Contract theory,given prominence by

Contract theory,given prominence by McNeil(1980),discusses the bases of contracts that combine, on the other hand, freedom for both parties to changing circumstance but that, on other hand, must reduce the temptation for one party to exploit the other. In general, details about the whole range of rights and obligations cannot be defined in advance for complex transactions and it must be recognized that a formal contract is just a part of the process of governing relations between parties. Overlying this is a shared understanding that arises when parties develop longer-term relationship with each other, rather than making a series of one-off transactions with different parties. Developing on this, Williamson, in his book Markets and Hierarchies, addressed the question 'Why do organizations exist?' He argued that organizations are created in order to reduce uncertainty and opportunism in the marketplace (Willamson 1975). By extension, networks of cooperating organizations reduce the cost and uncertainty associated with acting alone as isolated business units through series of one-off transactions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีสัญญา ให้ความโดดเด่น โดย McNeil (1980), กล่าวถึงฐานของสัญญาที่ รวม คง อิสระทั้งสองฝ่ายในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ แต่ที่ บนมืออื่น ๆ ต้องลดสิ่งล่อใจสำหรับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะใช้ประโยชน์จากอื่น ๆ ทั่วไป รายละเอียดเกี่ยวกับช่วงของสิทธิและหน้าที่ทั้งหมดไม่สามารถกำหนดล่วงหน้าสำหรับธุรกรรมที่ซับซ้อน และต้องรู้จักว่า สัญญาอย่างเป็นทางการเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล เหล่านั้นนี้เป็นความเข้าใจร่วมกันที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับแต่ละอื่น ๆ มากกว่าการชุดของธุรกรรมที่ใช้ครั้งเดียวกับบุคคลอื่น พัฒนาบนนี้ วิลเลียมสัน ในตลาดหนังสือของเขาและลำดับชั้น ส่งคำถาม 'ทำไมทำองค์กรอยู่ได้อย่างไร' เขาโต้เถียงที่ องค์กรสร้างขึ้นเพื่อลดความไม่แน่นอนและ opportunism ในตลาด (Willamson 1975) นามสกุล เครือข่ายขององค์กรให้ความร่วมมือลดต้นทุนและความไม่แน่นอนเกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรกิจแยกผ่านชุดของธุรกรรมที่ใช้ครั้งเดียว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีสัญญาได้รับชื่อเสียงจากแมคนีล (1980) กล่าวถึงฐานของสัญญาที่รวมในมืออื่น ๆ เสรีภาพสำหรับทั้งสองฝ่ายที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ แต่ในมืออื่น ๆ จะต้องลดสิ่งล่อใจสำหรับบุคคลที่หนึ่งที่จะใช้ประโยชน์อื่น ๆ โดยทั่วไปรายละเอียดเกี่ยวกับทั้งช่วงของสิทธิและหน้าที่ไม่สามารถกำหนดล่วงหน้าสำหรับธุรกรรมที่ซับซ้อนและจะต้องได้รับการยอมรับว่าสัญญาอย่างเป็นทางการเป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการของการปกครองความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ วางนี้เป็นความเข้าใจร่วมกันว่าเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับแต่ละอื่น ๆ แทนที่จะทำให้ชุดของการทำธุรกรรม one-off กับบุคคลที่แตกต่างกัน การพัฒนาเกี่ยวกับเรื่องนี้วิลเลียมสันในตลาดหนังสือของเขาและลำดับชั้นจ่าหน้าคำถาม 'ทำไมองค์กรอยู่?' เขาแย้งว่าองค์กรที่มีการสร้างขึ้นเพื่อลดความไม่แน่นอนและการฉวยโอกาสในตลาด (Willamson 1975) โดยการขยายเครือข่ายขององค์กรความร่วมมือลดค่าใช้จ่ายและความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่อยู่คนเดียวเป็นหน่วยธุรกิจที่แยกผ่านชุดของการทำธุรกรรมหนึ่งออก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีสัญญาได้รับชื่อเสียงโดยแมคนีล ( 1980 ) ได้กล่าวถึงฐานของสัญญาที่เข้ากัน บนมืออื่น ๆ , เสรีภาพสำหรับทั้งสองฝ่ายเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ แต่ในมืออื่น ๆที่ต้องลดสิ่งล่อใจสำหรับพรรคหนึ่งเพื่อประโยชน์อื่น ๆ ในทั่วไป , รายละเอียดเกี่ยวกับช่วงทั้งหมดของสิทธิและภาระหน้าที่ ไม่สามารถกำหนดล่วงหน้าสำหรับการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนและจะต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นสัญญาอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกระบวนการ ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย วางนี้คือ ความเข้าใจร่วมกันว่า เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาวกับแต่ละอื่น ๆ มากกว่าการสร้างชุดของทั้งธุรกรรมกับบุคคลที่แตกต่างกัน การพัฒนานี้ วิลเลียมสัน ในตลาดหนังสือของเขาและชนชั้น , addressed คำถาม " ทำไมองค์กรที่มีอยู่ ? เขาแย้งว่า องค์กรที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อช่วยลดความไม่แน่นอนและการฉวยโอกาสในตลาด ( willamson 1975 ) โดยการขยายเครือข่ายของความร่วมมือขององค์กร ลดต้นทุน และความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการแสดงคนเดียว เป็นแยกหน่วยธุรกิจผ่านชุดของรายการแน่นอน