In light of the lack of research co

In light of the lack of research conducted in these pertinent areas within the Singaporean context,


the current study adopted an exploratory, descriptive approach: (a) to investigate the profiles of
needs and strengths of children in out-of-home placements; (b) to
examine if there are any age, gender, and placement differences in
the profiles of needs and strengths; and (c) to examine the prevalence of school performance needs and if school performance needs
are positively associated with behavioral, emotional, and risk behavior needs. It is hypothesized that a high percentage of children in outof-home care in Singapore would have behavioral and emotional
needs; younger children placed in out-of-home care would have
higher levels of behavioral, emotional and academic needs as compared to older children; and that children placed in VCHs will have
a higher overall level of needs when compared to children in foster
care. Lastly, as previous studies have indicated that children with academic needs tend to display more behavioral difficulties as compared to children without academic difficulties (e.g.,Troutetal.,
2008), it is hypothesized that the children with academic difficulties
in our Singaporean sample would have significantly higher behavioral and emotional needs than children without academic needs

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในแง่ของการขาดการวิจัยที่ดำเนินการในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ในบริบทสิงคโปร์การศึกษาในปัจจุบันนำมาใช้สำรวจวิธีการบรรยาย (ก) ในการตรวจสอบประวัติของความต้องการและจุดแข็งของเด็กในตำแหน่งออกจากบ้าน (ข) เพื่อตรวจสอบว่ามีทุกเพศทุกวัยเพศและความแตกต่างในการจัดวางรูปแบบของความต้องการและจุดแข็ง; และ (ค) เพื่อตรวจสอบความชุกของความต้องการประสิทธิภาพของโรงเรียนและหากความต้องการประสิทธิภาพของโรงเรียนมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับพฤติกรรมอารมณ์และความต้องการของพฤติกรรมเสี่ยง มันคือการตั้งสมมติฐานว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงของเด็กที่อยู่ในความดูแล outof บ้านในสิงคโปร์จะมีพฤติกรรมและอารมณ์ความต้องการ; เด็กเล็กอยู่ในความดูแลออกจากบ้านจะมีระดับที่สูงขึ้นของพฤติกรรมความต้องการทางอารมณ์และนักวิชาการเมื่อเทียบกับเด็กที่มีอายุมากกว่า; และเด็กที่อยู่ใน VCHs จะมีระดับโดยรวมที่สูงขึ้นของความต้องการเมื่อเทียบกับเด็กที่อยู่ในอุปถัมภ์ดูแล สุดท้ายการศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าเด็กที่มีความต้องการทางวิชาการที่มีแนวโน้มที่จะแสดงพฤติกรรมความยากลำบากมากขึ้นเมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่มีความยากลำบากทางวิชาการ (เช่น Troutetal., 2008) ก็คือการตั้งสมมติฐานว่าเด็กที่มีปัญหาทางวิชาการในกลุ่มตัวอย่างชาวสิงคโปร์ของเราจะมีอย่างมีนัยสำคัญ ความต้องการพฤติกรรมและอารมณ์ที่สูงกว่าเด็กที่ไม่มีความต้องการทางวิชาการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในแง่ของการวิจัยในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ภายในบริบทสิงคโปร์ ,


ปัจจุบันใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจ , : ( ) เพื่อตรวจสอบโปรไฟล์ของ
ความต้องการและจุดแข็งของเด็กออกจากบ้านตําแหน่ง ; ( b )

ตรวจสอบถ้ามีอายุ , เพศ และความแตกต่างในการจัดวาง
โปรไฟล์ของความต้องการและจุดแข็ง ;และ ( C ) เพื่อศึกษาความชุกของความต้องการประสิทธิภาพของโรงเรียนและถ้าต้องการ
งานโรงเรียนมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับพฤติกรรม อารมณ์ และความต้องการ พฤติกรรมเสี่ยง คือเปอร์เซ็นต์ของเด็กในบ้านดูแลคนในในสิงคโปร์จะมีพฤติกรรมและอารมณ์
ต้องการ น้องเด็กอยู่ในการดูแลของบ้านจะมี
ระดับที่สูงขึ้นของพฤติกรรมอารมณ์และความต้องการทางวิชาการ เมื่อเทียบกับเด็ก และให้เด็กอยู่ใน vchs จะมีการโดยรวมสูงกว่าระดับความต้องการเมื่อเทียบกับเด็กในการดูแล

ท้ายนี้ ในขณะที่การศึกษาก่อนหน้านี้ได้พบว่าเด็กที่มีความต้องการทางวิชาการมักจะแสดงปัญหาพฤติกรรมมากขึ้น เมื่อเทียบกับเด็กที่ไม่มีปัญหา วิชาการ เช่น troutetal .
2008 )คือ เด็กที่มีปัญหาด้านวิชาการในสิงคโปร์
ตัวอย่างของเราจะสูงกว่าพฤติกรรมและความต้องการทางอารมณ์มากกว่าเด็กที่ไม่มีความต้องการด้านวิชาการ