The sample of nurses, in this study

The sample of nurses, in this study, demonstrated enthusiasm for
research in their zeal for higher education and their involvement in
research activities. They saw this as leading them to becoming valuable
team members to improve patient care. This high level of enthusiasm
for research was evident by the nurses' participation in the
research seminar, at their own cost and time, as well as in their willingness
to participate in the current research. The high enthusiasm
for research as the characteristic feature of the participants in this
study might not be that of every nurse in Singapore.
The critical argument demonstrates that even though these nurses
held a strong enthusiasm for research, this did not help in breaking
down the barriers of organisational constraints. In this regard, unless
the organisational-cultural barriers are reviewed, the development of
analytical research skills will not necessarily lead to evidential usage
(Rycroft-Malone, 2008). Other than having introduced research as
part of the nursing curricula, there is a need for education which
has the ability to impact upon the organisational culture to start driving
leadership and organisational effectiveness forward (Joyce, 2009).
These changes would be influential in enabling nurses to conduct
clinical research so that it becomes part of normal practice in clinical
nursing. This would in turn, enable nurses to draw upon research support
from employers and colleagues in both nursing and non-nursing
disciplines naturally without the need of any conscious effort. In essence,
problematic issues are not isolated to nurses in Singapore,
but are a worldwide phenomenon which requires a paradigm shift
in organisational culture. If this shift does not occur McNicholl et al.(2008) suggest that evidence based practice cannot flourish and there
will continue to be limited research input by nurses as direct care
givers to inform practice.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตัวอย่างของพยาบาล ในการศึกษานี้ แสดงความกระตือรือร้นในวิจัยในสดของพวกเขาสำหรับการศึกษาและการมีส่วนร่วมในวิจัยกิจกรรม ที่เห็นนี้เป็นการนำพวกเขาให้กลายเป็นดีทีมเพื่อปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย ระดับของความกระตือรือร้นนี้สูงสำหรับงานวิจัยเห็นได้ชัด โดยการมีส่วนร่วมของพยาบาลในการสัมมนาวิจัย ต้นทุนและเวลาของตนเอง และ ในความตั้งใจของพวกเขาการมีส่วนร่วมในการวิจัยปัจจุบัน ความกระตือรือร้นสูงวิจัยเป็นคุณลักษณะของผู้เรียนในลักษณะศึกษาอาจไม่ได้ของทุกพยาบาลในสิงคโปร์อาร์กิวเมนต์สำคัญแสดงให้เห็นถึงที่แม้พยาบาลเหล่านี้จัดความกระตือรือร้นเข้มแข็งวิจัย นี้ไม่ไม่ช่วยในการแบ่งลงอุปสรรคข้อจำกัด organisational ในการนี้ ยกเว้นอุปสรรคทางวัฒนธรรม organisational อนุมัติ การพัฒนาวิจัยวิเคราะห์ทักษะจะไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การใช้ evidential(Rycroft โลน 2008) ไม่ใช่นำวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรพยาบาล มีความจำเป็นสำหรับการศึกษาซึ่งมีความสามารถส่งผลกระทบต่อเมื่อวัฒนธรรม organisational เริ่มขับรถภาวะผู้นำและประสิทธิผล organisational ส่งต่อ (Joyce, 2009)เปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะทรงอิทธิพลในการเปิดใช้งานการพยาบาลดำเนินการการวิจัยทางคลินิกเพื่อกลายเป็น ส่วนหนึ่งของวิธีปฏิบัติปกติในทางคลินิกพยาบาล นี้จะใช้ พยาบาลให้วาดตามสนับสนุนการวิจัยจากนายจ้างและเพื่อนร่วมงานพยาบาลและพยาบาลไม่สาขาวิชาตามธรรมชาติโดยไม่จำเป็นต้องพยายามมีสติ ในสาระสำคัญไม่แยกการพยาบาลในประเทศสิงคโปร์ ประเด็นปัญหาแต่ปรากฏการณ์ทั่วโลกที่ต้องการกระบวนทัศน์ในวัฒนธรรม organisational ถ้าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้น McNicholl et al.(2008) แนะนำที่ปฏิบัติตามหลักฐานไม่งอกงาม และมีจะยัง ป้อนวิจัยจำกัด โดยพยาบาลเป็นการดูแลโดยตรงgivers แจ้งให้ปฏิบัติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตัวอย่างของพยาบาลในการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นในการวิจัยในความกระตือรือร้นของพวกเขาสำหรับการศึกษาที่สูงขึ้นและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการวิจัย พวกเขาเห็นว่านี่เป็นนำพวกเขาจะกลายเป็นที่มีคุณค่าสมาชิกในทีมที่จะปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย นี้ระดับสูงของความกระตือรือร้นสำหรับการวิจัยก็เห็นได้ชัดจากการมีส่วนร่วมของพยาบาลในการสัมมนาการวิจัยการที่ค่าใช้จ่ายของตัวเองและเวลาของพวกเขาเช่นเดียวกับในความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในการวิจัยในปัจจุบัน ความกระตือรือร้นสูงสำหรับการวิจัยเป็นลักษณะของผู้เข้าร่วมในการศึกษาอาจจะไม่เป็นที่ของพยาบาลในสิงคโปร์ทุก. อาร์กิวเมนต์ที่สำคัญแสดงให้เห็นว่าถึงแม้พยาบาลเหล่านี้จัดกระตือรือร้นที่แข็งแกร่งสำหรับการวิจัยนี้ไม่ได้ช่วยในการทำลายลงอุปสรรคข้อ จำกัด ขององค์กร ในเรื่องนี้เว้นแต่อุปสรรคขององค์กรทางวัฒนธรรมจะมีการทบทวนการพัฒนาทักษะการวิจัยการวิเคราะห์จะไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การใช้พยานหลักฐาน(Rycroft-มาโลน, 2008) นอกเหนือจากการแนะนำการวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการพยาบาลที่มีความจำเป็นสำหรับการศึกษาที่มีความสามารถที่จะส่งผลกระทบเมื่อวัฒนธรรมองค์กรที่จะเริ่มต้นการขับรถเป็นผู้นำและประสิทธิภาพขององค์กรไปข้างหน้า(จอยซ์ 2009). การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเป็นผู้มีอิทธิพลในการเปิดใช้งานพยาบาล ในการดำเนินการวิจัยทางคลินิกเพื่อที่มันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามปกติในทางคลินิกการพยาบาล นี้จะเปิดให้เปิดใช้งานพยาบาลที่จะวาดเมื่อการสนับสนุนการวิจัยจากนายจ้างและเพื่อนร่วมงานทั้งพยาบาลและไม่ใช่พยาบาลสงฆ์ตามธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ความใส่ใจใดๆ ในสาระสำคัญประเด็นปัญหาไม่ได้แยกการพยาบาลในประเทศสิงคโปร์แต่เป็นปรากฏการณ์ทั่วโลกที่ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในวัฒนธรรมขององค์กร ถ้าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้น McNicholl et al. (2008) ชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติตามหลักฐานไม่สามารถเจริญเติบโตและมีจะยังคงได้รับการป้อนข้อมูลการวิจัยจำกัด โดยพยาบาลการดูแลโดยตรงผู้ที่จะแจ้งให้ปฏิบัติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตัวอย่างของพยาบาล ในการศึกษานี้ แสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้น
การวิจัยในความกระตือรือร้นของพวกเขาเพื่อการศึกษาที่สูงขึ้นและการมีส่วนร่วมของพวกเขาใน
กิจกรรมการวิจัย พวกเขาเห็นมันเป็นผู้นำของพวกเขาจะกลายเป็นสมาชิก
ทีมที่มีคุณค่าเพื่อปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย นี้ระดับของความกระตือรือร้น
สำหรับการวิจัยได้ชัดเจน โดยการมีส่วนร่วมของพยาบาลใน
สัมมนางานวิจัยที่ค่าใช้จ่ายของตัวเองและเวลาเช่นเดียวกับในความเต็มใจ
จะเข้าร่วมในงานวิจัยปัจจุบัน มีความกระตือรือร้น
สำหรับการวิจัยเป็นคุณลักษณะของผู้เข้าร่วมในการศึกษาครั้งนี้อาจจะไม่ใช่ที่ของทุกคน

การพยาบาลในสิงคโปร์ ที่สำคัญแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าพวกพยาบาล
จัดความกระตือรือร้นที่แข็งแกร่งเพื่อการวิจัย ซึ่งไม่ได้ช่วยในการทำลายลงอุปสรรคขององค์กร
ข้อจำกัดในการนี้ นอกจาก
อุปสรรคทางวัฒนธรรมเป็นองค์กรตรวจสอบ การพัฒนาทักษะการวิจัยวิเคราะห์
จะไม่จําเป็นต้องนําไปใช้ evidential
( ไรครอฟต์ มาโลน , 2008 ) นอกจากการแนะนำงานวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของพยาบาล
สูตร ต้องมีการศึกษาซึ่ง
มีความสามารถในการส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมองค์กรต้องเริ่มขับรถ
ภาวะผู้นำกับประสิทธิผลองค์กรไปข้างหน้า ( Joyce , 2009 ) .
การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยให้พยาบาลที่จะมีอิทธิพลต่อความประพฤติ
การวิจัยทางคลินิกเพื่อให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติที่ปกติในพยาบาล

นี้จะให้พยาบาลวาดเมื่อ
สนับสนุนการวิจัยจากนายจ้างและเพื่อนร่วมงาน ทั้งพยาบาลและพยาบาลไม่
วินัยโดยธรรมชาติโดยไม่ต้องใส่ใจใด ๆความพยายาม ในสาระสําคัญ
ประเด็นปัญหา ไม่แยกพยาบาลในสิงคโปร์ ,
แต่เป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนกระบวนทัศน์
ในวัฒนธรรมองค์กร . ถ้าการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้น mcnicholl et al . ( 2008 ) ได้แนะนำว่า การปฏิบัติตามและมีหลักฐานไม่สามารถอวด
จะยังคงถูก จำกัด การวิจัยจัดทำโดยพยาบาลดูแล
ตรงผู้ให้แจ้งซ้อม