Like self-efficacy, implicit theory

Like self-efficacy, implicit theory of ability (defined as a belief about the nature of intellectual ability (Dweck and Leggett 1988) plays an important role in motivation. Some individuals believe that their abilities are a fixed characteristic, and that nothing can be done to change the (i.e., “I’m not smart in math, and there isn’t anything I can do about it”). This is referred to as a fixed theory of ability. On the other hand, other individuals believe that, with sufficient effort and the proper strategies, one can become more able (i.e., “If I work hard in my math class, I can get smarter in math”). This is known as a incremental theory of ability. A large body of research has shown that implicit theory of ability plays a key role in students’ academic motivation, achievement, and career choices academic motivation, achievement, and career choices (Blackwell et al. 2007; Chen and Pajares 2010; Chen 2012; Cury et al.2006; Good et al. 2012; Grant and Dweck 2003; Hong et al. 1999; Stipek and Gralinski 1996). For example, Blackwell et al. (2007) found that, although Grade 7 math students’ who held a fixed theory of ability and those who held and incremental theory of ability both started at the same level of math achievement, by the end of the two years students who held and incremental view of ability achieved higher grades in math than did their fixed theory peers. Related, other work has suggested that teachers’ beliefs about the nature of intelligence may promote students’ conceptions of ability (Good et al. 2012; Rattan et al. 2012) and that gender and ethnicity may influence students’ conceptions of ability (Good et al. 2003).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เช่นทฤษฎี ประสิทธิภาพในตนเอง โดยนัยของความสามารถ (กำหนดเป็นความเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติของความสามารถทางปัญญา (Dweck และ Leggett 1988) มีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงจูงใจ บางคนเชื่อว่า ความสามารถของตนมีลักษณะถาวร และที่ไม่สามารถทำการเปลี่ยน (นั่นคือ, "ฉันไม่ฉลาดคณิตศาสตร์ และไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับมัน") นี้เรียกว่าทฤษฎีที่คงความสามารถในการ บนมืออื่น ๆ บุคคลอื่น ๆ เชื่อว่า ด้วยความพยายามเพียงพอและกลยุทธ์ที่เหมาะสม หนึ่งสามารถกลายเป็นมากขึ้นสามารถ (เช่น, "ถ้าฉันทำงานหนักในชั้นเรียนคณิตศาสตร์ของฉัน ฉันจะได้รับอย่างชาญฉลาดในคณิตศาสตร์") นี้เรียกว่าทฤษฎีส่วนเพิ่มความสามารถใน มีร่างกายขนาดใหญ่ของการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า ทฤษฎีนัยของความสามารถมีบทบาทสำคัญในนักศึกษาแรงจูงใจ ความ สำเร็จ และอาชีพทางเลือกศึกษาแรงจูงใจ ความสำเร็จ และตัวเลือกอาชีพ (Blackwell et al. 2007 เฉินและ Pajares 2010 เฉิน 2012 Cury et al.2006 ดีร้อยเอ็ด 2012 เงินช่วยเหลือและ Dweck 2003 ฮ่องกง et al. 1999 Stipek และ Gralinski 1996) ตัวอย่างเช่น Blackwell et al. (2007) พบว่า แม้ว่าเกรด 7 คณิตศาสตร์ของนักเรียนผู้จัดคงทฤษฎีของความสามารถและผู้ที่ถือและทฤษฎีส่วนเพิ่มของทั้งสองเริ่มต้นความสามารถในระดับเดียวกันของผลสัมฤทธิ์ทางคณิตศาสตร์ โดยนักเรียนปีสองที่จัดขึ้น และดูแบบเพิ่มเติมความสามารถในการทำเกรดสูงในคณิตศาสตร์กว่าเพื่อนคงทฤษฎีของพวกเขา เกี่ยวข้อง ทำงานอื่น ๆ ได้การแนะนำว่า ครูเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติของสติปัญญาอาจส่งเสริมนักเรียนแนวความสามารถ (ดี et al. 2012 หวาย et al. 2012) และว่า เพศและเชื้อชาติอาจมีอิทธิพลต่อแนวของนักเรียนความสามารถ (ดี et al. 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เช่นเดียวกับตัวเองประสิทธิภาพทฤษฎีโดยนัยของความสามารถ (หมายถึงความเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติของความสามารถทางปัญญา (Dweck และ Leggett 1988) มีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงจูงใจ. บุคคลบางคนเชื่อว่าความสามารถของพวกเขามีลักษณะคงที่และไม่มีอะไรที่สามารถทำได้ การเปลี่ยนแปลง (เช่น "ฉันไม่ฉลาดในวิชาคณิตศาสตร์และไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำอะไรกับมัน"). นี้จะเรียกว่าเป็นทฤษฎีคงที่ของความสามารถ. ในมืออื่น ๆ ที่คนอื่น ๆ เชื่อว่า ด้วยความพยายามอย่างเพียงพอและกลยุทธ์ที่เหมาะสมหนึ่งสามารถกลายเป็นมากขึ้นสามารถ (เช่น "ถ้าผมทำงานอย่างหนักในการเรียนคณิตศาสตร์ของฉันฉันจะได้รับอย่างชาญฉลาดในวิชาคณิตศาสตร์"). นี้เป็นที่รู้จักกันเป็นทฤษฎีที่เพิ่มขึ้นของความสามารถ. ร่างใหญ่ของการวิจัย ได้แสดงให้เห็นว่าทฤษฎีโดยนัยของความสามารถในการมีบทบาทสำคัญในการนักศึกษาวิชาการแรงจูงใจผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและแรงจูงใจในการเลือกอาชีพนักวิชาการผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการเลือกอาชีพ (Blackwell et al, 2007. เฉินและ Pajares 2010 เฉิน 2012; Cury et al.2006 . ดี et al, 2012; แกรนท์และ Dweck 2003 ฮ่องกง et al, 1999;. Stipek และ Gralinski 1996) ยกตัวอย่างเช่น Blackwell, et al (2007) พบว่าแม้ว่านักเรียนชั้นประถมศึกษา 7 คณิตศาสตร์ 'ที่จัดขึ้นเป็นทฤษฎีที่คงที่ของความสามารถและบรรดาผู้ที่จัดขึ้นและทฤษฎีที่เพิ่มขึ้นของความสามารถของทั้งสองเริ่มต้นที่ระดับเดียวกันของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ในตอนท้ายของนักเรียนสองปีที่ผ่านมาที่จัดขึ้นและเพิ่มขึ้น มุมมองของความสามารถในการประสบความสำเร็จในเกรดที่สูงขึ้นในวิชาคณิตศาสตร์กว่าเพื่อนร่วมงานของพวกเขาคงทฤษฎี ที่เกี่ยวข้องกับงานอื่น ๆ ได้แนะนำว่า 'ความเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติของปัญญาอาจส่งเสริมนักเรียนครูผู้สอนมโนทัศน์ของความสามารถ (ดี et al, 2012;. หวาย et al, 2012.) และเพศและเชื้อชาติอาจมีอิทธิพลต่อแนวความคิดของนักเรียนความสามารถ (เอดี al. 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เหมือนตนเอง ทฤษฎีนัยของความสามารถ ( เรียกว่าความเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติของความสามารถทางสติปัญญา ( dweck และทำนองเดียวกัน 1988 ) มีบทบาทสำคัญในการจูงใจ บางคนเชื่อว่า ความสามารถของพวกเขา มีลักษณะคงที่ และไม่มีอะไรที่สามารถทำได้เพื่อเปลี่ยนแปลง ( เช่น " ฉันไม่ฉลาดในทางคณิตศาสตร์ และไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำได้เกี่ยวกับมัน " ) นี้เรียกว่าคงที่ทฤษฎีความสามารถ บนมืออื่น ๆที่บุคคลอื่นเชื่อว่ามีความพยายามเพียงพอ และกลยุทธ์ที่เหมาะสม หนึ่งสามารถเป็นสามารถเพิ่มเติม ( เช่น " ถ้าผมทำงานหนักในวิชาเลข ฉันจะได้รับอย่างชาญฉลาดในทางคณิตศาสตร์ " ) นี้เป็นที่รู้จักกันเป็นทฤษฎีเพิ่มความสามารถ ตัวใหญ่ของการวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าทฤษฎีนัยของความสามารถในการเล่นบทบาทสำคัญในการจูงใจ การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและเลือกอาชีพวิชาการ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และการเลือกอาชีพ ( แบล็ค et al . 2007 ; เฉินและ pajares 2010 ; เฉิน 2012 ; เคอร์รีและ al.2006 ; ดี et al . 2012 ; แกรนท์และ dweck 2003 ; ใน et al . stipek gralinski 1996 และ 1999 ; ) ตัวอย่างเช่น แบล็คเวล et al . ( 2007 ) พบว่า ถึงแม้ว่าคณิตศาสตร์ของนักเรียนเกรด 7 ที่จัดขึ้นคงที่ทฤษฎีความสามารถและผู้จัดและทฤษฎีเพิ่มความสามารถทั้งสองเริ่มในระดับเดียวกันของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ โดยการสิ้นสุดของปีนักเรียนที่จัดขึ้นและดูเพิ่มความสามารถได้เกรดที่สูงกว่าของพวกเขาคงที่ทฤษฎีกลุ่มคณิตศาสตร์ . ที่เกี่ยวข้องกับงานอื่นๆ ได้ชี้ให้เห็นว่า ความเชื่อของครูเกี่ยวกับธรรมชาติของความฉลาดอาจส่งเสริมนักเรียนมโนทัศน์ความสามารถดี ( et al . 2012 ; หวาย et al . 2012 ) และเพศและเชื้อชาติอาจมีอิทธิพลต่อนักเรียนมโนทัศน์ความสามารถดี ( et al . 2003 )