กรรมวิธีผลิตกระดาษการ ทำกระดาษเริ่ม

กรรมวิธีผลิตกระดาษ
การ ทำกระดาษเริ่มต้นตั้งแต่การนำไม้ไปทำเยื่อเพือ่ให้ได้เส้นใยออกมา แล้วจึงนำเยื่อที่ได้ไปผสมกับสารเติมแต่งในอัตราส่วนต่าง ๆ เพื่อปรับสมบัติกระดาษให้ได้ตรงความต้องการใช้งาน จากนี้นนำไปทำเป็นแผ่นโดยใช้เครื่องจักรผลิตกระดาษ แล้วจึงนำไปแปรรูปใช้งาน กระบวนการผลิตจะแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน โดยเรียงลำดับตามขึ้นตอนการปฏิบัติการจริงภายในโรงงานได้ดังนี้
1. การผลิตเยื่อ (Pulping)
2. การเตรียมน้ำเยื่อ (Stock Preparation)
3. การทำแผ่นกระดาษ (Papermaking)
4. การปรับปรุงสมบัติกระดาษขณะเดินแผ่น (Web Modification)
5. การแปรรูป
การผลิตเยื่อ
วัตถุ ประสงค์หลักของการผลิตเยื่อ เพื่อต้องการแยกเส้นใยออกมาจากองคืประกอบอื่นของไม้ การผลิตเยื่อสามารถทำได้หลายวิธีทั้งโดยวิธีเคมี หรือ เชิงกลในบางกรณีอาจจะต้องนำไปผ่านการฟอกให้ขาวก่อน ในการผลิตเยื่อจึงประกอบด้วย กรรมวิธีผลิตเยื่อ และ การฟอกเยื่อ
กรรมวิธีผลิตเยื่อ (Pulping Process)
เยื่อ มีหลายชนิด การเรียกชื่อขึ้นอยุ่กับกรรมวิธีผลิต ซึ่งประกอบด้วยรูปแบบ ต่าง ๆ ของพลังงานที่ใช้ ได้แก่ พลังงานความร้อน พลังงานเคมี และ พลังงานกล
การผลิตเยื่อเชิงกล (Mechanical Pulping Process) จะ ใช้พลังงานกลควบคู่ไปกับพลังงานความร้อนในการแยกเส้นใยออกมา โดยท่อนไม้/ชิ้นไม้จะถูกส่งเข้าเครื่องบด ซึ่งจะทำหน้าที่บด และตัดจนชิ้นไม้แหลกละเอียดเป็นเยื่อไม้ เยื่อที่ได้เรียกว่าเยื่อไม้บด หรือเยื่อเชิงกล ให้ผลผลิตเยื่อในช่วงมากกว่าร้อยละ 85 เยื่อไม้บดมีเนื่อค่อนข้างหยาบกระด้าง เส้นใยที่ได้ส่วนใหญ่ไม่สมบูรณ์ มีการขาดและตัดเป็นท่อน ๆ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของเส้นใยปนอยู่ด้วย ในเยื่อไม้บดจึงประกอบด้วย เส้นใยฝอย (fines) ซึ่งเกิดจากการฉีกขาดของเส้นใย, เส้นใยเดี่ยว (individual fiber) ไม่ค่อยสมบูรณ์, มัดขอเส้นใย (bundle of fiber) ซึ่ง ประกอบด้วยเส้นใยหลาย ๆ เส้นเกาะติดกันเป็นมัด เยื่อชนิดนี้เมื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำกระดาษ จะให้คุณสมบัติตามส่วนประกอบทั้ง 3 คือ เส้นใยฝอยจะเพิ่มคุณสมบัติด้านทึบแสง เส้นใยซึ่งไม่ค่อยสมบูรณ์ และยังคงมีลิกนินตกค้างอยุ่มาก ทำให้พันธะระหว่างเส้นใยต่ำ การกลับสีเร็ว เยื่อชนิดนี้จึงไม่เหมาะที่จะนำไปทำกระดาษที่ต้องรับแรงสูงหรือเก็บนาน ๆ มีราคาถูก เหมาะสำหรับทำสิ่งพิมพ์ราคาถูก เช่น หนังสือพิมพ์ หรือใช้เป็นเยื่อชั้นในกระดาษแข็ง
การผลิตเยื่อเคมี (Chemical Pulping Process) การผลิตเยื่อตามกรรมวิธีนี้จะใช้พยังงานเคมีและพลังงานความร้อนในกรทำให้เส้นใยแยกจากกัน โดยชิ้นไม้จะถูกส่งเข้าหม้อต้มเยื่อ (digester) สาร เคมีและความร้อนจะละลายลิกนินออกไป เหลือส่วนที่ไม่ละลลายคือเยื่อ เยื่อเคมีมีหลายชนิดเรียกชื่อตามสารเคมีที่ใช้ในการผลิตเช่น เยื่อซัลเฟต เยื่อซัลไฟต์ และ เยื่อโซดา เยื่อเคมีให้ผลผลิตเยื่อประมาณร้อยละ 40 มีลักษณะนุ่ม สีค่อนข้างคล้ำ เส้นใยที่ได้จะสมบูรณ์ เยื่อชนิดนี้มีปริมาณการใช้สูงมาก เพราะสามารถพัฒนาศักยภายของเส้นใยให้สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เหมาะทั้งใช้ในงานรับแรง และเพื่อการสื่อสาร ถ้าใช้ในงานรับแรง เช่น นำไปทำกระดาษบรรจุภัณฑ์ไม่จำเป็นต้องฟอก แต่ถ้าใช้เพื่อการสื่อสารจะต้องนำไปฟอกให้ขาวก่อน
เยื่อและเศษกระดาษ (Secondary Pulp) ในปัจจุบันเศษกระดาษ (reclaimed and waste paper) นับ ได้ว่าเป็นแหล่งเส้นใยที่สำคัญแหล่งหนึ่ง ได้มีการนำเส้นใยกระดาษที่ใช้แล้วทั้งภายในและภายนอกประเทศมาเป็นวัตถุดิบใน การผลิตกระดาษ เยื่อที่ได้จากเศษกระดาษที่ใช้แล้วเรียกว่า secondary pulp ส่วยเยื่อที่ยังไม่เคยใช้ทำกระดาษเรียกว่า virgin pulp เส้นใยที่ได้จากเศษกระดาษชนิดนี้เรียว่า recycled fiber เนื่อง จากกระดาษที่ผ่านการใช้แล้วมีมากมายหลายประเภท เช่น ถ้าเป็นกระดาษที่ผ่านการพิมพ์ต่าง ๆ ก่อนนำมาทำเป็นเยื่อต้องผ่านกระบวนการเอหมึกออก (deinking) เสียก่อนแล้วจึงนำไปฟอก (bleaching) ให้ ขาว สำหรับนำไปผลิตกระดาษสำหรับพิมพ์ หรือกระดาษชำระ แต่ถ้าจะนำไปผลิตกระดาษเหนียว หรือกระดาษสีน้ำตาลก็ไม่จำเป็นต้องเอาหมึกออก เยื่อจากกระดาษหรือเศษกระดาษที่ได้ส่วนมากจะนำไปเป็นวัตถุดิบในการ ผลิตกระดาษพิมพ์เขียน ทำเป็นเยื่อชั้นในกระดาษแข็ง หรือทำกระดาษชำระเป็นต้น
การฟอกเยื่อ (Bleaching)
การฟอกเยื่อเป็นการทำให้เยื่อมีสีขาวเหมาะกับการใช้กระดาษเพื่อการสื่อสารต่าง ๆ แบ่งเป็น 2 วิธี คือ
วิธีฟอกเยื่อเพื่อขจัดลิกนินออก (removing lignin)
วิธีฟอกเยื่อเพิ่อเปลี่ยนสีของลิกนินให้อยู่ในรูปไม่มีสี (bleaching lignin) เยื่อเคมีจะฟอกโดยใช้สารเคมีทำปฏิกิริยากับบิกนินแล้วกำจัดลิกนินออก การฟอกแบบนี้มีหลายขึ้นตอน โดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ 3-6 ขั้นตอน (CEH CEDEP CEOP) เยื่อที่ได้มีความขาวสว่างสูงประมาณร้อยละ 80-95 เมื่อวัดด้วยเครื่องวัดแบบ Elrepho ขั้นตอนในการฟอกจะมีชื่อเรียกตามสารเคมีที่ใช้ฟอก และ ขั้นตอนการฟอกจะเรียงลำดับตามอักษรที่ใช้เรียก เช่น การฟอกแบบ CEDED
สารเคมี สัญลักษณ์ เรียกชื่อขั้นตอนการฟอก
Chlorine C ขั้นคลอริเนชั่น (chlorination stage)
Sodium hydroxide E ขั้นแอ็กซ์แทรกชั่น (extraction stage)
Calcium hypochlorite H ขั้นไฮโปคลอไรด์ (hypochlorite stage)
Chlorine dioxide D ขั้นคลอรีนไดออกไซด์ (chlorinedioxide stage)
Hydrogen peroxide P ขั้นเปอร์ออกไซด์ (peroxide stage)
Oxygen O ขั้นออกซิเจน (oxygen stage)
Ozone Z ขั้นโอโซน (ozone stage)
Acid A ขั้นแอสิด (acid stage)
การเตรียมน้ำเยื่อ
ใน ขั้นการเตรียมน้ำเยื่อนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเส้นใย โดยการนำเยื่อไปบด และ ปรับปรุงสมบัติกระดาษให้ได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยการผสมหรือใส่สารเติมแต่งชนิดต่าง ๆ ตามอัตราส่วนที่กำหนด ส่วนผสมที่ได้นี้เรียกว่า “น้ำเยื่อ” หรือ “สต็อก” (stock) เยื่อ ที่นำมาทำกระดาษทุกชนิดจะต้องผ่านการบด มากหรือ น้อยขึ้นอยุ่กับระดับคุณภาพของเยื่อ เยื่อบางชนิดไม่จำเป็นต้องบด เช่น เยื่อไม้บด และเยื่อเวียนทำใหม่
ในขั้นการเตรียมน้ำเยื่อประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ในการบดและผสมโดยมีขึ้นตอนการปฏิบัติการเรียงลำดับดังนี้
1. การกระจายเส้นใย (defibering) กระจายเยื่อเพื่อให้เส้นใยแยกออกจากกันเป็นอิสระในน้ำโดย

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กรรมวิธีผลิตกระดาษตามหลักทำกระดาษเริ่มต้นตั้งแต่การนำไม้ไปทำเยื่อเพือ่ให้ได้เส้นใยออกมาแล้วจึงนำเยื่อที่ได้ไปผสมกับสารเติมแต่งในอัตราส่วนต่างๆ เพื่อปรับสมบัติกระดาษให้ได้ตรงความต้องการใช้งานจากนี้นนำไปทำเป็นแผ่นโดยใช้เครื่องจักรผลิตกระดาษแล้วจึงนำไปแปรรูปใช้งานกระบวนการผลิตจะแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนโดยเรียงลำดับตามขึ้นตอนการปฏิบัติการจริงภายในโรงงานได้ดังนี้1. การผลิตเยื่อ (Pulping)2. การเตรียมน้ำเยื่อ (หุ้นเตรียม)3. การทำแผ่นกระดาษ (Papermaking)4. การปรับปรุงสมบัติกระดาษขณะเดินแผ่น (ปรับเปลี่ยนเว็บ)5. การแปรรูปการผลิตเยื่อ วัตถุประสงค์หลักของการผลิตเยื่อเพื่อต้องการแยกเส้นใยออกมาจากองคืประกอบอื่นของไม้การผลิตเยื่อสามารถทำได้หลายวิธีทั้งโดยวิธีเคมีหรือเชิงกลในบางกรณีอาจจะต้องนำไปผ่านการฟอกให้ขาวก่อนในการผลิตเยื่อจึงประกอบด้วยกรรมวิธีผลิตเยื่อและการฟอกเยื่อกรรมวิธีผลิตเยื่อ (Pulping กระบวนการ) เยื่อมีหลายชนิดการเรียกชื่อขึ้นอยุ่กับกรรมวิธีผลิตซึ่งประกอบด้วยรูปแบบต่างๆ ของพลังงานที่ใช้ได้แก่พลังงานความร้อนพลังงานเคมีและพลังงานกล การผลิตเยื่อเชิงกล (Pulping กลกระบวนการ) จะใช้พลังงานกลควบคู่ไปกับพลังงานความร้อนในการแยกเส้นใยออกมาโดยท่อนไม้/ชิ้นไม้จะถูกส่งเข้าเครื่องบดซึ่งจะทำหน้าที่บดและตัดจนชิ้นไม้แหลกละเอียดเป็นเยื่อไม้เยื่อที่ได้เรียกว่าเยื่อไม้บดหรือเยื่อเชิงกลให้ผลผลิตเยื่อในช่วงมากกว่าร้อยละ 85 เยื่อไม้บดมีเนื่อค่อนข้างหยาบกระด้างเส้นใยที่ได้ส่วนใหญ่ไม่สมบูรณ์มีการขาดและตัดเป็นท่อนๆ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของเส้นใยปนอยู่ด้วยในเยื่อไม้บดจึงประกอบด้วยเส้นใยฝอย (ค่าปรับ) ซึ่งเกิดจากการฉีกขาดของเส้นใย เส้นใยเดี่ยว (แต่ละใย) ไม่ค่อยสมบูรณ์ มัดขอเส้นใย (กลุ่มของเส้นใย) ซึ่งประกอบด้วยเส้นใยหลายๆ เส้นเกาะติดกันเป็นมัดเยื่อชนิดนี้เมื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำกระดาษจะให้คุณสมบัติตามส่วนประกอบทั้ง 3 คือเส้นใยฝอยจะเพิ่มคุณสมบัติด้านทึบแสงเส้นใยซึ่งไม่ค่อยสมบูรณ์และยังคงมีลิกนินตกค้างอยุ่มากทำให้พันธะระหว่างเส้นใยต่ำการกลับสีเร็วเยื่อชนิดนี้จึงไม่เหมาะที่จะนำไปทำกระดาษที่ต้องรับแรงสูงหรือเก็บนานๆ มีราคาถูกเหมาะสำหรับทำสิ่งพิมพ์ราคาถูกเช่นหนังสือพิมพ์หรือใช้เป็นเยื่อชั้นในกระดาษแข็ง การผลิตเยื่อเคมี (Pulping กระบวนการทางเคมี) การผลิตเยื่อตามกรรมวิธีนี้จะใช้พยังงานเคมีและพลังงานความร้อนในกรทำให้เส้นใยแยกจากกันโดยชิ้นไม้จะถูกส่งเข้าหม้อต้มเยื่อ (digester) สารเคมีและความร้อนจะละลายลิกนินออกไปเหลือส่วนที่ไม่ละลลายคือเยื่อเยื่อเคมีมีหลายชนิดเรียกชื่อตามสารเคมีที่ใช้ในการผลิตเช่นเยื่อซัลเฟตเยื่อซัลไฟต์และเยื่อโซดาเยื่อเคมีให้ผลผลิตเยื่อประมาณร้อยละ 40 มีลักษณะนุ่มสีค่อนข้างคล้ำเส้นใยที่ได้จะสมบูรณ์เยื่อชนิดนี้มีปริมาณการใช้สูงมากเพราะสามารถพัฒนาศักยภายของเส้นใยให้สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางเหมาะทั้งใช้ในงานรับแรงและเพื่อการสื่อสารถ้าใช้ในงานรับแรงเช่นนำไปทำกระดาษบรรจุภัณฑ์ไม่จำเป็นต้องฟอกแต่ถ้าใช้เพื่อการสื่อสารจะต้องนำไปฟอกให้ขาวก่อน เยื่อและเศษกระดาษ (รอง Pulp) ในปัจจุบันเศษกระดาษ (กระดาษคืน และเสีย) นับได้ว่าเป็นแหล่งเส้นใยที่สำคัญแหล่งหนึ่งได้มีการนำเส้นใยกระดาษที่ใช้แล้วทั้งภายในและภายนอกประเทศมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษเยื่อที่ได้จากเศษกระดาษที่ใช้แล้วเรียกว่าเยื่อรองส่วยเยื่อที่ยังไม่เคยใช้ทำกระดาษเรียกว่าเยื่อกระดาษบริสุทธิ์เส้นใยที่ได้จากเศษกระดาษชนิดนี้เรียว่ารีไซเคิลไฟเบอร์เนื่องจากกระดาษที่ผ่านการใช้แล้วมีมากมายหลายประเภทเช่นถ้าเป็นกระดาษที่ผ่านการพิมพ์ต่างๆ ก่อนนำมาทำเป็นเยื่อต้องผ่านกระบวนการเอหมึกออก (deinking) เสียก่อนแล้วจึงนำไปฟอก (ฟอกสีฟันให้ขาวสำหรับนำไปผลิตกระดาษสำหรับพิมพ์หรือกระดาษชำระแต่ถ้าจะนำไปผลิตกระดาษเหนียวหรือกระดาษสีน้ำตาลก็ไม่จำเป็นต้องเอาหมึกออกเยื่อจากกระดาษหรือเศษกระดาษที่ได้ส่วนมากจะนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษพิมพ์เขียนทำเป็นเยื่อชั้นในกระดาษแข็งหรือทำกระดาษชำระเป็นต้นการฟอกเยื่อ (ฟอกสี) การฟอกเยื่อเป็นการทำให้เยื่อมีสีขาวเหมาะกับการใช้กระดาษเพื่อการสื่อสารต่างๆ แบ่งเป็น 2 วิธีคือวิธีฟอกเยื่อเพื่อขจัดลิกนินออก (เอา lignin)(Lignin ฟอกสีฟันวิธีฟอกเยื่อเพิ่อเปลี่ยนสีของลิกนินให้อยู่ในรูปไม่มีสีเยื่อเคมีจะฟอกโดยใช้สารเคมีทำปฏิกิริยากับบิกนินแล้วกำจัดลิกนินออกการฟอกแบบนี้มีหลายขึ้นตอนโดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ 3-6 ขั้นตอน (CEH CEDEP CEOP) 80-95 เยื่อที่ได้มีความขาวสว่างสูงประมาณร้อยละเมื่อวัดด้วยเครื่องวัดแบบ Elrepho ขั้นตอนในการฟอกจะมีชื่อเรียกตามสารเคมีที่ใช้ฟอกและขั้นตอนการฟอกจะเรียงลำดับตามอักษรที่ใช้เรียกเช่นการฟอกแบบ CEDEDสารเคมีสัญลักษณ์เรียกชื่อขั้นตอนการฟอกขั้นคลอริเนชั่น C คลอรีน (คลอรีนขั้น)โซเดียมไฮดรอกไซด์ E ขั้นแอ็กซ์แทรกชั่น (ขั้นตอนการสกัด)แคลเซียมไฮโปขั้นไฮโปคลอไรด์ H (ไฮโประยะ)คลอรีนไดออกไซด์ D ขั้นคลอรีนไดออกไซด์ (chlorinedioxide stage)ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ P ขั้นเปอร์ออกไซด์ (เปอร์ออกไซด์ขั้น)ขั้นออกซิเจน O ออกซิเจน (อ็อกซิเจนเวที)ขั้นโอโซน Z โอโซน (โอโซนขั้น)กรดขั้นแอสิด (กรดระยะ)การเตรียมน้ำเยื่อ ในขั้นการเตรียมน้ำเยื่อนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการคือเพื่อพัฒนาศักยภาพของเส้นใยโดยการนำเยื่อไปบดและปรับปรุงสมบัติกระดาษให้ได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งานโดยการผสมหรือใส่สารเติมแต่งชนิดต่างๆ ตามอัตราส่วนที่กำหนดส่วนผสมที่ได้นี้เรียกว่า "น้ำเยื่อ" หรือ "สต็อก" (หุ้น) เยื่อที่นำมาทำกระดาษทุกชนิดจะต้องผ่านการบดมากหรือน้อยขึ้นอยุ่กับระดับคุณภาพของเยื่อเยื่อบางชนิดไม่จำเป็นต้องบดเช่นเยื่อไม้บดและเยื่อเวียนทำใหม่ ในขั้นการเตรียมน้ำเยื่อประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่ทำหน้าที่ในการบดและผสมโดยมีขึ้นตอนการปฏิบัติการเรียงลำดับดังนี้1. การกระจายเส้นใย (defibering) กระจายเยื่อเพื่อให้เส้นใยแยกออกจากกันเป็นอิสระในน้ำโดย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กรรมวิธีผลิตกระดาษ
การ ๆ แล้วจึงนำไปแปรรูปใช้งานกระบวนการผลิตจะแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอน
การผลิตเยื่อ (Pulping)
2 การเตรียมน้ำเยื่อ (เตรียม Stock)
3 การทำแผ่นกระดาษ (ผลิตกระดาษ)
4 (เว็บ Modification)
5 การแปรรูป
การผลิตเยื่อ
วัตถุประสงค์หลักของการผลิตเยื่อ หรือ ในการผลิตเยื่อจึงประกอบด้วยกรรมวิธีผลิตเยื่อและการฟอกเยื่อ
กรรมวิธีผลิตเยื่อ (Pulping กระบวนการ)
เยื่อมีหลายชนิด ซึ่งประกอบด้วยรูปแบบต่าง ๆ ของพลังงานที่ใช้ ได้แก่ พลังงานความร้อนพลังงานเคมีและพลังงานกล
การผลิตเยื่อเชิงกล (Mechanical กระบวนการผลิตเยื่อกระดาษ) จะ ซึ่งจะทำหน้าที่บด เยื่อที่ได้เรียกว่าเยื่อไม้บดหรือเยื่อเชิงกลให้ผลผลิตเยื่อในช่วงมากกว่าร้อยละ 85 เส้นใยที่ได้ส่วนใหญ่ไม่สมบูรณ์มีการขาดและตัดเป็นท่อน ๆ ในเยื่อไม้บดจึงประกอบด้วยเส้นใยฝอย (มีค่าปรับ) ซึ่งเกิดจากการฉีกขาดของเส้นใย, เส้นใยเดี่ยว (ใยบุคคล) ไม่ค่อยสมบูรณ์, มัดขอเส้นใย (มัดเส้นใย) ซึ่งประกอบด้วยเส้นใยหลาย ๆ เส้นเกาะติดกันเป็นมัด จะให้คุณสมบัติตามส่วนประกอบทั้ง 3 คือ เส้นใยซึ่งไม่ค่อยสมบูรณ์และยังคงมีลิกนินตกค้างอยุ่มากทำให้พันธะระหว่างเส้นใยต่ำการกลับสีเร็ว ๆ มีราคาถูกเหมาะสำหรับทำสิ่งพิมพ์ราคาถูกเช่นหนังสือพิมพ์
(สารเคมีผลิตเยื่อกระบวนการ) (หมัก) สารเคมีและความร้อนจะละลายลิกนินออกไปเหลือส่วนที่ไม่ละลลายคือเยื่อ เยื่อซัลเฟตเยื่อซัลไฟต์และเยื่อโซดา 40 มีลักษณะนุ่มสีค่อนข้างคล้ำเส้นใยที่ได้จะสมบูรณ์เยื่อชนิดนี้มีปริมาณการใช้สูงมาก เหมาะทั้งใช้ในงานรับแรงและเพื่อการสื่อสารถ้าใช้ในงานรับแรงเช่น
(รอง Pulp) ในปัจจุบันเศษกระดาษ (ยึดและเศษกระดาษ) นับ การผลิตกระดาษ เยื่อกระดาษรอง เยื่อกระดาษบริสุทธิ์ เส้นใยรีไซเคิลเนื่อง เช่นถ้าเป็นกระดาษที่ผ่านการพิมพ์ต่าง ๆ (deinking) เสียก่อนแล้วจึงนำไปฟอก (ฟอก) ให้ขาวสำหรับนำไปผลิตกระดาษสำหรับพิมพ์หรือกระดาษชำระ แต่ถ้าจะนำไปผลิตกระดาษเหนียว ผลิตกระดาษพิมพ์เขียนทำเป็นเยื่อชั้นในกระดาษแข็ง ๆ แบ่งเป็น 2 วิธีคือวิธีฟอกเยื่อเพื่อขจัดลิกนินออก (ลบ (ฟอกลิกนิน) การฟอกแบบนี้มีหลายขึ้นตอนโดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ 3-6 ขั้นตอน (CEH CEDEP CEOP) 80-95 เมื่อวัดด้วยเครื่องวัดแบบ Elrepho และ เช่นการฟอกแบบยกให้สารเคมีสัญลักษณ์เรียกชื่อขั้นตอนการฟอกคลอรีน C ขั้นคลอริเนชั่น (ขั้นตอนการฆ่าเชื้อโรคด้วยคลอรีน) โซเดียมไฮดรอกไซ E ขั้นแอ็กซ์แทรกชั่น (ขั้นตอนการสกัด) แคลเซียมไฮโป H ขั้นไฮโปคลอไรด์ ( ไฮโปคลอไรต์เวที) คลอรีนไดออกไซด์ D ขั้นคลอรีนไดออกไซด์ (ChlorineDioxide เวที) ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ P ขั้นเปอร์ออกไซด์ (เวทีเปอร์ออกไซด์) ออกซิเจน O ขั้นออกซิเจน (เวทีออกซิเจน) โอโซน Z ขั้นโอโซน (เวทีโอโซน) กรดขั้นแอสิด (กรดเวที) การเตรียมน้ำเยื่อใน 2 ประการคือเพื่อพัฒนาศักยภาพของเส้นใยโดยการนำเยื่อไปบดและ ๆ ตามอัตราส่วนที่กำหนดส่วนผสมที่ได้นี้เรียกว่า "น้ำเยื่อ" หรือ "สต็อก" (หุ้น) เยื่อ มากหรือ เยื่อบางชนิดไม่จำเป็นต้องบดเช่นเยื่อไม้บด ๆ การกระจายเส้นใย (defibering)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กรรมวิธีผลิตกระดาษ
การทำกระดาษเริ่มต้นตั้งแต่การนำไม้ไปทำเยื่อเพือ่ให้ได้เส้นใยออกมาแล้วจึงนำเยื่อที่ได้ไปผสมกับสารเติมแต่งในอัตราส่วนต่างจะเพื่อปรับสมบัติกระดาษให้ได้ตรงความต้องการใช้งานแล้วจึงนำไปแปรรูปใช้งานกระบวนการผลิตจะแบ่งออกเป็นแนะนำและอำนวยโดยเรียงลำดับตามขึ้นตอนการปฏิบัติการจริงภายในโรงงานได้ดังนี้
51 . การผลิตเยื่อ ( เยื่อกระดาษ )
2 การเตรียมน้ำเยื่อ ( การเตรียม Stock )
3 การทำแผ่นกระดาษ ( กระดาษ )
4 การปรับปรุงสมบัติกระดาษขณะเดินแผ่น ( แก้ไขเว็บ )
5 การแปรรูป

การผลิตเยื่อวัตถุประสงค์หลักของการผลิตเยื่อเพื่อต้องการแยกเส้นใยออกมาจากองคืประกอบอื่นของไม้การผลิตเยื่อสามารถทำได้หลายวิธีทั้งโดยวิธีเคมีค็อคเชิงกลในบางกรณีอาจจะต้องนำไปผ่านการฟอกให้ขาวก่อนกรรมวิธีผลิตเยื่อและการฟอกเยื่อ
กรรมวิธีผลิตเยื่อ ( กระบวนการผลิตเยื่อกระดาษ )
เยื่อมีหลายชนิดการเรียกชื่อขึ้นอยุ่กับกรรมวิธีผลิตซึ่งประกอบด้วยรูปแบบต่างจะของพลังงานที่ใช้ได้แก่พลังงานความร้อนพลังงานเคมีและพลังงานกล
การผลิตเยื่อเชิงกล ( เครื่องจักรกระบวนการผลิตเยื่อกระดาษ ) จะใช้พลังงานกลควบคู่ไปกับพลังงานความร้อนในการแยกเส้นใยออกมาโดยท่อนไม้ / ชิ้นไม้จะถูกส่งเข้าเครื่องบดซึ่งจะทำหน้าที่บดและตัดจนชิ้นไม้แหลกละเอียดเป็นเยื่อไม้หรือเยื่อเชิงกลให้ผลผลิตเยื่อในช่วงมากกว่าร้อยละ 85 เยื่อไม้บดมีเนื่อค่อนข้างหยาบกระด้างเส้นใยที่ได้ส่วนใหญ่ไม่สมบูรณ์มีการขาดและตัดเป็นท่อนจะนอกจากนี้ยังมีกลุ่มของเส้นใยปนอยู่ด้วยเส้นใยฝอยซึ่งเกิดจากการฉีกขาดของเส้นใย ( ค่าปรับ ) ,เส้นใยเดี่ยว ( ไฟเบอร์ไม่ค่อยสมบูรณ์บุคคล ) ,มัดขอเส้นใย ( มัดของเส้นใย ) ซึ่งประกอบด้วยเส้นใยหลายจะเส้นเกาะติดกันเป็นมัดเยื่อชนิดนี้เมื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการทำกระดาษจะให้คุณสมบัติตามส่วนประกอบทั้ง 3 ความเส้นใยฝอยจะเพิ่มคุณสมบัติด้านทึบแสงและยังคงมีลิกนินตกค้างอยุ่มากทำให้พันธะระหว่างเส้นใยต่ำการกลับสีเร็วเยื่อชนิดนี้จึงไม่เหมาะที่จะนำไปทำกระดาษที่ต้องรับแรงสูงหรือเก็บนานจะมีราคาถูกเหมาะสำหรับทำสิ่งพิมพ์ราคาถูกเช่น It 'การผลิตเยื่อเคมี ( สารเคมีในกระบวนการผลิตเยื่อกระดาษ ) การผลิตเยื่อตามกรรมวิธีนี้จะใช้พยังงานเคมีและพลังงานความร้อนในกรทำให้เส้นใยแยกจากกันโดยชิ้นไม้จะถูกส่งเข้าหม้อต้มเยื่อ ( หมัก ) สารเคมีและความร้อนจะละลายลิกนินออกไปเยื่อเคมีมีหลายชนิดเรียกชื่อตามสารเคมีที่ใช้ในการผลิตเช่นเยื่อซัลเฟตเยื่อซัลไฟต์และเยื่อโซดาเยื่อเคมีให้ผลผลิตเยื่อประมาณร้อยละ 40 มีลักษณะนุ่มสีค่อนข้างคล้ำเส้นใยที่ได้จะสมบูรณ์เพราะสามารถพัฒนาศักยภายของเส้นใยให้สามารถใช้งานได้อย่างกว้างขวางเหมาะทั้งใช้ในงานรับแรงและเพื่อการสื่อสารถ้าใช้ในงานรับแรงเช่นนำไปทำกระดาษบรรจุภัณฑ์ไม่จำเป็นต้องฟอกเยื่อและเศษกระดาษ ( เยื่อรอง ) ในปัจจุบันเศษกระดาษ ( เก่า และเศษกระดาษ ) นับได้ว่าเป็นแหล่งเส้นใยที่สำคัญแหล่งหนึ่งได้มีการนำเส้นใยกระดาษที่ใช้แล้วทั้งภายในและภายนอกประเทศมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตกระดาษรองส่วยเยื่อที่ยังไม่เคยใช้ทำกระดาษเรียกว่าเยื่อเยื่อบริสุทธิ์เส้นใยที่ได้จากเศษกระดาษชนิดนี้เรียว่าเส้นใยรีไซเคิลเนื่องจากกระดาษที่ผ่านการใช้แล้วมีมากมายหลายประเภทเช่นถ้าเป็นกระดาษที่ผ่านการพิมพ์ต่างไม่มี( ดึงหมึกพิมพ์ออก ) เสียก่อนแล้วจึงนำไปฟอก ( ฟอกขาว ) ให้ขาวสำหรับนำไปผลิตกระดาษสำหรับพิมพ์หรือกระดาษชำระแต่ถ้าจะนำไปผลิตกระดาษเหนียวหรือกระดาษสีน้ำตาลก็ไม่จำเป็นต้องเอาหมึกออกผลิตกระดาษพิมพ์เขียนทำเป็นเยื่อชั้นในกระดาษแข็งหรือทำกระดาษชำระเป็นต้น
การฟอกเยื่อ ( ฟอกขาว )
การฟอกเยื่อเป็นการทำให้เยื่อมีสีขาวเหมาะกับการใช้กระดาษเพื่อการสื่อสารต่างจะแบ่งเป็น 2 วิธีความวิธีฟอกเยื่อเพื่อขจัดลิกนินออก ( เอาลิกนิน )

วิธีฟอกเยื่อเพิ่อเปลี่ยนสีของลิกนินให้อยู่ในรูปไม่มีสี ( ลิกนิน bleaching ) เยื่อเคมีจะฟอกโดยใช้สารเคมีทำปฏิกิริยากับบิกนินแล้วกำจัดลิกนินออกการฟอกแบบนี้มีหลายขึ้นตอนโดยทั่วไปจะมีตั้งแต่ 3-6 แนะนำและอำนวย ( เชอะ cedep ceop )เมื่อวัดด้วยเครื่องวัดแบบ 80-95 elrepho ขั้นตอนในการฟอกจะมีชื่อเรียกตามสารเคมีที่ใช้ฟอกและขั้นตอนการฟอกจะเรียงลำดับตามอักษรที่ใช้เรียกเช่นการฟอกแบบยกให้
สารเคมีสัญลักษณ์เรียกชื่อขั้นตอนการฟอก
คลอรีน C ขั้นคลอริเนชั่น ( เวทีคลอรีนโซดาไฟ ( E )
ขั้นแอ็กซ์แทรกชั่นขั้นตอนการสกัดแคลเซียมไฮโปคลอไรท์ ( H )
ขั้นไฮโปคลอไรด์เวทีไฮคลอรีนไดออกไซด์ ( D )

ขั้นคลอรีนไดออกไซด์เวที chlorinedioxide )ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ( P ขั้นเปอร์ออกไซด์เวทีเพอร์ออกไซด์ออกซิเจน ( O )
ขั้นออกซิเจนเวทีออกซิเจนโอโซนขั้นโอโซน ( Z )

เป็นเวทีโอโซน ) กรด ( กรดขั้นแอสิดเวที )

การเตรียมน้ำเยื่อthe ขั้นการเตรียมน้ำเยื่อนี้มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการความเพื่อพัฒนาศักยภาพของเส้นใยโดยการนำเยื่อไปบดและปรับปรุงสมบัติกระดาษให้ได้ตามวัตถุประสงค์การใช้งานโดยการผสมหรือใส่สารเติมแต่งชนิดต่างไม่มีส่วนผสมที่ได้นี้เรียกว่า " น้ำเยื่อ " ค็อค " สต็อก " ( หุ้น ) เยื่อที่นำมาทำกระดาษทุกชนิดจะต้องผ่านการบดมากหรือน้อยขึ้นอยุ่กับระดับคุณภาพของเยื่อเยื่อบางชนิดไม่จำเป็นต้องบดเช่นเยื่อไม้บดและเยื่อเวียนทำใหม่
ในขั้นการเตรียมน้ำเยื่อประกอบด้วยส่วนต่างจะที่ทำหน้าที่ในการบดและผสมโดยมีขึ้นตอนการปฏิบัติการเรียงลำดับดังนี้
1 การกระจายเส้นใย ( defibering ) กระจายเยื่อเพื่อให้เส้นใยแยกออกจากกันเป็นอิสระในน้ำโดย