในส่วนของภาวะซึมเศร้าโรควิตกกังวลที่มีคุณภาพของชีวิตและกลวิธีการเผชิญปัญหากับความเครียดและการประเมิน การเจ็บป่วยของโรคทางจิตเวชและปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง.
ผู้ป่วยและวิธีการ: ผู้ป่วยที่มีโรคไตเรื้อรังที่รักษาด้วยการฟอกเลือด (42 คน) และผู้ที่มี CAPD (41 ราย) ถูกรวมอยู่ในการศึกษาครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มควบคุมที่ดีต่อสุขภาพที่มีลักษณะการจับคู่ที่ยาวนานพื้นฐานถูกรวมอยู่ในการศึกษา ผู้ป่วยที่มีอายุ 18-65 ปีที่มีประวัติของ≥1ปีการรักษาด้วยการล้างไตของและเป็นความรู้และการลงนามยินยอมถูกรวมในขณะที่ผู้ป่วยที่มีประวัติความเป็นมาของภาวะสมองเสื่อมที่รู้จักกันเพ้ออาการสมองอินทรีย์ (OBS) ปัญญาอ่อนโรคจิต โรคสองขั้วหรือภายใต้อิทธิพลของสารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นำไปสู่ความร่วมมือหยุดชะงักความรู้สึกความเป็นจริงและการทำงานขององค์และจึงรบกวนให้สัมภาษณ์หรือตอบขนาดได้รับการยกเว้น คลินิกที่มีโครงสร้างสัมภาษณ์ DSM-IV แกนผมผิดปกติ (SCID-I) ถูกนำมาใช้ในการประเมินความผิดปกติทางจิตเวชปัจจุบัน ข้อมูลเพิ่มเติมนอกจากนี้ยังได้เก็บรวบรวมจากโรงพยาบาลความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าขนาด (HADS) สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของแบบฟอร์ม 36-สั้น (SF-36) COPE (กลยุทธ์การรับมือกับความเครียด) สินค้าคงคลังและรูปแบบข้อมูลที่ยาวนาน.
ผล: ตาม SCID- ผมประเมิน 59.5% ในกลุ่มการฟอกเลือดที่ 53.7% ในกลุ่ม CAPD และ 26.8% ในกลุ่มควบคุมได้รับการวินิจฉัยที่มีจิตเภท ทั้งสามกลุ่มความผิดปกติทางจิตเวชที่พบมากที่สุดคือโรคซึมเศร้า การใช้กลวิธีการเผชิญปัญหาไม่ทำงานสูงในผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วยการฟอกเลือดเมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในกลุ่ม CAPD นัยสำคัญทางสถิติ คะแนนทางร่างกายและจิตใจของ SF-36 สูงขึ้นในผู้ป่วยที่รับการรักษาด้วย CAPD เมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในกลุ่มฟอกเลือด.
สรุป: ในฐานะที่เป็นทั้งโรคไตเรื้อรังและการรักษาที่มีความลำบากมากโรคที่แตกต่างจากโรคเรื้อรังอื่น ๆ นำ การอุบัติการณ์สูงของโรคทางจิตเวช ดังนั้นการประเมินทางจิตเวชของผู้ป่วยเหล่านี้มีความสำคัญสูงสุดในการลดความชุกของโรคทางจิตเวชและปรับปรุงคุณภาพของชีวิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ในการศึกษานี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการขจัดของเสียทางเยื่อบุช่องท้องต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับการควบคุมในส่วนของอาการซึมเศร้าความวิตกกังวลความผิดปกติของ คุณภาพของชีวิตและเผชิญกับความเครียดและการประมาณการของโรคทางจิตเวช และที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยง .
ผู้ป่วยและวิธีการ :ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่รักษาด้วยเครื่องไตเทียม ( 42 คน ) และผู้ด้วยการล้างไต ( 41 คน ) ถูกรวมอยู่ในการศึกษา นอกจากนี้ กลุ่มควบคุมสุขภาพกับคู่พื้นฐานอุตสาหกรรมลักษณะถูกรวมอยู่ในการศึกษา ผู้ป่วยอายุ 18-65 ปี มีประวัติ≥ 1 ปีของไต บำบัด และการรู้หนังสือ และเซ็นยินยอมให้ถูกรวมในขณะที่ผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นที่รู้จักภาวะสมองเสื่อม , เพ้อ , โรคสมองอินทรีย์ ( , obs ) ปัญญาอ่อน หรือโรคอารมณ์สองขั้ว หรืออยู่ภายใต้อิทธิพลของแอลกอฮอล์หรือสารที่นำไปสู่ความร่วมมือและการทำงานหยุดชะงัก ความเป็นจริง ความรู้สึกและการรับรู้จึงวุ่นวายกับการสัมภาษณ์ หรือตอบแบบยังไม่รวมโครงสร้างทางคลินิกสำหรับแกน dsm-iv ผมสัมภาษณ์ทาง scid-i ) ถูกนำมาใช้เพื่อประเมินความผิดปกติทางจิตในปัจจุบัน ข้อมูลเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังรวบรวมจากความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าระดับโรงพยาบาล ( hads ) , สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิต form-36 สั้น ( คุณภาพชีวิต ) , จัดการ ( กลยุทธ์รับมือกับความเครียด ) สินค้าคงคลังและแบบฟอร์มข้อมูลอุตสาหกรรม .
ผล : ตามแบบประเมิน scid-i 595 % ในกลุ่มไตเทียม 53.7 % ในกลุ่มจำนวน 26.8 % และในการควบคุมการวินิจฉัยความผิดปกติทางจิต ในทั้งสามกลุ่ม โรคทางจิตที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคซึมเศร้า . การใช้กลวิธีเผชิญความเครียดไม่ใช่การทำงานสูงกว่าผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่อยู่ในแบบกลุ่ม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสุขภาพกายและจิตของคะแนนคุณภาพชีวิตสูงขึ้นในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการล้างไต เมื่อเทียบกับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเรื้อรัง
สรุป : เป็นทั้งโรคไตเรื้อรังและการรักษาจะยุ่งยากมาก โรคที่แตกต่างจากโรคเรื้อรังอื่นๆ ทำให้เกิดอุบัติการณ์สูงของโรคทางจิตเวช . ดังนั้นการประเมินทางจิตของผู้ป่วยเหล่านี้มีความสําคัญสูงสุดเพื่อลดความชุกของความผิดปกติทางจิตเวช และปรับปรุงคุณภาพของชีวิต