he Castel Sant'Angelo is towering c

he Castel Sant'Angelo is towering cylindrical building in Rome, initially commissioned by the Roman Emperor Hadrian as a mausoleum for himself and his family. The building spent over a thousand years as a fortress and castle, and is now a museum.

The Tomb of Hadrian was erected on the right bank of the Tiber, between 135 and 139. Originally, the mausoleum was a decorated cylinder, with a garden top and the golden quadriga of the emperor. Hadrian's ashes were placed here a year after his death in Baiae in 138, together with those of his wife Sabina, and his first adopted son, Lucius Aelius, who also died in 138. Following this, the remains of succeeding emperors were also placed here, the last recorded deposition being Caracalla in 217. The urns containing these ashes were probably placed in what is now known as the Treasury room deep within the building, but the urns and the ashes are long since gone, scattered by Visigoth looters when Alaric sacked Rome in 410.

In 401, the mausoleum was converted into a military fortress and included by Flavius Augustus Honorius in the Aurelian Walls. Procopius recounts that during the siege by the Goths in 537, the bronze and stone statuary that originally decorated the tomb-become-fortress were thrown down upon the attackers.

The popes converted the structure into a castle, from the 14th century; Pope Nicholas III connected the castle to St. Peter's Basilica by a covered fortified corridor called the Passetto di Borgo. The fortress was the refuge of Pope Clement VII from the siege of Charles V's Landsknecht during the Sack of Rome (1527), in which Benvenuto Cellini describes strolling the ramparts and shooting enemy soldiers.

The Papal state also used Sant'Angelo as a prison; Giordano Bruno, for example, was imprisoned there for six years. As a prison, it was also the setting of Giacomo Puccini's Tosca from whose ramparts the namesake of the opera leaps to her death.

An 18th century bronze statue of Saint Michael the archangel sheathing a sword surmounts the tomb; legend holds that an angel appeared atop of the mausoleum, sheathing his sword as a sign of the end of the plague of 590, thus lending the castle its present name.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เขาปราสาทเป็นอาคารรูปทรงกระบอกสูงตระหง่านในกรุงโรมนายต้นโดยจักรพรรดิโรมันเฮเดรียเป็นหลุมฝังศพให้กับตัวเองและครอบครัวของเขา อาคารใช้เวลากว่าพันปีเป็นป้อมปราการและปราสาทและตอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์. หลุมฝังศพของเฮเดรียถูกสร้างขึ้นบนฝั่งขวาของแม่น้ำไทเบอร์ระหว่าง 135 และ 139 แต่เดิมศพเป็นทรงกระบอกตกแต่งสวน ด้านบนและ Quadriga ทองของจักรพรรดิ เถ้าถ่านของเฮเดรียถูกวางไว้ที่นี่เมื่อปีหลังจากการตายของเขาใน Baiae ใน 138 ร่วมกับบรรดาภรรยาของเขาซาบีน่าและลูกชายของเขาเป็นครั้งแรกที่นำมาใช้ลูเซียส Aelius ที่ยังเสียชีวิตใน 138 ต่อไปนี้ยังคงเป็นของจักรพรรดิประสบความสำเร็จนอกจากนี้ยังถูกวางไว้ที่นี่ , การสะสมบันทึกสุดท้าย Caracalla ใน 217 โกศที่มีขี้เถ้าเหล่านี้อาจจะถูกวางไว้ในสิ่งที่เป็นที่รู้จักกันในขณะนี้เป็นห้องธนารักษ์ลึกภายในอาคาร แต่โกศและขี้เถ้าที่มีความยาวตั้งแต่หายไปมีฝนฟ้าคะนองกระจายโดย looters Visigoth เมื่อ Alaric ไล่ออก กรุงโรมใน 410 ใน 401 ศพถูกดัดแปลงให้เป็นป้อมปราการทางทหารและรวมโดยออกัสตัฟลาเวียฮอนอริอุในกำแพง Aurelian เพีสเล่าว่าในระหว่างการล้อมโดย Goths ใน 537 สีบรอนซ์และรูปปั้นหินที่เดิมได้รับการตกแต่งหลุมฝังศพ-กลายเป็นป้อมปราการที่ถูกโยนลงมาโจมตี. พระสันตะปาปาแปลงโครงสร้างเข้าไปในปราสาทจากศตวรรษที่ 14; สมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่สามที่เชื่อมต่อปราสาทมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์โดยปกคลุมทางเดินที่เรียกว่าเสริม Passetto บอร์โกดิ ป้อมปราการเป็นที่หลบภัยของสมเด็จพระสันตะปาปาผ่อนผันปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจากการบุกโจมตีของชาร์ลส์วี Landsknecht ระหว่างกระสอบแห่งกรุงโรม (1527) ซึ่ง Benvenuto Cellini อธิบายเดินเล่นในกำแพงและยิงทหารศัตรู. รัฐของสมเด็จพระสันตะปาปายังใช้เป็นที่คุมขัง Sant'Angelo; Giordano Bruno ตัวอย่างเช่นถูกขังอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหกปี ในฐานะที่เป็นคุกมันก็ยังตั้งค่าของจาโกโมปุชชินีทอสก้าจากกำแพงที่มีชื่อของโอเปร่ากระโดดไปสู่ความตายของเธอ. รูปปั้นบรอนซ์ศตวรรษที่ 18 เซนต์ไมเคิลเทวทูต sheathing ดาบ surmounts หลุมฝังศพ; ตำนานถือได้ว่าทูตสวรรค์ปรากฏอยู่บนยอดของหลุมฝังศพ, sheathing ดาบของเขาเป็นสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดของภัยพิบัติของ 590 จึงให้ยืมปราสาทชื่อปัจจุบัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เขา Castel Sant ' Angelo เป็นอาคารทรงกระบอกสูงในกรุงโรม ตอนแรกทหารโดยจักรพรรดิโรมันเฮเดรียเป็นสุสานสำหรับตัวเองและครอบครัวของเขา อาคารใช้เวลากว่าพันปีที่เป็นป้อมปราการและปราสาท และตอนนี้เป็น พิพิธภัณฑ์

หลุมฝังศพของอักษรตระกูลเซมิติกที่ถูกสร้างขึ้นบนฝั่งขวาของแม่น้ำไทเบอร์ ระหว่าง 135 และ 139 แต่เดิมสุสานเป็นแบบทรงกระบอกกับบนสวนและ quadriga สีทองขององค์จักรพรรดิ เฮเดรียขี้เถ้าถูกวางไว้ที่นี่หนึ่งปีหลังจากการตายของเขาใน Baiae ใน 138 ร่วมกับบรรดาภรรยาคนแรกของเขา ซาบีน่า และลูกบุญธรรม ลูเซียส aelius ที่ยังตายใน 138 ตามนี้ ยังคงสืบทอดจักรพรรดิยังอยู่ที่นี่ สุดท้ายของการบันทึกใน 217 คาราคัลลา .urns ที่มีขี้เถ้าเหล่านี้อาจจะอยู่ในสิ่งที่เป็นที่รู้จักกันในขณะนี้เป็นคลังห้องลึกภายในอาคาร แต่โกศและอัฐิยาวตั้งแต่แยกย้ายไปกันโดยวิซิกอธ looters เมื่ออลาริคไล่ออกกรุงโรมใน 410 .

ใน 401 หลุมฝังศพถูกแปลงเป็นป้อมทหาร และรวมโดยฟลาเวียส ออกัสตัสจักรพรรดิโฮโนเรียสใน ผนังเรเลียน .โพรโคพิอัสเล่าว่า ในระหว่างการล้อมโดย Goths ใน 537 , รูปปั้นบรอนซ์และหินเดิม ตกแต่งสุสานกลายเป็นป้อมปราการถูกโยนลงบนโจมตี

พระสันตะปาปาแปลงโครงสร้างในปราสาทจากศตวรรษที่ 14 ; สมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่เชื่อมต่อกับปราสาทของมหาวิหารนักบุญเปโตร โดยครอบคลุมเสริมทางเดินที่เรียกว่า การ passetto di Borgo .ป้อมปราการคือที่หลบภัยของสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 7 จากการล้อมของชาร์ลส์วีลันด์คเน็กในกระสอบของกรุงโรม ( 1425 ) ซึ่งในเบเวนูโต เซลลินีอธิบายเดินเล่นเชิงเทินและยิงทหารศัตรู

สภาพของยังใช้ของเป็นคุก ; Giordano Bruno , ตัวอย่างเช่น , ถูกขังมาเป็นเวลา 6 ปี เป็นคุกมันเป็นการตั้งค่าของจาโกโม ปุชชีนีซึ่งจะมีผิวตราจากเชิงเทินของโอเปร่า leaps ตาย

เป็นศตวรรษที่ 18 รูปปั้นของนักบุญไมเคิลเทวทูต ปลอกดาบ surmounts สุสาน ; ตำนานถือว่านางฟ้าปรากฏบนยอดของ Mausoleum , ปลอกดาบเป็นเครื่องหมายของการสิ้นสุดของ ภัยพิบัติจาก 590 จึงให้ยืมปราสาทชื่อปัจจุบัน