A nutrient in cooked tomatoes has b

A nutrient in cooked tomatoes has been shown in laboratory studies to slow the growth of or even kill prostate cancer cells.

Dr Mridula Chopra and colleagues at the University of Portsmouth tested the effect of the nutrient lycopene on the simple mechanism through which cancer cells hijack a body's healthy blood supply in order to grow and spread.

They found lycopene -- which is what gives tomatoes their red colour -- intercepts cancer's ability to make the connections it needs to attach to a healthy blood supply.

The researchers, from the university's School of Pharmacy and Biomedical Sciences, are now calling for tests to check if the same reaction occurs in the human body.

Director of the research Dr Chopra said: "This simple chemical reaction was shown to occur at lycopene concentrations that can easily be achieved by eating processed tomatoes."

The research is published in the British Journal of Nutrition.

Lycopene is present in all red fruits and vegetables, but its concentrations are highest in tomatoes and it becomes more readily available and biologically active when it comes from processed tomatoes with a small amount of cooking oil added.

Dr Chopra said: "I stress that our tests were done in test tubes in a laboratory and more testing needs to be carried out to confirm our findings, but the laboratory evidence we have found is clear -- it is possible to intercept the simple mechanism some cancer cells use to grow at concentrations that can be achieved by eating sufficient cooked tomatoes."

The research was part-funded by Heinz after the food manufacturer asked for more research to follow up earlier studies by the same researchers which showed a significant increase in lycopene levels in blood and semen samples after subjects ate 400g of processed tomatoes for two weeks.

Dr Chopra and her colleagues Simone Elgass and Alan Cooper had a firm agreement they would publish their results irrespective of the outcome.

Cancer cells can remain dormant for years until their growth is triggered through the secretion of chemicals which initiate the process of linking cancer cells with endothelial cells (healthy gatekeeper cells which line blood vessels) allowing the cancer cells to reach out and attach to the blood supply.

In the laboratory experiments, lycopene was shown to disrupt this linking process without which cancer cells cannot grow.

All cancer cells use a similar mechanism (angiogenesis) to 'feed' upon a healthy blood supply, but the researchers emphasised the importance of this mechanism for prostate cancer because lycopene tends to accumulate in prostate tissues.

Dr Chopra said: "The important thing is for sufficient lycopene to reach where it can matter. We know that in case of prostate tissues it gets there.

"We have tested this in the labs but we don't yet know if the same action will happen in the body. Individuals will vary in how much lycopene their bodies make available to fight cancer cell growth and the ability of lycopene to 'intercept' in this way in the body is likely to vary between tomato products -- both processing and cooking with fat have previously been shown to make lycopene more effective biologically. The type of tomatoes which offer the most effective lycopene also differs and more tests need to be done to find the best breed of tomato for this purpose."

It was suggested in their previous research that smokers might have to consume more tomatoes than non-smokers in order to achieve the benefits of lycopene due to the presence of high oxidative stress in smokers.

Eleanor Barrie, senior science information officer at Cancer Research UK, said: "Some existing cancer drugs target the formation of new blood vessels, but more research is needed to show how they could be used to help cancer patients. This small study doesn't directly tell us if lycopene has any effect against cancer, but research like this can help us to understand more about how the chemical affects blood vessel formation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สารอาหารในมะเขือเทศสุกได้รับการแสดงในห้องปฏิบัติการศึกษาการชะลอการเติบโต หรือฆ่าเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากได้ดร. Mridula โชปราและเพื่อนร่วมงานที่มหาวิทยาลัยรู้สึกทดสอบผลของ lycopene ธาตุอาหารกลไกง่าย ๆ ผ่านมะเร็งที่เซลล์จี้ของร่างกายมีสุขภาพดีเลือดเพื่อเติบโต และแพร่กระจายพวกเขาพบ lycopene -ซึ่งเป็นสิ่งที่ให้มะเขือเทศสีแดงของพวกเขา — คเกอร์ดักของมะเร็งความสามารถในการเชื่อมต่อที่ต้องการแนบกับเลือดสุขภาพนักวิจัย จากของมหาวิทยาลัยโรงเรียนเภสัชกรรมและวิทยาศาสตร์ทางชีวการแพทย์ โดยทั่วไปตอนนี้เรียกสำหรับทดสอบเพื่อตรวจสอบถ้าปฏิกิริยาเดียวกันเกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยดร.โชปรากล่าวว่า: "ปฏิกิริยาเคมีนี้อย่างง่ายที่แสดงให้เกิดขึ้นที่ความเข้มข้นของ lycopene ที่ง่ายสามารถทำได้ โดยรับประทานมะเขือเทศที่ประมวลผล"การวิจัยมีการเผยแพร่ในสมุดรายวันภาษาอังกฤษของโภชนาการLycopene มีอยู่ในผัก และผลไม้สีแดงทั้งหมด แต่ความเข้มข้นที่มีสูงในมะเขือเทศ และมันกลายเป็นมีมากขึ้น และใช้ชิ้นงานมาจากมะเขือเทศแปรรูปมีจำนวนเล็กน้อยน้ำมันเพิ่มดร.โชปรากล่าวว่า: "ย้ำว่า ทดสอบของเราได้ทำในหลอดทดสอบในห้องปฏิบัติการและต้องทดสอบเพิ่มเติมเพื่อทำการยืนยันการค้นพบของเรา แต่เราได้พบหลักฐานปฏิบัติการล้าง - สามารถดักกลไกง่าย ๆ ที่ใช้บางเซลล์มะเร็งจะเติบโตในความเข้มข้นที่สามารถทำได้ โดยรับประทานมะเขือเทศสุกเพียงพอ"การวิจัยมีส่วนสนับสนุน โดย Heinz หลังจากที่ผู้ผลิตอาหารขอวิจัยมากกว่าการศึกษาก่อนหน้านี้ โดยนักวิจัยเดียวกันซึ่งแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระดับ lycopene ในตัวอย่างเลือดและน้ำเชื้อหลังจากเรื่องกินของประมวลผลมะเขือเทศ 400 กรัมสำหรับสองสัปดาห์ดร.โชปราและเพื่อนร่วมงานของเธอ Simone Elgass และ Alan คูเปอร์มีข้อตกลงของบริษัทที่จะนำผลลัพธ์ไม่ว่าผลลัพธ์เซลล์มะเร็งสามารถอยู่เฉย ๆ ปีจนเจริญเติบโตของพวกเขาจะถูกทริกเกอร์ โดยการหลั่งของสารเคมีซึ่งเริ่มกระบวนการของการเชื่อมโยงเซลล์มะเร็งกับเซลล์บุผนังหลอดเลือด (gatekeeper สุขภาพเซลล์ซึ่งเส้นเลือด) ทำให้เซลล์มะเร็งถึงออก และแนบกับเลือดได้ในห้องปฏิบัติการทดลอง lycopene ที่แสดงการรบกวนกระบวนการเชื่อมโยงนี้ โดยที่เซลล์มะเร็งไม่เจริญเติบโตเซลล์มะเร็งทั้งหมดใช้กลไกคล้ายกัน (angiogenesis) 'อาหาร' เมื่อเลือดมีสุขภาพดี แต่นักวิจัย emphasised ความสำคัญของกลไกนี้สำหรับโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเนื่องจาก lycopene มีแนวโน้มที่สะสมอยู่ในเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากดร.โชปรากล่าวว่า: "สิ่งที่สำคัญคือสำหรับ lycopene พอถึงที่มันสามารถเรื่อง เราทราบว่า ในกรณีที่เนื้อเยื่อต่อมลูกหมาก ได้รับมี"We have tested this in the labs but we don't yet know if the same action will happen in the body. Individuals will vary in how much lycopene their bodies make available to fight cancer cell growth and the ability of lycopene to 'intercept' in this way in the body is likely to vary between tomato products -- both processing and cooking with fat have previously been shown to make lycopene more effective biologically. The type of tomatoes which offer the most effective lycopene also differs and more tests need to be done to find the best breed of tomato for this purpose."It was suggested in their previous research that smokers might have to consume more tomatoes than non-smokers in order to achieve the benefits of lycopene due to the presence of high oxidative stress in smokers.Eleanor Barrie, senior science information officer at Cancer Research UK, said: "Some existing cancer drugs target the formation of new blood vessels, but more research is needed to show how they could be used to help cancer patients. This small study doesn't directly tell us if lycopene has any effect against cancer, but research like this can help us to understand more about how the chemical affects blood vessel formation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สารอาหารในมะเขือเทศสุกได้รับการแสดงในการศึกษาทางห้องปฏิบัติการเพื่อชะลอการเจริญเติบโตของหรือแม้กระทั่งการฆ่าเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก. ดร Mridula Chopra และเพื่อนร่วมงานที่มหาวิทยาลัยพอร์ตสมั ธ ทดสอบผลกระทบของไลโคปีนสารอาหารในกลไกง่ายๆผ่านที่เซลล์มะเร็งจี้ . ปริมาณเลือดที่ดีต่อสุขภาพของร่างกายเพื่อที่จะเติบโตและการแพร่กระจายพวกเขาพบว่าไลโคปีน- ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มะเขือเทศสีแดงของพวกเขา -. ความสามารถในการเป็นโรคมะเร็งดักที่จะทำให้การเชื่อมต่อจะต้องแนบไปกับปริมาณเลือดที่ดีต่อสุขภาพนักวิจัยจากโรงเรียนของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์เภสัชกรรมและชีวการแพทย์ที่กำลังเรียกร้องให้มีการทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าปฏิกิริยาเดียวกันเกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์. ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยดร Chopra กล่าวว่า "ปฏิกิริยาเคมีนี้ง่ายก็แสดงให้เห็นว่าจะเกิดขึ้นที่ระดับความเข้มข้นไลโคปีนที่สามารถทำได้โดยการรับประทานอาหาร มะเขือเทศประมวลผล. "การวิจัยที่มีการเผยแพร่ในวารสารBritish Journal of Nutrition. ไลโคปีนที่มีอยู่ในผลไม้สีแดงและผัก แต่ความเข้มข้นที่มีความสูงที่สุดในมะเขือเทศและมันจะกลายเป็นมากขึ้นพร้อมและใช้งานทางชีวภาพเมื่อมันมาจากมะเขือเทศประมวลผลด้วยขนาดเล็ก ปริมาณของน้ำมันปรุงอาหารเพิ่ม. ดร Chopra กล่าวว่า "ผมเน้นว่าการทดสอบของเราได้ทำในหลอดทดลองในห้องปฏิบัติการและการทดสอบมากขึ้นจะต้องมีการดำเนินการเพื่อยืนยันการค้นพบของเรา แต่มีหลักฐานทางห้องปฏิบัติการที่เราได้พบว่าเป็นที่ชัดเจน - มันเป็น เป็นไปได้ที่จะสกัดกั้นกลไกง่ายๆเซลล์มะเร็งบางคนใช้ที่จะเติบโตที่ระดับความเข้มข้นที่สามารถทำได้โดยการรับประทานมะเขือเทศสุกเพียงพอ. "การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนโดยไฮนซ์หลังจากที่ผู้ผลิตอาหารที่ถามสำหรับการวิจัยมากขึ้นในการติดตามศึกษาก่อนหน้านี้โดยนักวิจัยเดียวกันซึ่งแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระดับไลโคปีนในตัวอย่างเลือดและน้ำอสุจิหลังจากที่อาสาสมัครกิน 400 กรัมของมะเขือเทศประมวลผลสำหรับสองสัปดาห์. ดร Chopra และเพื่อนร่วมงานของเธอ Simone Elgass และอลันคูเปอร์มีข้อตกลง บริษัท ที่พวกเขาจะเผยแพร่ผลของพวกเขาโดยไม่คำนึงถึงผล. เซลล์มะเร็ง สามารถอยู่เฉย ๆ ปีจนกระทั่งการเจริญเติบโตของพวกเขาจะถูกเรียกผ่านการหลั่งของสารเคมีที่เริ่มต้นกระบวนการของการเชื่อมโยงเซลล์มะเร็งกับเซลล์บุผนังหลอดเลือด (เซลล์ยามที่มีสุขภาพดีซึ่งหลอดเลือด) ที่ช่วยให้เซลล์มะเร็งที่จะเข้าถึงและแนบไปกับเลือด. ใน การทดลองในห้องปฏิบัติการ, ไลโคปีนถูกนำมาแสดงที่จะทำลายกระบวนการเชื่อมโยงนี้โดยที่เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโต. เซลล์มะเร็งทั้งหมดใช้กลไกที่คล้ายกัน (เจเนซิส) ที่ 'อาหาร' เมื่อปริมาณเลือดมีสุขภาพดี แต่นักวิจัยเน้นความสำคัญของกลไกนี้สำหรับต่อมลูกหมาก . เพราะโรคมะเร็งไลโคปีนมีแนวโน้มที่จะสะสมในเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากดรChopra กล่าวว่า "สิ่งที่สำคัญคือสำหรับไลโคปีนที่เพียงพอที่จะไปถึงที่จะสามารถมีความสำคัญ เรารู้ว่าในกรณีของเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากที่จะได้รับมี. "เรามีการทดสอบในห้องปฏิบัติการนี้ แต่เรายังไม่ทราบว่าการดำเนินการเหมือนกันที่จะเกิดขึ้นในร่างกาย. บุคคลจะแตกต่างกันในวิธีการมากไลโคปีนร่างกายของพวกเขาให้มีขึ้นที่จะต่อสู้ เจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและความสามารถของไลโคปีนที่ 'ตัด' ในลักษณะนี้ในร่างกายมีแนวโน้มที่จะแตกต่างกันระหว่างผลิตภัณฑ์มะเขือเทศ - ทั้งการประมวลผลและการปรุงอาหารที่มีไขมันที่ได้รับก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าไลโคปีนที่จะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นทางชีวภาพชนิดของมะเขือเทศที่เสนอ. มีประสิทธิภาพมากที่สุดไลโคปีนยังมีความแตกต่างและการทดสอบอื่น ๆ อีกมากมายที่ต้องทำเพื่อหาสายพันธุ์ที่ดีที่สุดของมะเขือเทศเพื่อการนี้. "มันเป็นข้อเสนอแนะในการวิจัยก่อนหน้านี้ว่าผู้สูบบุหรี่อาจจะต้องกินมะเขือเทศมากกว่าผู้สูบบุหรี่ที่ไม่ใช่เพื่อให้บรรลุผลประโยชน์. ของไลโคปีนเนื่องจากการมีความเครียดออกซิเดชันที่สูงในผู้สูบบุหรี่อีลีเนอร์แบร์รี, เจ้าหน้าที่ข้อมูลวิทยาศาสตร์อาวุโสที่การวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักรกล่าวว่า "บางยารักษาโรคมะเร็งที่มีอยู่กำหนดเป้าหมายการก่อตัวของหลอดเลือดใหม่ แต่การวิจัยมากขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ นำมาใช้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง การศึกษาครั้งนี้มีขนาดเล็กไม่ได้โดยตรงบอกเราถ้ามีไลโคปีนผลกระทบใด ๆ กับโรคมะเร็ง แต่การวิจัยเช่นนี้สามารถช่วยให้เราเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีทางเคมีที่มีผลต่อการก่อตัวของหลอดเลือด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นสารอาหารในมะเขือเทศสุกได้รับการแสดงในการศึกษาทดลองเพื่อชะลอการเจริญเติบโตของต่อมลูกหมาก หรือแม้แต่ฆ่าเซลล์มะเร็ง .

ดร mridula Chopra และเพื่อนร่วมงานที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ทดสอบผลของสารอาหารไลโคปีนในกลไกง่ายๆที่ร่างกายแข็งแรง เซลล์มะเร็งจี้เลือดเพื่อที่จะเติบโตและแพร่กระจาย

พวกเขาพบว่า ไลโคปีน ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้มะเขือเทศสีแดง . . . สกัดมะเร็งสามารถให้การเชื่อมต่อจะต้องแนบเลือดมีสุขภาพดี

นักวิจัยจากโรงเรียนเภสัชกรรมและชีวการแพทย์วิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ตอนนี้เรียกการทดสอบเพื่อตรวจสอบว่าปฏิกิริยาเดียวกันเกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์

ผู้อำนวยการของการวิจัย ดร. Chopra กล่าวว่า :" ปฏิกิริยาทางเคมีอย่างง่ายนี้ถูกแสดงขึ้นที่ไลโคปีนความเข้มข้นที่สามารถทำได้โดยการรับประทานมะเขือเทศแปรรูป "

งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารโภชนาการของอังกฤษ

ไลโคปีนมีอยู่ในผลไม้สีแดงทั้งหมด และผักแต่ความเข้มข้นสูงในมะเขือเทศ และจะกลายเป็นพร้อมใช้งาน และใช้งานทางชีวภาพมากขึ้นเมื่อมันมาถึงจากมะเขือเทศแปรรูปที่มีขนาดเล็กปริมาณของน้ำมันปรุงอาหารเพิ่ม

ดร. Chopra กล่าวว่า : " ผมเน้นที่การทดสอบของเรา ทำในหลอดทดลองในห้องปฏิบัติการ และการทดสอบจะต้องดำเนินการเพื่อยืนยันผลของเราแต่ทางเราได้พบหลักฐานชัดเจน . . . มันเป็นไปได้ที่จะขัดขวางกลไกง่ายๆบางเซลล์มะเร็งใช้ในการเจริญเติบโตในระดับความเข้มข้นที่สามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารที่เพียงพอ "

ต้มมะเขือเทศการวิจัยเป็นส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนโดยไฮนซ์ หลังจากผู้ผลิตอาหารขอวิจัยเพิ่มเติมเพื่อติดตามการศึกษาก่อนหน้านี้โดยเดียวกัน นักวิจัยซึ่งแสดงให้เห็นเพิ่มขึ้นอย่างมากในระดับไลโคปีนในเลือดและตัวอย่างอสุจิหลังจากวิชากินมะเขือเทศแปรรูป 400g สองอาทิตย์

ดร. Chopra และเพื่อนร่วมงาน ซิโมน elgass และอลัน คูเปอร์ได้ข้อตกลงที่พวกเขาจะเผยแพร่ผลของพวกเขา บริษัท โดยไม่คำนึงถึงผล

เซลล์มะเร็งจะยังคงอยู่เฉยๆสำหรับปีจนกว่าการเรียกผ่านการหลั่งสารเคมีที่เริ่มต้นกระบวนการของการเชื่อมโยงเซลล์มะเร็งเยื่อบุเซลล์ ( เซลล์ที่แข็งแรง ยามสายเลือด vessels ) ช่วยให้เซลล์มะเร็งที่จะเข้าถึงและแนบไปกับเลือด

ในห้องทดลองไลโคปีนได้แสดงเพื่อขัดขวางกระบวนการเชื่อมโยงนี้โดยที่เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้

ทุกเซลล์มะเร็งใช้กลไกที่คล้ายกัน ( angiogenesis ) ' อาหาร ' เมื่อเลือดมีสุขภาพดี แต่นักวิจัยได้เน้นความสำคัญของกลไกสำหรับมะเร็งต่อมลูกหมากเพราะไลโคปีนมีแนวโน้มที่จะสะสมในเนื้อเยื่อต่อมลูกหมาก .

ดร. Chopra กล่าวว่า :" สิ่งที่สำคัญคือไลโคพีนเพียงพอที่จะเข้าถึงมันได้ยังไง เราทราบว่าในกรณีของเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากได้รับมี

" เราได้มีการทดสอบในแล็บ แต่เราไม่รู้ว่า การกระทำแบบนี้จะเกิดขึ้นในร่างกายแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันเท่าไร ไลโคปีนร่างกายให้พร้อมใช้งานต่อสู้เซลล์มะเร็งเติบโตและความสามารถของไลโคปีน ' สกัด ' ในลักษณะนี้ในร่างกายมีแนวโน้มที่จะแตกต่างกันระหว่างผลิตภัณฑ์มะเขือเทศ -- ทั้งการประมวลผลและการปรุงอาหารด้วยไขมันที่ได้รับก่อนหน้านี้แสดงให้ไลโคปีนมีประสิทธิภาพมากขึ้นในทางชีววิทยาประเภทของมะเขือเทศซึ่งมีไลโคปีนมีประสิทธิภาพมากที่สุดยังแตกต่างและการทดสอบเพิ่มเติมต้องทำเพื่อหาสายพันธุ์ที่ดีที่สุดของมะเขือเทศสำหรับวัตถุประสงค์นี้ . "

มันเป็นข้อเสนอแนะในการวิจัยของพวกเขาก่อนหน้านี้ที่ผู้สูบบุหรี่ต้องกินมะเขือเทศมากกว่าผู้ไม่สูบบุหรี่เพื่อให้บรรลุผลประโยชน์ของไลโคปีน จากการเครียด ออกซิเดชันใน smokers

เอเลนอร์ Barrie ,เจ้าหน้าที่สารสนเทศอาวุโสที่ UK , การวิจัยโรคมะเร็ง กล่าวว่า " เป้าหมายของการก่อตัวของหลอดเลือดใหม่ที่มีอยู่โรคมะเร็งยา แต่การวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะแสดงวิธีที่พวกเขาสามารถใช้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็ง นี้การศึกษาขนาดเล็กที่ไม่ตรง บอกเราว่า ไลโคปีนมีผลใด ๆต่อต้านมะเร็งแต่งานวิจัยนี้ สามารถช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับวิธีการที่สารเคมีที่มีผลต่อการเกิดหลอดเลือด