Judgmental sampling is more commonl

Judgmental sampling is more commonly known as purposive sampling. In this type of sampling, subjects are chosen to be part of the sample with a specific purpose in mind. With judgmental sampling, the researcher believes that some subjects are more fit for the research compared to other individuals. This is the reason why they are purposively chosen as subjects.
Snowball sampling is usually done when there is a very small population size. In this type of sampling, the researcher asks the initial subject to identify another potential subject who also meets the criteria of the research. The downside of using a snowball sample is that it is hardly representative of the population.
For example, a researcher examines friendship networks among teenagers in a community. He or she begins with three teenagers who do not know each other. Each teen names four close friends. The researcher then goes to the four friends and asks each to name four close friends, then goes to those four and does the same thing again, and so forth. Before long, a large number of people are involved. Each person in the sample is directly or indirectly tied to the original teenagers, and several people may have named the same person. The researcher eventually stops, either because no new names are given, indicating a closed network, or because the network is so large that it is at thee limit of what he or she can study

Quota sampling is a non-probability sampling technique wherein the researcher ensures equal or proportionate representation of subjects depending on which trait is considered as basis of the quota.
For example, if basis of the quota is college year level and the researcher needs equal representation, with a sample size of 100, he must select 25 1st year students, another 25 2nd year students, 25 3rd year and 25 4th year students. The bases of the quota are usually age, gender, education, race, religion and socioeconomic status.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สุ่ม judgmental จะมากกว่าปกติเรียกว่าสุ่มตัวอย่าง purposive ในชนิดของการสุ่มตัวอย่าง เรื่องที่เลือกเป็น ส่วนหนึ่งของตัวอย่างมีวัตถุประสงค์เฉพาะในจิตใจ มีสุ่ม judgmental นักวิจัยเชื่อว่า บางเรื่องจะเหมาะมากสำหรับการวิจัยเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น ๆ นี่คือเหตุผลที่ทำไมพวกเขาจะ purposively เลือกเป็นวิชา
มนุษย์หิมะสุ่มตัวอย่างโดยปกติแล้วเมื่อมีขนาดเล็กประชากร ในการสุ่มตัวอย่างชนิดนี้ นักวิจัยถามเรื่องเริ่มต้นระบุเป็นเรื่องอื่นที่ตรงเงื่อนไขของการวิจัย ข้อเสียของการใช้ตัวอย่างแบบก้อนหิมะเป็นที่เป็นแทบตัวแทนของประชากร
ตัวอย่าง นักวิจัยตรวจสอบเครือข่ายมิตรภาพในหมู่วัยรุ่นในชุมชน เขาหรือเธอเริ่มต้นกับวัยรุ่นสามคนไม่รู้กัน วัยรุ่นแต่ละชื่อเพื่อนสนิทสี่ นักวิจัยแล้วไปเพื่อนสี่ถามแต่ละที่จะชื่อเพื่อนสนิท 4 แล้วไปที่สี่ และไม่เหมือนอีกครั้ง และต่อ ๆ กัน คนจำนวนมากเกี่ยวข้องก่อนที่จะลอง ตัวอย่างแต่ละคนโดยตรง หรือทางอ้อมโดยเชื่อมโยงกับวัยรุ่นเดิม และหลายคนอาจมีชื่อบุคคลเดียวกัน นักวิจัยก็หยุด ได้เนื่อง จากชื่อใหม่ไม่ ได้ ระบุเครือข่ายปิด หรือเครือข่ายมีขนาดใหญ่ดังนั้นว่าที่ท่านกล่าวจำนวนอะไรเขาหรือเธอสามารถเรียน

สุ่มตัวอย่างโควตาเป็นเทคนิคการสุ่มตัวอย่างไม่ใช่ความน่าเป็นนั้นนักวิจัยให้แน่ใจว่าเท่า หรือปฏิภาคแสดงเรื่องตามที่ติดถือว่าเป็นพื้นฐานของโควต้า
ตัวอย่าง ถ้าพื้นฐานของโควตาเป็นวิทยาลัยปี และนักวิจัยต้องแสดงเท่า ขนาด 100 ตัวอย่างเขาต้องเลือก 1 25 ปีนักเรียน นักศึกษาปี 2 25 อีก, 25 3 ปีและ 4 25 ปีนักเรียน ฐานของโควตามักอายุ เพศ การศึกษา การแข่งขัน ศาสนา และสถานะประชากร

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตัวอย่างการตัดสินเป็นที่รู้จักกันมากกว่าปกติเป็นสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง ในประเภทของการสุ่มตัวอย่างนี้อาสาสมัครจะถูกเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของตัวอย่างที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะในใจ ด้วยการเก็บตัวอย่างการตัดสินนักวิจัยเชื่อว่าบางวิชาที่เหมาะสมมากขึ้นสำหรับการวิจัยเมื่อเทียบกับคนอื่น นี่คือเหตุผลว่าทำไมพวกเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นอาสาสมัครเจาะจง
ก้อนหิมะสุ่มตัวอย่างมักจะทำเมื่อมีขนาดประชากรขนาดเล็กมาก ในประเภทของการสุ่มตัวอย่างนี้นักวิจัยถามเรื่องเริ่มต้นที่จะระบุอีกเรื่องที่มีศักยภาพที่ยังมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ของการวิจัย ข้อเสียของการใช้กลุ่มตัวอย่างก้อนหิมะก็คือว่ามันแทบจะไม่เป็นตัวแทนของประชากร
ตัวอย่างเช่นนักวิจัยตรวจสอบเครือข่ายมิตรภาพในหมู่วัยรุ่นในชุมชน เขาหรือเธอจะเริ่มต้นด้วยวัยรุ่นสามคนที่ไม่รู้จักกัน แต่ละชื่อวัยรุ่นสี่เพื่อนสนิท นักวิจัยนั้นไปให้เพื่อนสี่และขอให้แต่ละชื่อสี่เพื่อนสนิทแล้วไปที่สี่และไม่เหมือนกันอีกครั้งและอื่น ๆ ก่อนที่จะยาวเป็นจำนวนมากของผู้คนที่มีส่วนร่วม บุคคลที่อยู่ในกลุ่มตัวอย่างแต่ละคนจะโดยตรงหรือโดยอ้อมที่เชื่อมโยงกับวัยรุ่นเดิมและหลายคนอาจจะมีชื่อเป็นบุคคลเดียวกัน นักวิจัยในที่สุดก็หยุดอย่างใดอย่างหนึ่งเพราะไม่มีชื่อใหม่จะได้รับแสดงให้เห็นเครือข่ายปิดหรือเป็นเพราะเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่เพื่อให้เป็นที่ขีด จำกัด ของท่านในสิ่งที่เขาหรือเธอสามารถศึกษาโควต้าเป็นตัวอย่างที่ไม่น่าจะเป็นเทคนิคการสุ่มตัวอย่างนั้นนักวิจัย ช่วยให้มั่นใจได้เท่ากับการเป็นตัวแทนหรือสัดส่วนของอาสาสมัครซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะถือเป็นพื้นฐานของโควต้าตัวอย่างเช่นถ้าพื้นฐานของโควต้าระดับปีวิทยาลัยและนักวิจัยต้องเท่ากับการเป็นตัวแทนที่มีขนาดของกลุ่มตัวอย่างจาก 100 เขาจะต้องเลือก 25 1 นักศึกษาชั้นปีอีก 25 คนปีที่ 2, 25 ปีที่ 3 และ 25 นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ฐานของโควต้ามักจะอายุเพศการศึกษาเชื้อชาติศาสนาและสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตัดสินคนก็รู้จักกันมากกว่าปกติเป็นระบบอุตสาหกรรม ในชนิดของตัวอย่าง วิชาที่ถูกเลือกเป็นส่วนหนึ่งของตัวอย่างที่มีวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจงในใจ กับตัดสินคน ผู้วิจัยเชื่อว่า บางวิชามีมากขึ้นเหมาะสำหรับการวิจัยเปรียบเทียบกับบุคคลอื่น ๆ นี่คือเหตุผลที่พวกเขาเป็นคน เลือกคน
ตัวอย่างหิมะมักจะทำเมื่อมีขนาดของประชากรมีขนาดเล็กมาก ในประเภทนี้ของกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยได้ถามเรื่องการระบุศักยภาพอีกเรื่องที่ตรงกับเกณฑ์ของการวิจัย ข้อเสียของการใช้ก้อนหิมะตัวอย่างคือ มันแทบจะเป็นตัวแทนของประชากร .
ตัวอย่างเช่นนักวิจัยตรวจสอบเครือข่ายมิตรภาพในหมู่วัยรุ่นในชุมชน เขาหรือเธอเริ่มต้นด้วยสามวัยรุ่นที่ไม่รู้จักกัน แต่ละชื่อ ทีนี่สนิทกัน ผู้วิจัยไปสี่เพื่อนและขอให้แต่ละชื่อสี่เพื่อนสนิทไปสี่และทำสิ่งเดียวกันและอื่น ๆ ก่อนที่จะยาวเป็นจำนวนมากของผู้คนที่เกี่ยวข้องแต่ละคน ในตัวอย่างจะโดยตรงหรือโดยอ้อมผูกวัยรุ่นกลุ่มเดิม และหลายคนอาจจะมีชื่อ คนๆ เดียวกัน ผู้วิจัยก็หยุดเหมือนกัน เพราะไม่ได้ชื่อใหม่จะได้รับ ระบุเครือข่ายปิด หรือเพราะเครือข่ายมีขนาดใหญ่ดังนั้นว่า มันอยู่ที่ท่านขีด จำกัด ของสิ่งที่เขาหรือเธอสามารถเรียน

การสุ่มตัวอย่างแบบโควต้า คือ ความน่าจะเป็น ไม่ใช่เทคนิคการสุ่มตัวอย่างซึ่งผู้วิจัยยืนยันหรือเท่ากับสัดส่วนการเป็นตัวแทนของคน ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะที่ถือว่าเป็นพื้นฐานของโควต้า
ตัวอย่างเช่น ถ้าพื้นฐานของโควต้าเป็นปีในระดับวิทยาลัยและนักวิจัยต้องการการแสดงเท่า กับขนาดตัวอย่าง 100 , 25 นักเรียนปี 1 ที่เขาต้องเลือก อีก 25 ปี 2 คน25 3 ปี และ 25 ปี 4 คน ฐานของโควตา มักจะเป็น อายุ เพศ การศึกษา เชื้อชาติ ศาสนา และสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคม .