This ‘‘opportunistic behaviour’’ hy

This ‘‘opportunistic behaviour’’ hypothesis is supported
by the results of Beatty et al. (2002) and by the survey conducted by Penno and
Simon (1986). In accordance with the demand hypothesis, previous research
shows that private European firms engage in more earnings management than
public companies (Burgstahler et al., 2006; Ball and Shivakumar, 2005), since
their financial statements are not widely distributed to the public and are more
likely to be influenced by tax objectives (Ball and Shivakumar, 2005).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สนับสนุนสมมติฐานนี้ ''ยกพฤติกรรม ''โดยผลลัพธ์ของเบต์ตี et al. (2002) และการสำรวจ โดย Penno และSimon (1986) ตามทฤษฏีความต้องการ งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงที่ยุโรปบริษัทเอกชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าบริษัท (Burgstahler และ al., 2006 ลูกบอลและ Shivakumar, 2005), เนื่องจากงบการเงินจะไม่นำไปเผยแพร่ต่อสาธารณชน และเป็นแนวโน้มที่จะมีผลมาจากวัตถุประสงค์ภาษี (ลูกและ Shivakumar, 2005)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นี้ '' พฤติกรรมฉวยโอกาส ''
สมมติฐานได้รับการสนับสนุนโดยผลของเบ็ตตี้, et al (2002) และโดยการสำรวจที่จัดทำโดย Penno
และไซมอน(1986) สอดคล้องกับสมมติฐานของความต้องการการวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า บริษัท ยุโรปเอกชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการรายได้มากกว่า บริษัท มหาชน (Burgstahler et al, 2006;. บอลและ Shivakumar 2005) เนื่องจากงบการเงินของพวกเขาจะไม่ได้รับการกระจายอย่างกว้างขวางให้กับประชาชนและมากขึ้นมีแนวโน้มที่จะได้รับอิทธิพลจากวัตถุประสงค์ภาษี (บอลและ Shivakumar 2005)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

' 'opportunistic พฤติกรรม ' ' สมมติฐานคือการสนับสนุน
โดยผลลัพธ์ของ Beatty et al . ( 2002 ) และจากการสำรวจโดยเพนโน่และ
ไซมอน ( 1986 ) เป็นไปตามความต้องการ งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่า บริษัท ยุโรป
ส่วนประกอบเพิ่มเติมการจัดการกำไรกว่า
บริษัทมหาชน ( เบิร์กสตาเลอร์ et al . , 2006 ; ลูกและ shivakumar 2005 ตั้งแต่
)งบการเงินของพวกเขาจะไม่เผยแพร่สู่สาธารณะ และยิ่ง
น่าจะได้รับอิทธิพลจากวัตถุประสงค์ของภาษี ( ลูกและ shivakumar , 2005 )