The three study groups, regardless

The three study groups, regardless of their place of employment, agreed on the absolute necessity of declaring patients’ access to healthcare and non-medical services in hospitals and their rights during hospitalization as well as access to medical information regarding their disease, its prognosis and common complications in a language understandable for them and responsiveness of the healthcare providers to their questions about their disease.

However, in the group of patients, there was a statistically significant difference between the patients in the public hospital and those in the other two hospitals regarding the necessity of this issue. Furthermore, the nurses in the private and public hospitals had an emphasis on the necessity of this issue, with a statistically significant and remarkable difference between them and the other two groups. In the teaching hospital, this difference was not statistically significant.

The necessity of presenting personal characteristics of the healthcare providing team was less emphasized by all groups in this study. The nurses put the highest emphasis on this issue and the patients put the lowest. In the patients and physicians groups, there was no statistically significant difference between the three hospitals regarding the necessity of observance of this right. In the nurses group, this difference was statistically significant, with highest emphasis on it in the private hospital and the lowest in the public hospital.

Regarding the necessity of providing information about less common adverse effects of treatment, less emphasis was put on it by the studied groups (more than two points lower than the more common ones). Statistically, the necessity of observance of this right was more emphasized by the nurses than the other two groups.

This study showed that none of the studied groups believed in the high necessity of patients’ access to their medical records. The patients suggested a statistically significant, but unremarkable, necessity of this issue compared with the other two groups.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กลุ่มสามศึกษา ไม่ทำการจ้างงาน ตกลงบนสิ่งสัมบูรณ์ของประกาศสิทธิและผู้ป่วยเข้าถึงการดูแลสุขภาพและบริการไม่ใช่แพทย์ในโรงพยาบาลระหว่างโรงพยาบาลรวมถึงข้อมูลทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคนั้น ๆ การคาดคะเน และภาวะแทรกซ้อนทั่วไปในภาษาเข้าใจสำหรับพวกเขาและการตอบสนองของผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของพวกเขาถามเกี่ยวกับโรคนั้น ๆอย่างไรก็ตาม ในกลุ่มของผู้ป่วย ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างผู้ป่วยในโรงพยาบาลสาธารณะและโรงสองเกี่ยวกับความจำเป็นของปัญหานี้ในการ นอกจากนี้ พยาบาลในโรงพยาบาล และภาครัฐได้เน้นความจำเป็นของปัญหา ความแตกต่างทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ และโดดเด่นระหว่างพวกเขาและกลุ่มสองอื่น ๆ ในโรงพยาบาลสอน ความแตกต่างนี้ไม่ใช่อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติการนำเสนอลักษณะส่วนบุคคลของทีมบริการสุขภาพมีน้อยเน้นกลุ่มทั้งหมดในการศึกษานี้ พยาบาลที่ทำการเน้นปัญหานี้สูงสุด และต่ำสุดทำให้ผู้ป่วย ในกลุ่มผู้ป่วยและแพทย์ มีไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างโรงพยาบาลที่สามเกี่ยวกับการใช้สิทธินี้ ในกลุ่มการพยาบาล ความแตกต่างนี้ถูกทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ โดยเน้นสูงสุดไว้ในโรงพยาบาลเอกชนและต่ำสุดในโรงพยาบาลสาธารณะเกี่ยวกับความจำเป็นของการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงน้อยทั่วไปของการรักษา เน้นน้อยถูกจัดวางในกลุ่ม studied (มากกว่าสองจุดต่ำกว่าคนทั่วไป) ทางสถิติ การใช้สิทธินี้ได้เพิ่มเติมเน้น โดยพยาบาลที่มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ 2การศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า กลุ่ม studied ไม่เชื่อในความจำเป็นสูงในผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบันทึกทางการแพทย์ ผู้ป่วยแนะนำเป็นสิ่งจำเป็นที่ทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญ แต่ unremarkable ของปัญหานี้เปรียบเทียบกับกลุ่มสองอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทั้งสามกลุ่มการศึกษาโดยไม่คำนึงถึงสถานที่ของการจ้างงานที่ตกลงกันไว้ในความจำเป็นแน่นอนของการเข้าถึงการประกาศของผู้ป่วยในการดูแลสุขภาพและการบริการที่ไม่ใช่ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลและสิทธิของพวกเขาในระหว่างการรักษาในโรงพยาบาลเช่นเดียวกับการเข้าถึงข้อมูลทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคของพวกเขาการพยากรณ์โรคและ ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในภาษาที่เข้าใจได้สำหรับพวกเขาและการตอบสนองของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพคำถามของพวกเขาเกี่ยวกับโรคของพวกเขา. แต่ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระหว่างผู้ป่วยในโรงพยาบาลของรัฐและผู้ที่อยู่ในอีกสองโรงพยาบาลเกี่ยวกับการ ความจำเป็นของปัญหานี้ นอกจากนี้พยาบาลในโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนมีความสำคัญกับความจำเป็นของปัญหานี้ที่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่น่าทึ่งและระหว่างพวกเขาและอีกสองกลุ่ม ในโรงพยาบาลการเรียนการสอนที่แตกต่างนี้ไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ. จำเป็นที่จะต้องนำเสนอลักษณะส่วนบุคคลของการดูแลสุขภาพให้ทีมเน้นน้อยลงโดยทุกกลุ่มในการศึกษาครั้งนี้ พยาบาลใส่ความสำคัญสูงสุดในเรื่องนี้และผู้ป่วยใส่ต่ำสุด ในผู้ป่วยและกลุ่มแพทย์ที่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสามโรงพยาบาลเกี่ยวกับความจำเป็นของการปฏิบัติของสิทธินี้ ในกลุ่มพยาบาลที่แตกต่างนี้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่มีความสำคัญสูงสุดกับมันในโรงพยาบาลเอกชนและต่ำสุดในโรงพยาบาลของรัฐ. เกี่ยวกับความจำเป็นในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่พบได้น้อยกว่าการรักษาที่เน้นน้อยถูกใส่มันโดย กลุ่มศึกษา (มากกว่าสองจุดต่ำกว่าคนทั่วไปมากขึ้น) สถิติความจำเป็นของการปฏิบัติของสิทธินี้ได้มากขึ้นโดยเน้นพยาบาลกว่าอีกสองกลุ่ม. การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าไม่มีการศึกษากลุ่มที่เชื่อในความจำเป็นสูงในการเข้าถึงผู้ป่วยเวชระเบียนของพวกเขา ผู้ป่วยแนะนำอย่างมีนัยสำคัญ แต่ธรรมดาจำเป็นของปัญหานี้เมื่อเทียบกับอีกสองกลุ่ม