By evaluating transport system perf

By evaluating transport system performance based primarily on vehicle traffic speeds, conventionalevaluation also tends to ignore other accessibility factors such as the quality of alternative modes (walking,cycling and public transport), roadway connectivity, and proximity. These overlooked factors can significantly affect overall accessibility. For example, research byEwing and Cervero (2010) and Handy, Tal and Boarnet(2010) indicate that roadway connectivity (the density of connections within a road network) significantly affects the distances that people must travel to reach
destinations, as illustrated in Figure 3. Similarly, studies by Levine, et al (2012) and Levinson (2013) indicate that development density has a much greater effect than
automobile travel speed on the number of jobs and services available within a given travel time.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โดยการประเมินประสิทธิภาพของระบบขนส่งเป็นหลักตามความเร็วรถจราจร conventionalevaluation ยังมีแนวโน้ม ข้ามถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่นคุณภาพของโหมดอื่น (เดิน ขี่จักรยานและระบบขนส่งสาธารณะ), เชื่อมต่อถนน และความใกล้ชิด ปัจจัยเหล่านี้ overlooked อย่างมีนัยสำคัญอาจมีผลต่อการเข้าถึงโดยรวม ตัวอย่าง งานวิจัย byEwing และ Cervero (2010) และ Handy ทัล และ Boarnet(2010) ระบุว่า ถนนเชื่อมต่อ (ความหนาแน่นของการเชื่อมต่อภายในเครือข่ายถนน) อย่างมีนัยสำคัญมีผลต่อระยะทางที่ผู้คนต้องเดินทางไปถึงท่องเที่ยว ดังที่แสดงในรูปที่ 3 ทำนองเดียวกัน ศึกษา Levine, et al (2012) และเลวินสัน (2013) ระบุว่า การพัฒนาความหนาแน่นมีผลยิ่งกว่าความเร็วเดินทางรถยนต์บนหมายเลขของงานและบริการภายในเวลากำหนดเดิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยการประเมินประสิทธิภาพของระบบการขนส่งขึ้นอยู่กับความเร็วของการจราจรรถ conventionalevaluation ยังมีแนวโน้มที่จะไม่สนใจปัจจัยการเข้าถึงอื่น ๆ เช่นคุณภาพของการเลือกโหมด (เดินขี่จักรยานและขนส่งสาธารณะ) และการเชื่อมต่อถนนและความใกล้ชิด ปัจจัยเหล่านี้มองข้ามอย่างมีนัยสำคัญจะมีผลต่อการเข้าถึงโดยรวม ยกตัวอย่างเช่นการวิจัยและ byEwing Cervero (2010) และแฮนดี้, Tal และ Boarnet (2010) แสดงให้เห็นว่าการเชื่อมต่อถนน (ความหนาแน่นของการเชื่อมต่อภายในเครือข่ายถนน) อย่างมีนัยสำคัญส่งผลกระทบต่อระยะทางที่ผู้คนจะต้องเดินทางไปถึง
ปลายทางดังแสดงในรูปที่ 3 . ในทำนองเดียวกันการศึกษาโดย Levine, et al (2012) และเลวินสัน (2013) ระบุว่าความหนาแน่นของการพัฒนามีผลกระทบมากขึ้นกว่า
ความเร็วเดินทางรถยนต์กับจำนวนของงานและการบริการที่มีอยู่ในเวลาในการเดินทางที่กำหนด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยประเมินผลตามระบบการขนส่งความเร็วในการจราจรยานพาหนะเป็นหลัก conventionalevaluation ยังมีแนวโน้มที่จะไม่สนใจปัจจัยการเข้าถึงข้อมูลอื่น ๆเช่นคุณภาพของโหมดทางเลือก ( เดิน , จักรยานและระบบขนส่งสาธารณะ ) เชื่อมต่อถนนและความใกล้ชิด เหล่านี้ถูกมองข้ามปัจจัยที่สามารถส่งผลกระทบต่อการใช้งานโดยรวม ตัวอย่างเช่นการวิจัยและ byewing cervero ( 2010 ) และมีประโยชน์ และ boarnet ทาล ( 2553 ) พบว่า ถนนเชื่อมต่อ ( ความหนาแน่นของการเชื่อมต่อภายในเครือข่ายถนน ) อย่างมีนัยสำคัญส่งผลกระทบต่อระยะทางที่ผู้คนต้องเดินทางถึง
จุดหมายปลายทาง ตามที่แสดงในรูปที่ 3 ในทำนองเดียวกันการศึกษาโดย Levine et al ( 2012 ) และเลวินสัน ( 2013 ) พบว่า ผลการพัฒนามีความหนาแน่นมากกว่า
การเดินทางรถยนต์ความเร็วบนหมายเลขของงานและการบริการที่มีอยู่ภายในให้เดินทางข้ามเวลา