ประเทศญี่ปุ่น
กลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น
นักท่องเที่ยวอายุระหว่าง 15 – 24 ปี ชอบผจญภัยมากกว่านักท่องเที่ยวในช่วงอายุอื่น
นักท่องเที่ยวอายุระหว่าง 25 – 34 ปีทำกิจกรรมทางน้ำดำน้ำามากกว่านักท่องเที่ยวในช่วงอายุอื่น
นักท่องเที่ยวอายุระหว่าง 35 – 44 ปีทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพสปามากกว่านักท่องเที่ยวในช่วงอายุอื่น
นักท่องเที่ยวอายุระหว่าง 45 – 54 ปีไม่มีกิจกรรมที่มีความแตกต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น
นักท่องเที่ยวอายุมากกว่า 54 ปีทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับกีฬามากกว่านักท่องเที่ยวในช่วงอายุอื่น
นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาคนเดียว ไม่มีกิจกรรมที่มีความแตกต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น
นักท่องเที่ยวที่มากับคู่สมรสและบุตรทำกิจกรรมทางน้ำมากกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น
นักท่องเที่ยวที่มากับเพื่อนไม่มีกิจกรรมที่มีความแตกต่างจากนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น
นักท่องเที่ยวที่มากับครอบครัว (บิดา มารดา พี่ น้อง หรือญาติ เป็นต้น ) ทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับ
บันเทิงและผจญภัยมากกว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น
รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมนักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น” สืบค้นจาก : http://marketingdatabase.tat.or.th/download/article/research/2401japan.pdf เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2013
จะเป็นคนที่ชอบหาข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจุดท่องเที่ยวกิจกรรมท่องเที่ยวและแหล่งช็อปปิ้ง ก่อนที่จะมาเที่ยวเสมอ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะทำการค้นคว้าหาข้อมูลอย่างละเอียดโดยจะทำการจดบันทึกข้อมูลที่หามาได้ลงในสมุดบันทึกของตน และเมื่อมาถึงก็จะใช้สมุดเล่มนั้นเป็นคู่มือในการท่องเที่ยวไปในตัว
บริษัทนำเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นที่คนนิยมใช้เวลาจะไปท่องเที่ยวต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง
ของการสอบถามเพียงแค่ข้อมูลหรือการซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวได้แก่
Miki tourist
JTB
Europe
Gullivers travel
17.6% เลือกไปยุโรป16.7% เลือกไปฮาวายและประเทศในแถบแปซิฟิก และอีก 8.9% เลือกไปสหรัฐอเมริกาจะเห็นได้ว่า 43% เลือกที่จะไปประเทศในเอเชียซึ่งประเทศไทยจะรวมอยู่ในส่วนนี้ และมีสัดส่วนอยู่ที่ 7.39% ซึ่งถือว่ามากพอควร นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังคงทำการจองโรงแรม/ที่พักล่วงหน้า
จะมีเพียงส่วนน้อยที่ทาการจองเมื่อมาถึง (ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการยืดระยะเวลาในการอยู่ในประเทศไทยด้วย) โดยโรงแรม/ที่พักที่ได้รับความนิยมจะเป็นประเภท 4 ดาว แต่หากมากับบริษัทนาเที่ยวก็จะเป็นประเภท 3 ดาวนักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นมักเลือกที่จะพักโรงแรมที่พักประมาณ 4 ดาว โดยส่วนใหญ่จะเลือกห้องพักที่มีสองเตียง สำหรับในส่วนที่เหลือโรงแรมที่พักจะแปรผันตามรายได้
ชาวญี่ปุ่นประมาณ 61% จากจำนวนประชากรทั้งหมด 128 ล้านคนใช้อินเตอร์เน็ตและประมาณ
48.5% ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงเวปไซด์ที่คนส่วนมากใช้ในการหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่างๆ
ตลอดจนใช้ในการจองตั๋วเครื่องบินและจองโรงแรม ที่พัก ต่างๆ คือ
www.Yahoo!Travel.com
http://www.Rakuten travel.com
นักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้เวลาในการมาพำนักในประเทศไทยเป็นเวลา 4 – 7 วัน และมีอีกส่วนหนึ่งใช้เวลาพำนักอยู่ในประเทศไทยเท่ากับหรือมากกว่า 10 วันโดยภายในระยะเวลาดังกล่าว นักท่องเที่ยวได้เดินทางไปยังภาคใต้มากที่สุด รองลงมา ได้แก่ กรุงเทพและปริมณฑลและในอันดับที่สาม ได้แก่ ภาคกลางส่วนกลาง
ช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเดินทางมาท่องเที่ยว ช่วงฤดูท่องเที่ยว เข้าสู่ฤดูร้อนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว
ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเลือกประเทศเพื่อการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับ
ภาพลักษณ์ของประเทศและผู้คนมากสุดเป็น 2 อันดับแรกเมื่อเลือกประเทศไทยสำหรับการท่องเที่ยว
โดยขนาดของแต่ละปัจจัยนั้นถือว่าแตกต่างจากทัศนคติโดยทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดโดยในกรณีของภาพลักษณ์ของประเทศ นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับปัจจัยนี้มากกว่าทัศนคติโดยทั่วไป
ปัจจัยอื่นๆ ที่ถือว่ามีความสำคัญในสายตาของนักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ ราคาและจุดท่องเที่ยว โดยเฉพาะจุดท่องเที่ยว ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญมากกว่าปัจจัยอื่นๆมากที่สุด
อีกปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ช็อปปิ้ง เป็นอันดับสอง ซึ่งหมายความว่านักท่องเที่ยวให้ความสำคัญกับช็อปปิ้งเมื่อเลือกประเทศไทยมากกว่าทัศนคติโดยทั่วไป ดังนั้นในการให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับประเทศไทยให้กับนักท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น จึงควรที่จะมุ่งเน้นไปในด้านของภาพลักษณ์ของประเทศและผู้ค้น เป็นอันดับแรก
และให้ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับราคา จุดท่องเที่ยวและช็อปปิ้ง เป็นอันดับสอง