คนจีนนิยมบริโภค"หูฉลาม"มานานกว่า 1,000 ปีแล้วครับ จากหลักฐานบันทึกโบราณ เรื่องราวเมนูอาหารของจักรพรรดิจีนที่มี "ซุปหูฉลาม" เป็นอาหารอันเลิศรสอลังการ ด้วยคติความเชื่อของ "หูฉลาม" เป็นที่มาของพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ ยาอายุวัฒนะ บำรุงโป๊วให้กับพลังทางเพศและบำรุงร่างกาย
หูฉลาม (Shark Fin)" คือ ชิ้นส่วนของครีบทั่วตัวของปลาฉลาม รวมถึงครีบหาง เป็นอวัยวะของฉลามที่ใช้ในการสร้างการเคลื่อนไหวและบังคับทิศทางในน้ำ
เนื้อฉลามเป็นแหล่งโปรตีนที่หลากหลาย มีรสชาติดี และไม่มีไขมันสะสมอยู่ในเนื้อ ไขมันคุณภาพของฉลามจะไปตัวสะสมตัวอยู่กันที่ "ตับ" น้ำมันตับปลาที่ได้มาจากฉลามจึงมีวิตามินมากกว่าน้ำมันตับปลาทั่วไป เช่นปลาคอตที่เราบริโภคกันอยู่ในปัจจุบันถึง 10 เท่า
.
กระดูกของฉลาม แทบทั้งตัวจะเป็นกระดูกอ่อน มีสารโปรตีนมากมายในกระดูก โปรตีนบางอย่างสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็ง
กระดูกอ่อนของฉลามสามารถนำมาใช้สร้างหนังเทียมเพื่อรักษาแผลไฟคลอกในมนุษย์ และสามารถบำบัดอาการผิวหนังอักเสบได้
.
ปริมาณของการบริโภคฉลามเพิ่มขึ้นตาม "ความเชื่อ" อันเกิดจากพื้นฐาน "วัฒนธรรมร่วม" ของมนุษย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกโดยเฉพาะประเทศจีน ไต้หวันและญี่ปุ่น ได้กระจายตัวไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ที่มีชาวจีนเคลื่อนย้ายหรืออพยพเข้าไปตั้งหลักปักถิ่นฐานในทั่วโลกครับ
.
เมื่อชาวเอเชียตะวันออกไปที่ไหน ทั้งในยุโรป อเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาก็ต้องการบริโภคสิ่งที่มีพลังอำนาจ เช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษของเขาเคยลิ้มรสของมันในครั้งที่อาศัยอยู่ในประเทศแม่
.
ชาวจีนที่ร่ำรวยจากความเพียรพยายาม พ่อค้า คหบดี มีเงินทองสะสมมากมาย ย่านไชน่าทาวน์ของประเทศต่าง ๆ ทุกแห่งทั่วโลกจึงเป็นกลายเป็น "ตลาด" ของพวกเขาที่จะกลับมาลิ้มรสชาติของ "หูฉลาม"
.
ความต้องการบริโภคที่มากขึ้น กำลังซื้อในโลกที่ทวีคูณ เศรษฐกิจการค้าที่รุ่งเรือง และ "ความเชื่อ" ทางวัฒนธรรม ที่ยังไม่มีการทบทวน นำมาสู่ "ความนิยม" ในการบริโภคหูฉลามที่มีจำนวนมากขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา คือประมาณ 50 ปี ที่แล้วครับ
หลายสิบปีผ่านไป จึงเกิดการ"ฆาตกรรม" หมู่ฉลามในทะเลทั่วโลก เพื่อสนองตอบต่อการบริโภคที่พิสดารของผู้มั่งคั่งที่ยังไม่เคยมีความเข้าใจในประโยชน์อย่างแท้จริงนอกจาก "ความเชื่อ" ในนามอาหารจานหรูตามภัตตาคารเรียกว่า "หูฉลามน้ำแดง" และเนื้อที่ท้องของฉลามที่เรียกว่า “ฉลามเต้าหู้"
ส่วนที่มีค่าสูงสุดคือครีบและหาง จะถูกนำมาตากแห้ง ก่อนแล่แบ่งขนาดและเกรด แล้วนำส่งโรงงานเพื่อทำเป็น "หูฉลาม" ตามร้านอาหารจีนทั่วประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ
.
ความเป็นจริงหูฉลามก็เป็นเพียง "กระดูกอ่อน" ที่สามารถนำมาตุ่นหรือแปรรูปเป็นอาหารที่เคี้ยวได้ง่าย มีส่วนประกอบแค่แคลเซียมและโปรตีนที่สามารถหาได้จากอาหารชนิดอื่น ๆ
.
กระดูกอ่อนของปลากลุ่มนี้ ที่ไม่ได้วิเศษไปกว่าเล็บ ไม่ได้มีคุณค่าทางอาหารมากกว่าเส้นผม แต่คนค่อนโลกกลับนิยมกินกัน เพราะรู้สึกว่านั่นคืออาหารเลิศชั้นหรูเคียงคู่อยู่ในเหลาเท่านั้น