Since 2008, a renaissance in electr

Since 2008, a renaissance in electric vehicle manufacturing has occurred due to advances in batteries and energy management, concerns about increasing oil prices, and the need to reduce greenhouse gas emissions.[3][4] Several national and local governments have established tax credits, subsidies, and other incentives to promote the introduction and now adoption in the mass market of new electric vehicles depending on battery size and their all-electric range. Electric cars are significantly quieter than conventional internal combustion engine automobiles. They do not emit tailpipe pollutants,[5] giving a large reduction of local air pollution, and, can give a significant reduction in total greenhouse gas and other emissions (dependent on the method used for electricity generation[3][4]). They also provide for independence from foreign oil, which in several countries is cause for concern about vulnerability to oil price volatility and supply disruption.[3][6][7] Recharging can take a long time and in many places there is a patchy recharging infrastructure. For long distance driving, many cars support fast charging that can give around 80% charge in half an hour using public rapid chargers.[8][9][10] While battery cost is decreasing fairly rapidly, it is still relatively high, and because of this, most electric cars have a more limited range and a somewhat higher purchase cost than conventional vehicles. Drivers can also sometimes suffer from range anxiety- the fear that the batteries will be depleted before reaching their destination.[3][4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตั้งแต่ 2008 เรเนซองส์ในการผลิตยานพาหนะไฟฟ้าได้เกิดขึ้นจากความก้าวหน้าในแบตเตอรี่ และการจัดการพลังงาน ความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และต้องลดก๊าซเรือนกระจก [3] [4] รัฐบาลหลายชาติ และท้องถิ่นได้จัดตั้งเครดิตภาษี เงินอุดหนุน และรางวัลอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมแนะนำและนำอยู่ในตลาดมวลชนของยานพาหนะไฟฟ้าใหม่ขึ้นอยู่กับขนาดแบตเตอรี่และไฟฟ้าช่วง รถยนต์ไฟฟ้ามีมากเงียบกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป พวกเขาไม่ปล่อยมลพิษ tailpipe, [5] ทำให้ลดมลพิษทางอากาศในท้องถิ่นขนาดใหญ่ และ สามารถให้ลดลงในก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดและปล่อยอื่น ๆ (ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้สำหรับไฟฟ้า generation[3][4]) พวกเขายังให้ความเป็นอิสระจากต่างประเทศน้ำมัน ซึ่งในหลายประเทศเป็นสาเหตุสำหรับกังวลเกี่ยวกับช่องโหว่การความผันผวนของราคาน้ำมัน และจัดหาหยุดชะงัก [3] [6] [7] Recharging สามารถใช้เวลานาน และในหลายมีโครงสร้างพื้นฐานชาร์จจัดถึง สำหรับการขับขี่ระยะไกล หลายคันสนับสนุนการชาร์จที่เร็วที่สามารถให้ประมาณ 80% ในครึ่งชั่วโมงใช้ชาร์จสาธารณะอย่างรวดเร็ว [8] [9] [10] ในขณะที่ต้นทุนของแบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็วค่อนข้าง มันยังคงค่อนข้างสูง และด้วยเหตุนี้ รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มีช่วงจำกัดมากขึ้นและมีต้นทุนการซื้อค่อนข้างสูงกว่ารถถังทั่วไป โปรแกรมควบคุมสามารถบางครั้งประสบช่วงวิตกกังวล - กลัวว่า แบตเตอรี่จะหมดลงก่อนถึงจุดหมายปลายทาง [3] [4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตั้งแต่ปี 2008 ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นเนื่องจากความก้าวหน้าในแบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน, ความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มราคาน้ำมันและความจำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก. [3] [4] รัฐบาลแห่งชาติและระดับท้องถิ่นหลายแห่งมีการจัดตั้งเครดิตภาษีเงินอุดหนุนและสิ่งจูงใจอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมการแนะนำและตอนนี้การยอมรับในตลาดมวลของยานพาหนะไฟฟ้าใหม่ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่และช่วงทุกไฟฟ้าของพวกเขา รถยนต์ไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญเงียบกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบเดิม พวกเขาไม่ปล่อยมลพิษท่อไอเสีย [5] ให้ลดลงมากของมลพิษทางอากาศในท้องถิ่นและสามารถให้ลดความสำคัญในก๊าซเรือนกระจกโดยรวมและการปล่อยมลพิษอื่น ๆ (ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า [3] [4]) พวกเขายังมีความเป็นอิสระจากน้ำมันจากต่างประเทศซึ่งในหลายประเทศเป็นสาเหตุสำหรับความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาน้ำมันและการหยุดชะงักอุปทาน. [3] [6] [7] ชาร์จประจุใหม่สามารถใช้เป็นเวลานานและในหลายสถานที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่ชาร์จหย่อม สำหรับการขับรถระยะทางยาวหลายคันสนับสนุนอย่างรวดเร็วชาร์จที่สามารถให้ประมาณ 80% ค่าใช้จ่ายในครึ่งชั่วโมงโดยใช้เครื่องชาร์จอย่างรวดเร็วสาธารณะ. [8] [9] [10] ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของแบตเตอรี่จะลดลงอย่างรวดเร็วเป็นธรรมก็ยังคงเป็นที่ค่อนข้างสูงและด้วยเหตุนี้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีขอบเขต จำกัด มากขึ้นและค่าใช้จ่ายในการซื้อค่อนข้างสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป ไดร์เวอร์ยังสามารถบางครั้งต้องทนทุกข์ทรมานจากช่วง anxiety- กลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดลงก่อนที่จะถึงปลายทางของพวกเขา. [3] [4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตั้งแต่ 2008 , ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้เกิดขึ้นเนื่องจากความก้าวหน้าในการจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ และความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มราคา น้ำมัน และต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก . [ 3 ] [ 4 ] หลายรัฐบาลทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นได้สร้างเครดิตภาษี , เงินอุดหนุนและสิ่งจูงใจอื่น ๆเพื่อส่งเสริมการยอมรับในเบื้องต้น และตอนนี้ ตลาดมวลของยานพาหนะไฟฟ้าแบตเตอรี่ใหม่ขึ้นอยู่กับขนาดและช่วงของไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมีนัยสำคัญเงียบกว่าปกติ เครื่องยนต์สันดาปภายในรถยนต์ พวกเขาไม่ปล่อยมลพิษ ( [ 5 ] ให้ลดขนาดของมลพิษอากาศในท้องถิ่นและสามารถให้การก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด และก๊าซอื่น ๆ ( ขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ไฟฟ้า [ 3 ] [ 4 ] ) พวกเขายังมีความเป็นอิสระ น้ำมันจากต่างประเทศ ซึ่งในหลายประเทศกังวลเกี่ยวกับระบบน้ำมัน ความผันผวนของราคาและการหยุดชะงักอุปทาน . [ 3 ] [ 6 ] [ 7 ] ชาร์จสามารถใช้เวลานานและหลายสถานที่มีเป็นหย่อมๆชาร์ต โครงสร้างพื้นฐาน ระยะทางไกลขับรถหลายคัน รองรับการชาร์จอย่างรวดเร็วที่สามารถให้ประมาณ 80 % ค่าใช้จ่ายใน ครึ่งชั่วโมง โดยใช้เครื่องชาร์จอย่างรวดเร็วสาธารณะ [ 8 ] [ 9 ] [ 10 ] ในขณะที่ต้นทุนของแบตเตอรี่จะลดลงค่อนข้างเร็ว มันยังค่อนข้างสูง และด้วยเหตุนี้ รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มีช่วง จำกัด มากขึ้นและ ค่อนข้างสูงกว่าการซื้อต้นทุนกว่ารถปกติ ไดรเวอร์สามารถบางครั้งยังประสบจากช่วงความกังวล - กลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดลงก่อนที่จะถึงปลายทางของพวกเขา . [ 3 ] [ 5 ]