The top cited financial stressor fo

The top cited financial stressor for Gen Z was paying for everyday expenses, cited by 54 percent. Concern over being able to afford things ties in with the second most cited stressor, inflation and rising prices, which 52 percent of Gen Z cited. Following inflation is housing costs, cited by 47 percent.The economic environment has clearly played a part in affecting Gen Z’s mental health. They not only have to worry about high prices as they’re beginning their adult lives, but they also have the increasing cost of higher education weighing them down, with student loan repayments expected to resume in October 2023. Over a quarter (27 percent) of Gen Zers say they currently have student loan debt, according to a Bankrate survey.Finally, emergency savings is a topic of concern for many U.S. adults, and Gen Z is no exception. In fact, regrets about not saving enough for emergency expenses are more likely to affect Gen Z than other generations, with 21 percent of Gen Z having these regrets, 17 percent of millennials, 13 percent of Gen Xers and 9 percent of baby boomers. Without an adequate safety net provided by emergency savings, any unexpected expense can lead to mounting debt along with added financial anxiety and uncertainty.Gen Zers can begin an emergency fund by contributing small amounts to a high-yield savings account, which will accumulate earnings at a faster pace than a typical savings account. Over time, regular contributions can grow into a substantial emergency fund.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แรงกดดันทางการเงินที่อ้างถึงอันดับต้นๆ ของกลุ่ม Gen Z คือการจ่ายค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 54 ความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการจ่ายสิ่งต่าง ๆ นั้นสัมพันธ์กับปัจจัยกดดันที่ถูกอ้างถึงมากที่สุดเป็นอันดับสอง อัตราเงินเฟ้อ และราคาที่สูงขึ้น ซึ่ง 52 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่ม Gen Z อ้างถึง ตามมาด้วยอัตราเงินเฟ้อคือต้นทุนที่อยู่อาศัย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 47 สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีส่วนส่งผลต่อสุขภาพจิตของคน Gen Z อย่างชัดเจน พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องกังวลเกี่ยวกับราคาที่สูงในขณะที่พวกเขาเริ่มต้นชีวิตผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่สูงขึ้นอีกด้วย โดยคาดว่าการชำระคืนเงินกู้นักเรียนจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2023 มากกว่าหนึ่งในสี่ (27 เปอร์เซ็นต์) ของกลุ่ม Gen Zers กล่าวว่าปัจจุบันพวกเขามีหนี้เงินกู้เพื่อการศึกษา ตามการสำรวจของ Bankrate สุดท้าย การออมฉุกเฉินเป็นหัวข้อที่น่ากังวลสำหรับผู้ใหญ่จำนวนมากในสหรัฐอเมริกา และ Gen Z ก็ไม่มีข้อยกเว้น ในความเป็นจริง ความเสียใจที่ประหยัดเงินไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อ Gen Z มากกว่าคนรุ่นอื่นๆ โดย 21 เปอร์เซ็นต์ของ Gen Z เสียใจเหล่านี้ 17 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่นมิลเลนเนียล 13 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่น Gen X และ 9 เปอร์เซ็นต์ของคนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ หากไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอจากการออมฉุกเฉิน ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดอาจนำไปสู่หนี้ที่เพิ่มขึ้นพร้อมกับความวิตกกังวลทางการเงินและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น Gen Zers สามารถเริ่มกองทุนฉุกเฉินได้ด้วยการบริจาคจำนวนเล็กน้อยเข้าบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งจะสะสมรายได้ได้เร็วกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป เมื่อเวลาผ่านไป การบริจาคอย่างสม่ำเสมอสามารถเติบโตเป็นกองทุนฉุกเฉินจำนวนมากได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความเครียดทางการเงินที่คนเจน Z กังวลมากที่สุดคือการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดย 54% ระบุว่า ความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถซื้อได้นั้นเกี่ยวข้องกับแรงกดดันที่ใหญ่เป็นอันดับสอง - เงินเฟ้อและราคาที่สูงขึ้น 52% ของ Gen Z กล่าวถึงเรื่องนี้ รองลงมาคือเงินเฟ้อเป็นค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย ร้อยละ 47 ระบุ
เห็นได้ชัดว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีบทบาทบางอย่างในการส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของ Gen Z พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าเล่าเรียนที่สูงเมื่อเริ่มต้นชีวิตวัยผู้ใหญ่ แต่ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เพิ่มขึ้นก็ทําให้พวกเขารู้สึกกดดันมากขึ้นเช่นกัน การชําระคืนเงินกู้นักศึกษาคาดว่าจะฟื้นตัวในเดือนตุลาคม 2023 จากการสำรวจของบ้านกระแต พบว่ากว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 27 ของกลุ่ม Gen Zers ระบุว่าปัจจุบันมีหนี้สินจากการกู้ยืมเพื่อการศึกษา
สุดท้าย การออมฉุกเฉินเป็นประเด็นที่ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันหลายคนให้ความสนใจ และคนเจน Z ก็ไม่มีข้อยกเว้น ในความเป็นจริง ความเสียใจที่ประหยัดค่าใช้จ่ายฉุกเฉินไม่พอส่งผลกระทบต่อคนเจนแซดได้ง่ายกว่าคนรุ่นอื่น ๆ และ 21% ของคนเจนแซดมีความเสียใจเหล่านี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

54 %คิดว่าแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดสําหรับรุ่นzคือการจ่ายค่าใช้จ่ายประจําวัน ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการซื้อสิ่งของเชื่อมโยงกับแรงกดดันที่ใหญ่เป็นอันดับสองคืออัตราเงินเฟ้อและการเพิ่มขึ้นของราคาและ52 %ของรุ่นzกล่าวถึงเรื่องนี้ ตามด้วยอัตราเงินเฟ้อคือต้นทุนที่อยู่อาศัย47 %กล่าวถึงเรื่องนี้

สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีบทบาทสําคัญในการมีอิทธิพลต่อสุขภาพจิตของรุ่นz พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องกังวลเกี่ยวกับราคาที่สูงขึ้นเนื่องจากพวกเขาเริ่มต้นชีวิตผู้ใหญ่แต่พวกเขายังต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่เพิ่มขึ้นและคาดว่าการชําระคืนเงินกู้ของนักเรียนจะเริ่มดําเนินการในเดือนตุลาคม2023 ตามการสํารวจของbankrateมากกว่าหนึ่งในสี่( 27 % )ของเยาวชนกล่าวว่าปัจจุบันพวกเขามีหนี้สินเงินกู้สําหรับนักศึกษา

สุดท้ายการออมฉุกเฉินเป็นหัวข้อที่ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันหลายคนกังวลและรุ่นzไม่มีข้อยกเว้น ในความเป็นจริงความเสียใจที่ไม่ได้ประหยัดเงินเพียงพอสําหรับค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อรุ่นzมากกว่าคนอื่นๆ21 %ของรุ่นzเสียใจเหล่านี้17 %ของรุ่นmillennials,13 %ของรุ่นxและ9 %ของทารกยุค หากปราศจากเครือข่ายความปลอดภัยที่เพียงพอจากเงินออมฉุกเฉินค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดใดๆอาจทําให้หนี้สินเพิ่มขึ้นและเพิ่มความวิตกกังวลและความไม่แน่นอนทางการเงิน

ผู้ให้กําเนิดสามารถสร้างกองทุนสํารองเลี้ยงชีพโดยการฝากเงินจํานวนน้อยลงในบัญชีออมทรัพย์ที่มีรายได้สูงซึ่งจะสะสมรายได้ได้เร็วกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป เมื่อเวลาผ่านไปการบริจาคเป็นระยะๆอาจกลายเป็นกองทุนฉุกเฉินที่มีนัยสําคัญ