history of Portugal dates back to t

history of Portugal dates back to the Early Middle Ages. In the 15th and 16th centuries, it ascended to the status of a world power during Europe's "Age of Discovery" as it built up a vast empire, including possessions in South America, Africa, Asia, and Oceania. Over the following two centuries, Portugal kept most of its colonies, but gradually lost much of its wealth and status as the Dutch, English, and French took an increasing share of the spice and slave trades by surrounding or conquering the widely-scattered Portuguese trading posts and territories.

Signs of military decline began with two disastrous battles: the Battle of Alcácer Quibir in Morocco in 1578 and Spain's abortive attempt to conquer England in 1588 by means of the Spanish Armada – Portugal was then in a dynastic union with Spain and contributed ships to the Spanish invasion fleet. The country was further weakened by the destruction of much of its capital city in an earthquake in 1755, occupation during the Napoleonic Wars and the loss of its largest colony, Brazil, in 1822. From the middle of the 19th century to the late 1950s, nearly two million Portuguese left Portugal to live in Brazil and the United States.[1]

In 1910, there was a revolution that deposed the monarchy. Amid corruption, repression of the church, and the near bankruptcy of the state, a military coup in 1926 installed a dictatorship that remained until another coup in 1974. The new government instituted sweeping democratic reforms and granted independence to all of Portugal's African colonies in 1975.

Portugal is a founding member of the North Atlantic Treaty Organization (NATO), the Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD), and the European Free Trade Association (EFTA). It entered the European Community (now the European Union) in 1986.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประวัติศาสตร์โปรตุเกสวันกลับไปในยุคกลาง ใน 15 และ 16 ศตวรรษ มันแถมยังสถานะของพลังงานโลกในยุโรป "อายุของดิสคัฟเวอรี่" ที่สร้างอาณาจักรมากมาย รวมถึงทรัพย์สิน ในอเมริกาใต้ แอฟริกา เอเชีย โอเชียเนีย กว่าสองศตวรรษต่อไปนี้ โปรตุเกสเก็บส่วนใหญ่ของอาณานิคม แต่ค่อย ๆ หายไปของความมั่งคั่งและสถานะเป็นดัตช์ที่ ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสเอาหุ้นเพิ่มขึ้นของเครื่องเทศการค้าทาส โดยรอบ หรือการเอาชนะโพสต์ค้าโปรตุเกสที่กระจายอยู่อย่างกว้างขวางและดินแดนของทหารลดลงเริ่ม ด้วยสองร้ายต่อสู้: การต่อสู้ของ Alcácer Quibir ในประเทศโมร็อกโกใน 1578 และสเปน abortive พยายามพิชิตอังกฤษใน 1588 โดยอาร์มาดาสเปน – โปรตุเกสถูกแล้วในสหภาพ dynastic กับสเปน และส่วนเรือเพื่อเรือสเปนบุกรุก ประเทศที่ลดลงต่อไป โดยทำลายมากของเมืองหลวงในแผ่นดินไหวใน 1755 อาชีพในระหว่างสงครามนและต้องสูญเสียอาณานิคมใหญ่ที่สุด บราซิล ใน 1822 จากกลางศตวรรษที่ 19 ถึงช่วงปลายทศวรรษ 1950 โปรตุเกสเกือบ 2 ล้านเหลือโปรตุเกสในบราซิลและสหรัฐอเมริกา [1]ใน 1910 มีการปฏิวัติที่ deposed พระมหากษัตริย์ ท่ามกลางความเสียหาย ปราบปรามของคริสตจักร และล้มละลายใกล้ของรัฐ การรัฐประหารใน 1926 ติดเผด็จที่ยังคงเหลืออยู่จนถึงการรัฐประหารอีกใน 1974 รัฐบาลใหม่โลกกวาดปฏิรูปประชาธิปไตย และได้รับเอกราชของอาณานิคมของโปรตุเกสในแอฟริกาทั้งหมดในปี 1975โปรตุเกสเป็นสมาชิกก่อตั้งของการเหนือแอตแลนติกสนธิสัญญาองค์กร (นาโต้), องค์การเพื่อความร่วม มือทางเศรษฐกิจ และการพัฒนา (OECD), และสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) มันใส่สหภาพยุโรป (ขณะนี้สหภาพยุโรป) ในปี 1986

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติศาสตร์ของโปรตุเกสวันที่กลับไปในช่วงต้นยุคกลาง ในศตวรรษที่ 15 และ 16 ก็เสด็จขึ้นสู่สถานะของพลังงานโลกในช่วงของยุโรป "อายุพบ" ที่สร้างขึ้นเป็นอาณาจักรใหญ่รวมทั้งดินแดนในทวีปอเมริกาใต้, แอฟริกา, เอเชียและโอเชียเนีย ในช่วงต่อไปนี้สองศตวรรษโปรตุเกสเก็บไว้มากที่สุดของอาณานิคม แต่ค่อยๆสูญเสียความมั่งคั่งและสถานะเป็นดัตช์, อังกฤษ, ฝรั่งเศสและเอาหุ้นที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจการค้าเครื่องเทศและทาสโดยรอบหรือชนะซื้อขายโปรตุเกสกันอย่างแพร่หลายกระจายอยู่ . โพสต์และดินแดนสัญญาณของการลดลงของทหารเริ่มต้นด้วยสองต่อสู้หายนะ: รบAlcácer Quibir ในโมร็อกโกใน 1578 และสำเร็จความพยายามของสเปนจะเอาชนะอังกฤษในปี 1588 โดยวิธีการของกองเรือสเปน - โปรตุเกสถูกแล้วในสหภาพราชวงศ์กับสเปนและมีส่วน เรือกองทัพเรือสเปนบุก ประเทศที่อ่อนแอต่อไปโดยการทำลายของมากของเมืองหลวงในการเกิดแผ่นดินไหวใน 1755 อาชีพในช่วงสงครามนโปเลียนและการสูญเสียของอาณานิคมที่ใหญ่ที่สุดของบราซิลใน 1822 จากกลางศตวรรษที่ 19 ที่จะปี 1950 ปลาย เกือบสองล้านที่เหลือโปรตุเกสโปรตุเกสที่จะอาศัยอยู่ในบราซิลและสหรัฐอเมริกา. [1] ในปี 1910 มีการปฏิวัติที่ปลดสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ ท่ามกลางการทุจริตการปราบปรามของคริสตจักรและการล้มละลายที่อยู่ใกล้ของรัฐ, การทำรัฐประหารในปี 1926 มีการติดตั้งการปกครองแบบเผด็จการที่ยังคงอยู่จนถึงการทำรัฐประหารอีกในปี 1974 รัฐบาลใหม่ทำการกวาดปฏิรูปประชาธิปไตยและได้รับความเป็นอิสระทั้งหมดของโปรตุเกสอาณานิคมแอฟริกันในปี 1975 . โปรตุเกสเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของภาคเหนือองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติก (นาโต), องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และยุโรปสมาคมการค้าเสรี (เอฟต้า) เข้าสู่ประชาคมยุโรป (ตอนนี้สหภาพยุโรป) ในปี 1986

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประวัติความเป็นมาของโปรตุเกส วันที่กลับไปยังยุคกลางก่อน . ในศตวรรษที่ 15 และ 16 จะเสด็จไปยังสถานะของพลังงานโลก ระหว่าง " ยุโรปยุคแห่งการค้นพบ " มันสร้างอาณาจักรอันกว้างใหญ่ รวมทั้งดินแดนในอเมริกาใต้ แอฟริกา เอเชีย และโอเชียเนีย กว่าสองศตวรรษต่อไปนี้ เก็บส่วนใหญ่ของอาณานิคมของโปรตุเกส แต่ค่อยๆสูญเสียมากของความมั่งคั่งและสถานะเป็นชาวดัตช์ภาษาอังกฤษ , ภาษาฝรั่งเศสและเอาหุ้นที่เพิ่มขึ้นของเครื่องเทศและทาสการค้าโดยรอบหรือการกระจายอย่างกว้างขวางโปรตุเกสโพสต์การค้าและดินแดน

ป้ายของทหารลดลงเริ่มด้วยสองหายนะสงคราม :การต่อสู้ของ ALC . kgm quibir สในโมร็อกโกใน 1578 และสเปนทำแท้งพยายามที่จะพิชิตอังกฤษในปี 1287 โดยกองเรือรบสเปน–โปรตุเกสได้ในสหภาพราชวงศ์กับสเปน และส่วนเรือเรือบุกสเปน ประเทศยังลดลงต่อไป โดยการทำลายมากของเมืองหลวงใน 1175 , แผ่นดินไหว ,อาชีพในช่วงสงครามนโปเลียนและการสูญเสียที่ใหญ่ที่สุดของมันอาณานิคมบราซิลใน 1822 จากกลางศตวรรษที่ 19 ยุคดึก เกือบสองล้านจากโปรตุเกสโปรตุเกสอยู่ในบราซิลและสหรัฐอเมริกา [ 1 ]

1910 มีการปฏิวัติที่อดีตพระมหากษัตริย์ ท่ามกลางการกดขี่ของศาสนจักร และใกล้ล้มละลายของรัฐรัฐประหารใน 1926 ติดตั้งเผด็จการที่ยังคงอยู่จนถึงรัฐประหารอีกในปี 1974 รัฐบาลใหม่จัดตั้งการปฏิรูปประชาธิปไตย กวาด และได้รับอิสรภาพของโปรตุเกสในแอฟริกาอาณานิคมใน ค.ศ.

โปรตุเกสเป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( NATO ) องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ( โออีซีดี )และสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป ( EFTA ) มันเข้าประชาคมยุโรป ( ตอนนี้สหภาพยุโรป ) ในปี 1986