Difference between krill oil and fi

Difference between krill oil and fish oil[edit]

Krill oil is rich with omega-3 fatty acids, mainly Eicosapentaenoic acid (EPA) and Docosahexaenoic acid (DHA), bound mostly to phospholipids. Two papers have previously described the unique fatty acid composition of krill oil phospholipids.[3][4] Krill oil is often compared with fish oil, since both are marine oils enriched with EPA and DHA. There are several differences between krill oil and fish oil, the main difference is the omega-3 fatty acids carrier. Unlike fish oil, in which the omega-3 FA are attached only to triglycerides, in krill oil the majority of omega-3 FA are attached to phospholipids while the rest are attached to triglycerides. Triglycerides consist of three fatty acids bound to a glycerol backbone, whereas phospholipids have only two fatty acids which are bound to a glycerol backbone. A phosphorus group, which is further linked to an organic, hydrophilic, headgroup, is also attached to the glycerol backbone of phospholipids. The headgroup can consist of choline (the major phospholipid in krill oil), ethanolamine, glycerol, inositol or serine. This difference in structure results in different chemical behavior: Triglycerides are highly hydrophobic, thus they do not mix with water. Conversely, phospholipids are amphipathic because they contain a hydrophilic headgroup on one end and hydrophobic chains on the other end. Due to this unique structure, phospholipids are able to mix with water. Another difference is the composition, krill oil contains the powerful natural antioxidant astaxanthin, which also gives krill oil its distinct deep red color. Although several studies have shown toxic residues in Antarctic krill and fish,[5][6] other publication suggested that the lower an animal is on the food chain, it has a lower levels of toxins in its flesh.[7] Preclinical and clinical studies with krill oil demonstrated its safety for human consumption, and krill oil was found to be Generally Recognized As Safe (GRAS) by the FDA, obtained authorization as a ‘Novel Food’ from the European Union and a ‘New Food Raw Material’ approval in China.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความแตกต่างระหว่างน้ำมันเคยและน้ำมันปลา [แก้ไข]

น้ำมันเคยจะอุดม ด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 กรด Eicosapentaenoic (EPA) และกรด Docosahexaenoic (ดีเอชเอ), ส่วนใหญ่กับ phospholipids ส่วนใหญ่ เอกสารสองก่อนหน้านี้ได้อธิบายส่วนประกอบของกรดไขมันที่ไม่ซ้ำของ phospholipids น้ำมันเคย[3][4] น้ำมันเคยถูกมักจะเปรียบเทียบกับน้ำมันปลา เนื่องจากทั้งสองเป็นน้ำมันทางทะเลที่อุดมไป ด้วย EPA และดีเอชเอ มีหลายความแตกต่างระหว่างน้ำมันปลาและน้ำมันเคย ข้อแตกต่างหลักคือ ขนส่งกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งแตกต่างจากน้ำมันปลา ที่แนบ FA โอเมก้า-3 เท่ากับระดับไตรกลีเซอไรด์ ในเคยน้ำมัน ส่วนใหญ่ของโอเมก้า-3 FA แนบกับ phospholipids ขณะเหลือแนบกับระดับไตรกลีเซอไรด์ ระดับไตรกลีเซอไรด์ที่ประกอบด้วยกรดไขมันสามกับกระดูกสันหลัง กลีเซอร โดย phospholipids มีกรดไขมันเพียงสองที่ถูกผูกไว้กับกระดูกสันหลังกลีเซอร นอกจากนี้ยังมีแนบกลุ่มฟอสฟอรัส ซึ่งต่อไปจะเชื่อมโยงกับการเกษตรอินทรีย์ hydrophilic, headgroup กับกลีเซอรแกนหลักของ phospholipids Headgroup สามารถประกอบด้วย choline (สำคัญฟอสโฟลิพิดในน้ำมันเคย), ethanolamine กลีเซอร inositol หรือแถ ความแตกต่างนี้ในโครงสร้างให้เกิดพฤติกรรมทางเคมีที่แตกต่าง: ระดับไตรกลีเซอไรด์สูง hydrophobic จึง จะไม่ผสมกับน้ำ ในทางกลับกัน phospholipids เป็น amphipathic เพราะพวกเขาประกอบด้วย headgroup hydrophilic หนึ่งและโซ่ hydrophobic ในส่วนอื่น ๆ เนื่องจากโครงสร้างนี้เฉพาะ phospholipids จะสามารถผสมน้ำ ความแตกต่างก็คือ ส่วนประกอบ น้ำมันเคยประกอบด้วย astaxanthin มีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติ ซึ่งยัง ให้น้ำมันเคยสีแดงลึกแตกต่างกัน แม้ว่าหลายการศึกษาได้แสดงพิษตกค้างในแอนตาร์กติกาและปลา, [5] [6] ประกาศอื่น ๆ แนะนำว่า ต่ำกว่าที่สัตว์ใช้ในห่วงโซ่อาหาร มีระดับต่ำกว่าของสารพิษในเนื้อของ[7] preclinical และคลินิกศึกษากับน้ำมันเคยแสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยของการใช้มนุษย์ และน้ำมันเคยพบได้โดยทั่วไปรู้จักเป็นเซฟ (ดิกราส์) โดย FDA ได้รับการตรวจสอบเป็น "นวนิยายอาหาร' จากสหภาพยุโรปและอนุมัติ ' ใหม่อาหารดิบ ' ในจีน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความแตกต่างระหว่าง Krill น้ำมันและน้ำมันปลา [ แก้ไข ]

Krill น้ำมันอุดมด้วยกรดไขมันส่วนใหญ่ eicosapentaenoic acid ( EPA ) และ docosahexaenoic acid ( DHA ) , ผูกส่วนใหญ่ phospholipids สองเอกสารมีก่อนหน้านี้อธิบายเฉพาะองค์ประกอบกรดไขมันของ Krill น้ำมันด . [ 3 ] [ 4 ] Krill น้ำมันมักจะเทียบกับน้ำมันปลา เนื่องจากทั้งสองเป็นทะเลน้ํามันอุดมไปด้วย EPA และ DHA .มีความแตกต่างระหว่างหลายน้ำมัน Krill น้ำมันปลา ความแตกต่างหลักคือ กรดไขมันโอเมก้า - 3 . ซึ่งแตกต่างจากน้ำมันปลา โอเมก้า 3 ซึ่งในเอฟเอแนบเฉพาะไตรกลีเซอไรด์สูง ในน้ำมัน Krill ส่วนใหญ่ของโอเมก้าฟาดแนบกับส่วนแนบกับไตรกลีเซอไรด์ . ไตรกลีเซอไรด์ประกอบด้วยสามกรดไขมันกับกลีเซอรอล ผูกพัน แกนหลักส่วนกลุ่มเป้าหมายมีเพียงสองกรดไขมันที่ถูกผูกไว้กับกลีเซอรอลกระดูกสันหลัง กลุ่มธาตุฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมที่เชื่อมโยงกับอินทรีย์ น้ำ headgroup , ยังแนบกับกลีเซอรอล กระดูกสันหลังของ phospholipids การ headgroup สามารถประกอบด้วยโคลีน ( ฟอสโฟลิปิดสาขาในน้ำมัน krill ) เช่นเดียวกับกลีเซอรอล , inositol หรือซีรี .ความแตกต่างในโครงสร้างทางเคมีที่แตกต่างกันผลพฤติกรรม : ไตรกลีเซอไรด์สูง ) จึงไม่ต้องผสมกับน้ำ ในทางกลับกัน ฟอสโฟลิพิดเป็นแอมฟิพาติก เพราะพวกเขามี headgroup น้ำที่ปลายด้านหนึ่ง ) และโซ่ในส่วนอื่น ๆ เนื่องจากโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์นี้ กลุ่มเป้าหมายสามารถผสมกับน้ำ ความแตกต่างอื่นเป็นองค์ประกอบKrill น้ำมันที่มีประสิทธิภาพธรรมชาติสารต้านอนุมูลอิสระแอสตาแซนธิน ซึ่งยังให้ Krill น้ำมันแตกต่างลึกสีแดงสี แม้ว่าหลายการศึกษาแสดง krill แอนตาร์กติก และสารพิษตกค้างในปลา , [ 5 ] [ 6 ] อื่น ๆสิ่งพิมพ์แนะนำว่าลดสัตว์ในห่วงโซ่อาหาร แต่ก็ลดระดับสารพิษในเนื้อของมันการศึกษาทางคลินิกและพรีคลินิก [ 7 ] น้ำมัน Krill แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยสำหรับการบริโภคของมนุษย์และน้ำมันคริลล์ พบว่ามีการยอมรับโดยทั่วไปว่าปลอดภัย ( GRAS ) โดย FDA ได้รับการอนุมัติเป็น ' อาหาร ' นวนิยายจากสหภาพยุโรปและ ' ใหม่อาหาร วัตถุดิบจากจีน