Pencil vs cameraThe idea of mixing

Pencil vs camera
The idea of mixing drawing with photography came to him in 2010.[6] Heine says it was the result of a long graphic exploration and a logic consequences of his artistic evolution.[7] "Pencil vs Camera" mixes drawing and photography[8] imagination and reality,[9] through illusion and surrealism.[10] In this project, Heine's usually focuses on architecture, portraits and animals.[11] Among many others, the main themes approached in "Pencil Vs Camera" are love and friendship. Heine says: "I just make art for people. I want them to dream and forget their daily troubles. I used to write poems many years ago, I want to convey a poetic meaning into my pictures, each new creation should tell a story and generate an intense emotion, like a poem, like a melody".[12] This series had a large impact on the graphic design community.[13] Heine says the initial idea of this "Pencil Vs Camera" concept came by coincidence while he was writing a letter.[14] Some of his "Pencil vs Camera" creations have also been related to optical illusions.[15]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กล้องเทียบกับดินสอความคิดของการผสมการวาดภาพกับการถ่ายภาพมาให้เขาในปี 2553[6] Heine กล่าวว่า ผลสำรวจภาพยาวและลำดับตรรกะของวิวัฒนาการทางศิลปะของเขา[7] "ดินสอกับกล้อง" ออกแบบผสมผสานวาดภาพ และจินตนาการถ่ายภาพ [8] และความ จริง, [9] ภาพลวงตาและลัทธิเหนือจริง[10] ในโครงการ ของ Heine มักเน้นสถาปัตยกรรม ถ่ายภาพบุคคล และสัตว์[11] ในหมู่คนอื่น ๆ ธีมหลักที่ประดับใน "ดินสอ Vs กล้อง" มีความรักและมิตรภาพ Heine กล่าวว่า: "ฉันเพียงได้ศิลปะสำหรับคน ฉันต้องการให้ฝัน และลืมความทุกข์ยากของพวกเขาทุกวัน เคยเขียนบทกวีเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ฉันต้องการจะสื่อความหมายบทกวีในรูปภาพของฉัน สร้างใหม่แต่ละควรบอกเรื่องราว และสร้างอารมณ์รุนแรง บาท เช่นทำนองเพลงเช่น"[12] ชุดนี้ก็กระทบต่อในชุมชนการออกแบบกราฟิก[13] Heine กล่าวว่า ความคิดเริ่มต้นของ "ดินสอ Vs กล้อง" แนวความคิดมา โดยบังเอิญในขณะที่เขาได้เขียนจดหมาย[14] บางอย่างสร้างสรรค์ "ดินสอกับกล้อง" ของเขาได้ยังได้เกี่ยวข้องกับภาพลวงตาของแสง[15]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดินสอ vs กล้อง
ความคิดของการผสมการวาดภาพกับการถ่ายภาพมาหาเขาในปี 2010 [6] Heine บอกว่ามันเป็นผลมาจากการสำรวจภาพที่ยาวและผลที่ตามตรรกะของวิวัฒนาการศิลปะของเขา. [7] "ดินสอ vs กล้อง" ผสมและการวาดภาพ การถ่ายภาพ [8] จินตนาการและความเป็นจริง [9] ผ่านภาพลวงตาและสถิตยศาสตร์. [10] ในโครงการนี้ Heine มักจะมุ่งเน้นไปที่สถาปัตยกรรม, การถ่ายภาพบุคคลและสัตว์. [11] ในหมู่อื่น ๆ อีกมากมาย, ธีมหลักเดินเข้ามาใกล้ใน "ดินสอกล้อง Vs" มีความรักและมิตรภาพ Heine กล่าวว่า.. "ผมเพียงแค่ทำให้ศิลปะเพื่อคนที่ผมต้องการให้พวกเขาที่จะฝันและลืมปัญหาในชีวิตประจำวันของพวกเขาที่ผมใช้ในการเขียนบทกวีหลายปีที่ผ่านมาผมต้องการสื่อความหมายบทกวีเป็นภาพของฉันแต่ละสร้างใหม่ควรบอกเล่าเรื่องราวและ สร้างอารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรงเช่นบทกวีเช่นทำนอง ". [12] ชุดนี้มีผลกระทบขนาดใหญ่ในชุมชนการออกแบบกราฟิก. [13] Heine กล่าวว่าความคิดเริ่มต้นของ" ดินสอ Vs กล้อง "แนวคิดมาโดยบังเอิญในขณะที่เขา เขียนจดหมาย. [14] บางส่วนของเขาที่ชื่อ "ดินสอ vs กล้อง" สร้างสรรค์ยังได้รับการที่เกี่ยวข้องกับการฉายภาพ. [15]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดินสอ VS กล้อง
ความคิดการวาดภาพกับการถ่ายภาพมาหาเขาใน 2010 . [ 6 ] ไฮกล่าวว่าผลการสำรวจกราฟิกยาวและตรรกะผลของวิวัฒนาการทางศิลปะของเขา [ 7 ] " ดินสอ VS กล้อง " ผสมการวาดภาพและการถ่ายภาพ [ 8 ] จินตนาการและความเป็นจริง [ 9 ] ผ่านภาพลวงตา และ เซอร์เรียลลิส [ 10 ] ในโครงการนี้ มักจะเน้นไฮสถาปัตยกรรม รูปคนและสัตว์[ 11 ] ในหมู่อื่น ๆอีกมากมาย , ธีมหลักก็ใน " ดินสอ VS กล้อง " ความรักและมิตรภาพ ไฮน์กล่าวว่า : " ผมแค่ทำศิลปะเพื่อประชาชน ฉันต้องการที่จะฝันและลืมปัญหาของพวกเขาทุกวัน . ผมเคยเขียนบทกวีเมื่อหลายปีมาแล้ว ผมต้องการสื่อความหมายบทกวีลงในรูปภาพของฉัน , แต่ละการสร้างใหม่ควรบอกเล่าเรื่องราวและสร้างอารมณ์รุนแรง ชอบบทกวี ชอบเพลง "[ 12 ] ชุดนี้มีผลกระทบขนาดใหญ่บนกราฟิกการออกแบบชุมชน [ 13 ] ไฮบอกว่าความคิดเริ่มต้นของแนวคิดนี้ " ดินสอ VS กล้อง " ที่มาโดยบังเอิญในขณะที่เขากำลังเขียนจดหมาย [ 14 ] บางส่วนของ " ดินสอ VS กล้อง " กระทั่งได้รับเกี่ยวข้องกับภาพลวงตา [ 15 ]