Aim. The aim of this paper is to pr

Aim. The aim of this paper is to present the results of a study designed to determine the effect of scenario-based simulation training on nursing students’ clinical skills and competence.
Background. Using full-scale, realistic, medical simulation for training healthcare professionals is becoming more and more common. Access to this technology is easier than ever before with the opening of several simulation centres throughout the world and the availability on the market of more sophisticated and affordable patient simulators. However, there is little scientific evidence proving that such technology is better than more traditional techniques in the education of, for example, undergraduate nursing students.
Methods. A pretest/post-test design was employed with volunteer undergraduate students (n ¼ 99) from second year Diploma of Higher Education in Nursing programme in United Kingdom using a 15-station Objective Structured Clinical Examination. Students were randomly allocated to either a control or an experi-mental group. The experimental group, as well as following their normal curri-culum, were exposed to simulation training. Subsequently, all students were re-tested and completed a questionnaire. The data were collected between 2001 and 2003.
Results. The control and experimental groups improved their performance on the second Objective Structured Clinical Examination. Mean test scores, respectively, increased by 7Æ18 and 14Æ18 percentage points. The difference between the means was statistically significant (P < 0Æ001). However, students’ perceptions of stress and confidence, measured on a 5-point Likert scale, was very similar between groups at 2Æ9 (1, not stressful; 5, very stressful) and 3Æ5 (1, very confident; 5, not confident) for the control group, and 3Æ0 and 3Æ4 for the experimental group. Conclusions. Intermediate-fidelity simulation is a useful training technique. It enables small groups of students to practise in a safe and controlled environment how to react adequately in a critical patient care situation. This type of training is very valuable to equip students with a minimum of technical and non-technical skills before they use them in practice settings.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดมุ่งหมาย จุดประสงค์ของเอกสารนี้คือการ นำเสนอผลการศึกษาที่ออกแบบมาเพื่อตรวจสอบผลของใช้สถานการณ์จำลองอบรมพยาบาลทักษะทางคลินิกและความสามารถของนักเรียนพื้นหลัง ใช้อย่างเต็มรูปแบบ เหมือนจริง การจำลองทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพการฝึกอบรมเป็นมากทั่วไป การเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ง่ายกว่าเดิม ด้วยการเปิดศูนย์จำลองต่าง ๆ ทั่วโลกและมีอยู่ในตลาดขณะที่ผู้ป่วยมีความซับซ้อนมากขึ้น และราคาไม่แพง อย่างไรก็ตาม มีน้อยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวดีกว่าเทคนิคดั้งเดิมในการศึกษาของ เช่น นักศึกษาพยาบาลระดับปริญญาตรีวิธี Pretest/post-test แบบทำงานกับอาสาสมัครระดับปริญญาตรี (n ¼ 99) จากสองปีประกาศนียบัตรศึกษาในหลักสูตรพยาบาลในสหราชอาณาจักรใช้ที่ 15 สถานีวัตถุประสงค์โครงสร้างคลินิกตรวจ นักเรียนถูกสุ่มได้รับการจัดสรรตัวควบคุมหรือเป็นกลุ่ม experi จิต กลุ่มทดลอง ตลอดจนต่อความปกติ curri-culum ได้สัมผัสกับการจำลองการฝึกอบรม ต่อมา นักเรียนทุกคนได้ทดสอบอีกครั้ง และแบบสอบถามเสร็จสมบูรณ์ ข้อมูลถูกเก็บรวบรวมระหว่างปี 2001 และ 2003ผลลัพธ์ที่ ควบคุมและกลุ่มทดลองปรับปรุงประสิทธิภาพของพวกเขาในสองวัตถุประสงค์โครงสร้างคลินิกสอบ หมายถึง ทดสอบคะแนน ตามลำดับ 7Æ18 และ 14Æ18 จุดเพิ่มขึ้น ความแตกต่างระหว่างวิธีได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P < 0Æ001) อย่างไรก็ตาม เข้าใจความเครียดและความเชื่อมั่น วัดในระดับ Likert 5 จุด ได้คล้ายคลึงระหว่างกลุ่มที่ 2Æ9 (1 ไม่เครียด 5 เครียดมาก) และ 3Æ5 (1 ใจ 5 ไม่มั่นใจ) กลุ่มควบคุม 3Æ0 และ 3Æ4 สำหรับกลุ่มทดลอง บทสรุปของการ การจำลองความชัดระดับปานกลางเป็นเทคนิคการฝึกอบรมที่เป็นประโยชน์ มันทำให้กลุ่มนักเรียนฝึกฝนในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และควบคุมการตอบสนองอย่างเพียงพอในสถานการณ์การดูแลผู้ป่วยวิกฤต ฝึกอบรมประเภทนี้อย่างมีคุณค่าเพื่อให้นักเรียน มีทักษะทางเทคนิค และทางเทคนิคอย่างน้อยก่อนที่พวกเขาใช้ในการตั้งค่าแบบฝึกหัดได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดประสงค์ จุดมุ่งหมายของการวิจัยนี้คือการที่จะนำเสนอผลการศึกษาที่ได้รับการออกแบบเพื่อตรวจสอบผลของการฝึกอบรมการจำลองสถานการณ์บนพื้นฐานของนักเรียนพยาบาลทักษะทางคลินิกและความสามารถ.
พื้นหลัง การใช้เต็มรูปแบบ, มีเหตุผล, จำลองทางการแพทย์สำหรับการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์มีมากขึ้นและร่วมกันมากขึ้น การเข้าถึงเทคโนโลยีนี้จะง่ายกว่าที่เคยเป็นมาก่อนด้วยการเปิดศูนย์การจำลองหลายทั่วโลกและความพร้อมในตลาดของการจำลองผู้ป่วยที่มีความซับซ้อนมากขึ้นและราคาไม่แพง แต่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พิสูจน์ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะดีกว่าเทคนิคแบบดั้งเดิมมากขึ้นในการศึกษาของตัวอย่างเช่นนักศึกษาพยาบาลระดับปริญญาตรี.
วิธี ก่อนเรียน / การออกแบบหลังการทดสอบเป็นลูกจ้างที่มีอาสาสมัครนักศึกษาระดับปริญญาตรี (n ¼ 99) จากปีที่สองประกาศนียบัตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาในโปรแกรมการพยาบาลในสหราชอาณาจักรโดยใช้ 15 สถานีวัตถุประสงค์การตรวจสอบทางคลินิกที่มีโครงสร้าง นักเรียนที่ได้รับการจัดสรรโดยการสุ่มทั้งการควบคุมหรือกลุ่มที่ประสบจิต กลุ่มทดลองเช่นเดียวกับต่อไปนี้ Curri-culum ปกติของพวกเขาได้สัมผัสกับจำลองการฝึกอบรม ต่อจากนั้นนักเรียนทุกคนเป็นอีกครั้งที่การทดสอบเสร็จสมบูรณ์และแบบสอบถาม เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างปี 2001 และ 2003
ผล กลุ่มควบคุมและการทดลองปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาในสองวัตถุประสงค์การตรวจสอบทางคลินิกที่มีโครงสร้าง หมายถึงคะแนนการทดสอบตามลำดับเพิ่มขึ้นจาก7Æ18และ14Æ18คะแนนร้อยละ ความแตกต่างระหว่างความหมายเป็นนัยสำคัญทางสถิติ (p <0Æ001) แต่การรับรู้ของนักเรียนของความเครียดและความเชื่อมั่นวัดใน 5 จุดขนาด Likert เป็นลักษณะคล้ายกันมากระหว่างกลุ่มที่2Æ9 (1, ไม่เครียด 5, เครียดมาก) และ3Æ5 (1, มั่นใจมาก 5, ไม่มั่นใจ) สำหรับกลุ่มควบคุมและ3Æ0และ3Æ4สำหรับกลุ่มทดลอง สรุปผลการวิจัย จำลองกลางความจงรักภักดีเป็นเทคนิคการฝึกอบรมที่มีประโยชน์ ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มเล็ก ๆ ของนักเรียนที่จะปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและการควบคุมวิธีการตอบสนองอย่างเพียงพอในสถานการณ์ที่การดูแลผู้ป่วยที่สำคัญ ประเภทของการฝึกอบรมนี้มีคุณค่ามากที่จะจัดให้นักเรียนที่มีอย่างน้อยทักษะทางด้านเทคนิคและไม่ใช่เทคนิคก่อนที่พวกเขาใช้พวกเขาในการตั้งค่าการปฏิบัติ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จุดมุ่งหมาย วัตถุประสงค์ของการวิจัยนี้ เพื่อเสนอผลการศึกษาออกแบบมาเพื่อตรวจสอบผลของสถานการณ์จำลองบนพื้นฐานทักษะทางคลินิกและความสามารถของนักศึกษาพยาบาล .
พื้นหลัง ใช้เต็มรูปแบบ , มีเหตุผล , จำลองทางการแพทย์สำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการฝึกอบรมเป็นมากขึ้นและทั่วไปการเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วยการเปิดศูนย์จำลองต่าง ๆทั่วโลก และพร้อมใช้งานในตลาดที่ซับซ้อนมากขึ้นและราคาไม่แพง จําลองผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวมากกว่าเทคนิคแบบดั้งเดิมมากขึ้นในการศึกษาของตัวอย่าง นักศึกษาพยาบาลระดับปริญญาตรี .
วิธีการ เป็นแบบทดสอบก่อน / หลังใช้กับอาสาสมัครนักศึกษา ( N ¼ 99 ) จากปี 2 ระดับอุดมศึกษาหลักสูตรพยาบาลในสหราชอาณาจักรใช้วัตถุประสงค์ 15 สถานีโครงสร้างทางคลินิกการตรวจ นักเรียนที่สุ่มเพื่อให้ควบคุมจิตใจหรือมีประสบการ ) กลุ่มทดลอง ตลอดจน culum curri ตามปกติของมันได้รับการฝึกในสถานการณ์จำลอง ต่อมานักเรียนทุกคนกำลังทดสอบและแบบสอบถามที่สมบูรณ์ เก็บรวบรวมข้อมูลระหว่างปี 2001 และ 2003 .
ผลลัพธ์ ควบคุมและกลุ่มทดลอง ปรับปรุงประสิทธิภาพของพวกเขาในวัตถุประสงค์ที่สอง โครงสร้างการตรวจสอบทางคลินิก หมายถึงคะแนน ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจาก 18 และ 14 7 กู้กู้ได้ร้อยละ 18 คะแนนความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( p < 0 กู้ 001 ) อย่างไรก็ตาม นักศึกษาของความเครียดและความเชื่อมั่น วัดและมาตรวัดแบบไลเคิร์ต ก็คล้ายกันมากระหว่างกลุ่มที่ 2 กู้ 9 ( 1 , ไม่เคร่งเครียด ; 5 , เครียดมาก ) และ 3 กู้ 5 ( 1 , มั่นใจ ; 5 ไม่มั่นใจ ) สำหรับกลุ่มควบคุม และ กู้ และกู้ 3 0 3 4 กลุ่ม สรุปจำลองความจงรักภักดีกลางเป็นเทคนิคการฝึกอบรมที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้กลุ่มเล็ก ๆของนักเรียนได้ฝึกในที่ที่ปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่ควบคุมวิธีการตอบสนองอย่างเพียงพอในสถานการณ์การดูแลผู้ป่วยเป็นสำคัญ ประเภทของการฝึกอบรมนี้จะมีคุณค่ามากเพื่อให้นักเรียนที่มีขั้นต่ำของทักษะทางเทคนิคและไม่ใช่ด้านเทคนิคก่อนที่จะใช้ในการฝึก