explosion in European sugar consump

explosion in European sugar consumption was made possible by colonial rule in the West Indies and the enslavement of millions of Africans. Columbus carried the cane to Hispaniola (now Haiti and the Dominican Republic) on his second voyage in 1493. By about 1550, the Spanish and Portuguese had occupied many Caribbean islands and the coasts of western Africa, Brazil, Mexico, and were producing sugar in significant quantities; English, French, and Dutch colonists followed in the next century. By 1700, some 10,000 Africans were being traded via the Portuguese colony São Tomé to the Americas every year. The sugar industry was not the only force behind the great expansion of slavery, but it probably was the major force and helped ease its introduction into the southern American colonies and the cotton plantations.
According to one estimate, fully two-thirds of the 20 million Africans enslaved in the Americas worked on sugar plantations. The intricate trade in sugar, slaves, rum, and manufactured goods made major ports out of the hitherto minor cities of Bristol and Liverpool in England, and Newport, Rhode Island. And the huge fortunes made by plantation owners helped finance the opening stages of the Industrial Revolution.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระเบิดในการบริโภคน้ำตาลที่ยุโรปได้ทำไป โดยกฎอาณานิคมในหมู่เกาะอินเดียตะวันตกและ enslavement ล้านของแอฟริกา โคลัมบัสทำเท้าให้ Hispaniola (ตอนนี้ประเทศเฮติและสาธารณรัฐโดมินิกัน) ในการเดินทางของเขาสองใน 1493 โดยประมาณ 1550 สเปนและโปรตุเกสได้ครอบครองเกาะในแคริบเบียนและชายแอฟริกาตะวันตก บราซิล เม็กซิโก และมีการผลิตน้ำตาลในปริมาณสำคัญ อังกฤษ ฝรั่งเศส และดัตช์ colonists ตามในศตวรรษต่อไป โดย 1700 แอฟริกันบาง 10000 ถูกโยนกผ่านอาณานิคมโปรตุเกสเซาตูเมไปอเมริกาทุกปี อุตสาหกรรมน้ำตาลไม่พลังขยายดีทาสเท่านั้น แต่มันคงเป็นกำลังสำคัญ และช่วยให้ความสะดวกแนะนำของอาณานิคมอเมริกาใต้และไร่ฝ้ายตามประเมินหนึ่ง เต็มสองในสามของ 20 ล้านแอฟริกัน enslaved ในอเมริกาที่ทำงานในสวนน้ำตาล การค้าซับซ้อนในน้ำตาล ทาส รัม และผลิตสินค้าที่ทำพอร์ตใหญ่ออกจากเมืองมาจนบัดรองบริสโตลและลิเวอร์พูลที่อังกฤษ นิวพอร์ท โรดไอแลนด์ และตัวใหญ่ ๆ ขนาดใหญ่ทำ ด้วยเงินช่วยเหลือเจ้าของสวนเปิดขั้นตอนของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การระเบิดในการบริโภคน้ำตาลยุโรปได้ทำไปโดยการปกครองอาณานิคมในหมู่เกาะอินเดียตะวันตกและเป็นทาสของล้านของแอฟริกัน โคลัมบัสดำเนินอ้อยเพื่อ Hispaniola (ตอนนี้เฮติและสาธารณรัฐโดมินิกัน) ในการเดินทางสองของเขาใน 1493. ประมาณ 1,550 สเปนและโปรตุเกสยึดครองหมู่เกาะแคริบเบียนจำนวนมากและชายฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกา, บราซิล, เม็กซิโกและมีการผลิตน้ำตาล ปริมาณที่มีนัยสำคัญ; อังกฤษ, ฝรั่งเศส, และอาณานิคมดัตช์ใช้ในศตวรรษหน้า โดย 1700, แอฟริกัน 10,000 ถูกซื้อขายผ่านทางอาณานิคมของโปรตุเกสเซาตูเมไปอเมริกาทุกปี อุตสาหกรรมน้ำตาลที่ไม่แรง แต่หลังการขยายตัวที่ดีของการเป็นทาส แต่มันอาจจะเป็นกำลังสำคัญและช่วยให้ความสะดวกในการเปิดตัวเข้าสู่อาณานิคมอเมริกันภาคใต้และพื้นที่เพาะปลูกฝ้าย.
ตามที่คาดคะเนได้อย่างเต็มที่สองในสามของ 20 ล้าน แอฟริกันเป็นทาสในอเมริกาทำงานในสวนตาล การค้าที่ซับซ้อนในน้ำตาลทาสเหล้ารัมและทำให้สินค้าที่ผลิตออกมาจากท่าเรือที่สำคัญในเมืองเล็ก ๆ น้อย ๆ มาจนบัดนี้ของบริสตอและลิเวอร์พูลในอังกฤษและนิวพอร์ต, Rhode Island และความมั่งคั่งขนาดใหญ่ที่ทำโดยเจ้าของไร่ช่วยให้เงินทุนขั้นตอนการเปิดตัวของการปฏิวัติอุตสาหกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การระเบิดในการบริโภคน้ำตาลในยุโรปทำให้เป็นไปได้โดยอาณานิคมปกครองใน West Indies และการเป็นทาสของล้านของชาวแอฟริกัน โคลัมบัสถือไม้เรียวเกาะฮิสปันโยลา ( ตอนนี้เฮติและสาธารณรัฐโดมินิกัน ) ในการเดินทางครั้งที่สองของเขาใน 1493 . ประมาณ 1550 , สเปนและโปรตุเกสได้ครอบครองหลายหมู่เกาะแคริบเบียนและชายฝั่งตะวันตกของแอฟริกา บราซิล เม็กซิโกและมีการผลิตน้ำตาลในปริมาณมาก ภาษาอังกฤษ , ภาษาฝรั่งเศส และตามอาณานิคมดัตช์ในศตวรรษหน้า โดย 1700 บาง 10000 แอฟริกันถูกซื้อขายผ่านอาณานิคมของโปรตุเกสเซาตูเมไปอเมริกาทุกปี อุตสาหกรรมน้ำตาลไม่ใช่แค่อยู่เบื้องหลังการขยายตัวที่ดีของความเป็นทาสแต่มันอาจเป็นแรงหลักและช่วยบรรเทาในเบื้องต้นของอาณานิคมอเมริกาใต้ และ ไร่ฝ้าย ( .
ตามหนึ่งประมาณการ อย่างเต็มที่ สองในสามของ 20 ล้านชาวแอฟริกันตกเป็นทาสในทวีปอเมริกา ทำงานสวนตาล . ซับซ้อนค้าทาส เหล้ารัม น้ำตาลสินค้าที่ผลิตได้และพอร์ตใหญ่ออกจากเมืองนี้เล็ก ๆน้อย ๆจากบริสตอลและลิเวอร์พูลในอังกฤษ , Newport , Rhode Island . และดวงใหญ่สร้างโดยเจ้าของสวนช่วยการเงินระยะเปิดของการปฏิวัติอุตสาหกรรม