Rama I's grandson, King Rama III (1

Rama I's grandson, King Rama III (1787–1851), decided to build a chedi of huge dimensions inside Wat Saket. Unfortunately, the chedi collapsed during construction because the soft soil of Bangkok could not support the weight. Over the next few decades, the abandoned mud-and-brick structure acquired the shape of a natural hill and was overgrown with weeds. The locals called it the "phu khao" (ภูเขา), as if it were a natural feature.[1]

During the reign of King Rama IV, construction began of a small chedi on the hill. It was completed early in the reign of his son, King Rama V (1853–1910). A relic of the Buddha was brought from Sri Lanka and placed in the chedi.[2] The surrounding concrete walls were added in the 1940s to stop the hill from eroding.[3] The modern Wat Saket was built in the early 20th century of Carrara marble.[4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พระราม I ของหลาน แห่ง (1787-1851), ตัดสินใจที่จะสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ภายในวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร อับ เจดีย์ยุบในระหว่างการก่อสร้างเนื่องจากดินอ่อนกรุงเทพฯ สามารถรองรับน้ำหนัก ช่วงไม่กี่ทศวรรษถัดไป โครงสร้างโคลน และอิฐละทิ้งมารูปร่างของภูเขาธรรมชาติ และอยู่กลางป่ารกชัฏ มีวัชพืช ชาวบ้านเรียกว่า "ภูเขา" (ภูเขา), นั้นเป็นคุณลักษณะตามธรรมชาติ [1]ในรัชสมัยของรัชกาล ก่อสร้างเริ่มต้นของเจดีย์ขนาดเล็กบนเนินเขา มันเสร็จตั้งแต่ในรัชสมัยของบุตร รัชกาล (1853 – 1910) พระธาตุของพระพุทธเจ้านำมาจากประเทศศรีลังกา และวางไว้ในเจดีย์ [2] กำแพงคอนกรีตโดยรอบถูกเพิ่มเข้ามาในทศวรรษ 1940 โดยจะหยุดเขาจากการกัดเซาะ [3] ทันสมัยวัดสระเกศราชวรมหาวิหารถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 20 ต้นของหินอ่อนคาร์ [4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หลานชายของพระรามของรัชกาลที่สาม (1787-1851) ตัดสินใจที่จะสร้างเจดีย์ขนาดใหญ่ภายในวัดสระเกศ แต่น่าเสียดายที่เจดีย์ทรุดตัวลงในระหว่างการก่อสร้างเพราะดินอ่อนในกรุงเทพฯไม่สามารถรองรับน้ำหนัก ในช่วงไม่กี่สิบปีข้างหน้าโครงสร้างโคลนและอิฐที่ถูกทอดทิ้งได้มารูปร่างของเนินเขาที่เป็นธรรมชาติและเป็นรกกับวัชพืช ชาวบ้านเรียกว่า "ภูเขา" (ภูเขา) ราวกับว่ามันเป็นคุณลักษณะตามธรรมชาติ. [1] ในช่วงรัชสมัยของรัชกาลที่เริ่มการก่อสร้างของเจดีย์เล็ก ๆ บนเนินเขา มันเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นรัชสมัยของลูกชายของเขาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า (1853-1910) ของที่ระลึกของพระพุทธเจ้าถูกนำมาจากศรีลังกาและวางไว้ในเจดีย์. [2] ผนังคอนกรีตโดยรอบมีการเพิ่มในปี 1940 ที่จะหยุดเขาจากการกัดเซาะ. [3] วัดสระเกศที่ทันสมัยถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 Carrara หินอ่อน. [4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลานชายผมพระราม , พระราม 3 ( 2330 – 1851 ) ตัดสินใจที่จะสร้างเจดีย์ของมิติขนาดใหญ่ภายในวัดสระเกศ . อับ , เจดีย์ถล่มระหว่างก่อสร้างเพราะดินอ่อนในกรุงเทพฯ ไม่สามารถรองรับน้ำหนัก ในอีกไม่กี่ทศวรรษ , ทิ้งโคลนและอิฐโครงสร้างได้รับรูปร่างของเนินเขาธรรมชาติและเป็นรกกับวัชพืชชาวบ้านเรียกว่า " ภูเขา " ( ภูเขา ) เช่นถ้าเป็นสารคดีธรรมชาติ [ 1 ]

สมัยรัชกาลที่ 4 เริ่มก่อสร้างเป็นเจดีย์เล็ก ๆบนเนินเขา จะเสร็จสมบูรณ์ในช่วงต้นรัชกาลของลูกชาย รัชกาลที่ 5 ( 1853 – 1910 ) พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า นำมาจากประเทศศรีลังกา และอยู่ในเจดีย์[ 2 ] รอบกำแพงคอนกรีตที่ถูกเพิ่มในทศวรรษที่ 1940 เพื่อหยุดเขาจากการกัดเซาะ [ 3 ] สะเก็ดวัดที่ทันสมัยถูกสร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 20 ของหินอ่อน Carrara . [ 5 ]