Harrison and colleagues conducted a

Harrison and colleagues conducted a separate regression analyses on 42 infants who received GHT to examine the level of change from baseline to touch. The purpose of the analyses was to identify potential factors related to physiologic and behavioral responses to individual GHT session that could help predict when infants might have problems tolerating GHT. The findings from these regression analyses suggest that baseline behavioral state and baseline levels of motor activity, no movement, and behavioral distress were the most significant predictors of change from B to T phases on the 9 dependent variables that were examined. However, the amount of variation in the dependent variables that was explained by the independent variables in the analyses was relatively small, ranging from 1.2% to 8.6%. For instance, very preterm infants who were more active or distressed at baseline had increased levels of rapid eye movement (REM) sleep and a decreased heart rate, suggesting that GHT had a relaxing or calming effect. On the contrary, very preterm infants with higher baseline levels of quiet sleep were associated with increased levels of REM sleep, active sleep, motor activity, and heart rate, and with decreased levels of modified behavioral distress, suggesting that GHT might have aroused infants who were already in a quiet state. Infants with higher morbidity scores were associated with decreased levels of REM sleep and increased levels of motor activity, suggesting that sicker infants became more agitated during the touch intervention.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Harrison และร่วมดำเนินการวิเคราะห์ถดถอยที่แยกต่างหากในทารก 42 ที่ GHT เพื่อตรวจสอบระดับของการเปลี่ยนแปลงจากพื้นฐานการสัมผัสที่ได้รับ วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์คือการ ระบุปัจจัยที่อาจเกี่ยวข้องกับ physiologic และพฤติกรรมตอบสนองต่อเซสชัน GHT แต่ละที่จะช่วยให้ทำนายว่า ทารกอาจมีปัญหา tolerating GHT ค้นพบจากการวิเคราะห์การถดถอยนี้แนะนำว่า พื้นฐานพฤติกรรมรัฐและพื้นฐาน และระดับ ของกิจกรรมมอเตอร์ ไม่เคลื่อนไหว พฤติกรรมความทุกข์ถูก predictors ครั้งสำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงจาก B T ระยะในตัวแปรขึ้นอยู่กับ 9 ที่ถูกตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม จำนวนของความผันแปรในตัวแปรขึ้นอยู่กับการที่ถูกอธิบาย โดยตัวแปรอิสระในการวิเคราะห์ ได้เล็ก ตั้งแต่ 1.2% เป็น 8.6% เช่น ทารก preterm มากที่เป็นทุกข์ที่พื้นฐาน หรือใช้งานมากขึ้นมีเพิ่มระดับของการนอนหลับ (REM) ความเคลื่อนไหวของตาอย่างรวดเร็วและการลดอัตราการเต้นหัวใจ แนะนำที่ GHT ได้การพักผ่อน หรือชื่นผล ดอก ทารก preterm มากมีระดับสูงหลักหลับเงียบได้เชื่อมโยง กับระดับ REM ป โหมดใช้งาน กิจกรรมมอเตอร์ และอัตราการเต้นหัวใจเพิ่มขึ้น และลดระดับของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมความทุกข์ แนะนำที่ GHT อาจมี aroused ทารกที่อยู่ในสถานะพัก ทารก มีคะแนน morbidity สูงขึ้นสัมพันธ์กับระดับการลดลงของ REM และเพิ่มระดับของกิจกรรมมอเตอร์ แนะนำว่า ทารก sicker กลายเป็น agitated มากขึ้นในระหว่างการแทรกแซงการสัมผัส

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แฮร์ริสันและเพื่อนร่วมงานดำเนินการวิเคราะห์การถดถอยแยก 42 ทารกที่ได้รับการตรวจสอบ GHT ระดับของการเปลี่ยนแปลงจาก baseline ที่จะสัมผัส วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์เพื่อหาปัจจัยที่อาจเกิดขึ้นที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองทางสรีรวิทยาการและพฤติกรรมการ GHT เซสชั่นของแต่ละบุคคลที่จะช่วยให้คาดการณ์เมื่อทารกอาจมีปัญหาในการทน GHT ผลการวิจัยจากการวิเคราะห์การถดถอยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่ารัฐพฤติกรรมพื้นฐานและระดับพื้นฐานของกิจกรรมมอเตอร์ไม่มีการเคลื่อนไหวและความทุกข์พฤติกรรมเป็นตัวทำนายที่สำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงจาก B ไป T ขั้นตอนที่ 9 ตัวแปรตามที่ได้รับการตรวจสอบ แต่ปริมาณของการเปลี่ยนแปลงในตัวแปรตามที่ได้รับการอธิบายโดยตัวแปรอิสระในการวิเคราะห์มีขนาดเล็กค่อนข้างตั้งแต่ 1.2% ถึง 8.6% ยกตัวอย่างเช่นทารกคลอดก่อนกำหนดมากที่มีการใช้งานมากขึ้นหรือมีความสุขที่ baseline มีระดับที่เพิ่มขึ้นของการเคลื่อนไหวตาอย่างรวดเร็ว (REM) นอนหลับและอัตราการเต้นหัวใจลดลงบอกว่า GHT มีผลกระทบหรือผ่อนคลายสงบเงียบ ในทางตรงกันข้ามทารกคลอดก่อนกำหนดมากกับระดับพื้นฐานที่สูงขึ้นของการนอนหลับที่เงียบสงบมีความสัมพันธ์กับระดับที่เพิ่มขึ้นของการนอนหลับ REM การนอนหลับที่ใช้งาน, กิจกรรมเคลื่อนไหวและอัตราการเต้นของหัวใจและลดระดับของความทุกข์พฤติกรรมการแก้ไขบอก GHT ที่อาจมีทารกกระตุ้นที่ มีอยู่แล้วในสภาพที่เงียบสงบ ทารกที่มีคะแนนการเจ็บป่วยที่สูงขึ้นมีความสัมพันธ์กับระดับที่ลดลงของการนอนหลับ REM และระดับที่เพิ่มขึ้นของกิจกรรมเคลื่อนไหวบอกว่าทารกเจ็บกลายเป็นตื่นเต้นมากขึ้นในช่วงการแทรกแซงสัมผัส

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แฮร์ริสันและเพื่อนร่วมงานทำการวิเคราะห์ถดถอยแยก 42 ทารกที่ได้รับนี้เพื่อศึกษาระดับของการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานจากสัมผัส วัตถุประสงค์ของการศึกษาคือ เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมและการตอบสนองทางสรีรวิทยาที่มีศักยภาพไปยังเซสชันนี้แต่ละที่อาจช่วยทำนาย เมื่อทารกอาจมีปัญหาที่ต้องทนกับต่อสู้ผลที่ได้จากการวิเคราะห์การถดถอยพบว่าสภาพพื้นฐานและพฤติกรรมพื้นฐานระดับกิจกรรม , มอเตอร์ไม่ขยับ และทุกข์พฤติกรรมปัจจัยสําคัญของการเปลี่ยนแปลงจาก B t ขั้นตอนที่ 9 ขึ้นอยู่กับตัวแปรที่ถูกตรวจสอบ อย่างไรก็ตามจำนวนความผันแปรของตัวแปร ตามที่อธิบายโดยตัวแปรอิสระในการวิเคราะห์ค่อนข้างเล็ก ตั้งแต่ 1.2 ร้อยละ 8.6 % ตัวอย่างมาก ทารกเกิดก่อนกำหนดที่ถูกใช้งาน หรือทุกข์ที่ 0 ได้เพิ่มระดับของการเคลื่อนไหวของตาอย่างรวดเร็ว ( REM ) การนอนหลับ และลดอัตราการเต้นของหัวใจบอกว่าอาจจะได้พักผ่อนหรือผ่อนคลายผลสงบเงียบในทางตรงกันข้าม ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมากด้วยระดับที่สูงขึ้นพื้นฐานของนอนเงียบ มีความสัมพันธ์กับระดับที่เพิ่มขึ้นของการนอนหลับ REM , งานนอน มอเตอร์ กิจกรรม และอัตราการเต้นของหัวใจ และลดระดับของการแก้ไขความทุกข์เชิงแนะนำว่า อาจจะต้องกระตุ้นทารกที่อยู่ในสถานะที่เงียบสงบทารกด้วยคะแนนที่สูง มีความสัมพันธ์กับระดับการลดลงของการนอนหลับ REM และเพิ่มระดับของกิจกรรมมอเตอร์ แนะนำว่า ยิ่งทารกก็ยิ่งปั่นป่วนในสัมผัส การแทรกแซง