The aim of our study was not only t

The aim of our study was not only to improve the knowledge about breastfeeding but mainly to support the fathers to recognize and accept their relevant role in the success of breastfeeding, to improve their capacity of empowering the self-confidence of the mother, and to support and encourage her to go on with breastfeeding, mainly when problems with lactation occur and can represent risk factors for breastfeeding interruption. The significant decrease of perceived milk insufficiency and of interruption of breastfeeding because of problems among the mothers of the intervention group of this study seems to support the efficacy of this approach. Moreover, teaching the fathers seems to represent a valid and cost-effective intervention21,23,24 when we consider that other educational interventions led by volunteer counselors and health professionals have shown a not yet well-established influence on breastfeeding rates.69 The advantages of intervention based on the fathers rather than on volunteers and health professionals can be represented by the emotional support and the continuity of care that the father can provide and by the fact that some women can be reluctant to ask for help from people who are not part of the family.6 The weaknesses of this study are represented by the limited numbers of participants enrolled, by the single-hospital setting, and by sequential rather than random allocation of the participants. However, we think that because the participants and the interviewers were genuinely blind to the study design, the method that we chose provided valid data. Furthermore, it should be noted that the rates of breastfeeding are higher in this study compared with other Italian data,4,9,28 even when women who were not considering breastfeeding were not included; thus, the reproducibility of our results in other, less favorable context needs to be investigated. The strengths are represented by the fact that all consecutive participants with inclusion criteria in both groups were enrolled and agreed to participate in the study, by the complete follow-up of the study groups, and by the observation that the effect of the intervention occurred mainly among women who had problems, those who really needed help from their partners. Information provided to the fathers on how to prevent and manage lactation difficulties and how to support their partners seems to be a valid way to help women to breastfeed. Moreover, even though an economic evaluation of this intervention was not one of the objectives of this study, it should be noted that the 10% increase in full breastfeeding rates that result from such an intervention can reduce the health care cost of formula feeding,29 and father's education and training should be recommended as the "11th step" for successful breastfeeding. Finally, to give responsibilities to the fathers from soon after birth and to ask their active cooperation to improve infant feeding could represent an effective way of enhancing parental relationships, bonding, and social skills and of preventing emotional deprivation and child abuse.30 It would be of interest to use this simple intervention test in other populations to determine its degree of universality.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดประสงค์ของการศึกษาของเราไม่เพียงแต่ การปรับปรุงความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนม แต่ส่วนใหญ่ จะสนับสนุนพ่อการรับรู้ และยอมรับบทบาทของตนที่เกี่ยวข้องในความสำเร็จของการเลี้ยงลูกด้วยนม เพิ่มความจุของการส่งเสริมความมั่นใจของแม่ เพื่อสนับสนุน และส่งเสริมให้เธอไป ด้วยเลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนใหญ่เมื่อปัญหาเกี่ยวกับการให้นมบุตรเกิดขึ้น และสามารถแสดงถึงปัจจัยเสี่ยงต่อการหยุดชะงักของการให้นมบุตรได้ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ของนมรับรู้ไม่เพียงพอ และ การหยุดชะงักของการให้นมบุตรเนื่องจากปัญหาระหว่างคุณแม่ของกลุ่มแทรกแซงของการศึกษานี้น่าจะ สนับสนุนประสิทธิภาพของวิธีการนี้ นอกจากนี้ สอนพ่อดูเหมือนจะ เป็นตัวแทนของ intervention21 ถูกต้อง และคุ้มค่า 23, 24 เมื่อเราพิจารณาว่า แทรกแซงอื่น ๆ การศึกษานำ โดยอาสาสมัครที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้แสดงความไม่ได้ดีขึ้นมีผลให้นมลูก rates.69 ข้อดีของการแทรกแซงจากพ่อ มากกว่าอาสาสมัคร และบุคลากรสามารถแสดง โดยการสนับสนุนทางอารมณ์และความต่อเนื่อง ของบิดาสามารถให้การดูแล และ ความจริงที่ว่าผู้หญิงบางคนอาจอยาก ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ไม่เป็นส่วนหนึ่งของ family.6 ที่แสดงถึงจุดอ่อนของการศึกษานี้ โดยจำนวนจำกัด ของผู้เรียนที่ลงทะเบียน โดยการตั้งค่าโรงพยาบาลเดี่ยว และการปันส่วนตามลำดับ มากกว่าการสุ่มของผู้เข้าร่วม อย่างไรก็ตาม เราคิดว่า เพราะผู้เข้าร่วมและผู้นั้นเคยถูกการตาบอดอย่างแท้จริงเพื่อศึกษาออกแบบ วิธีการที่เราเลือกให้ข้อมูลที่ถูกต้อง นอกจากนี้ มันควรจะสังเกตว่า อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมจะสูงขึ้นในการศึกษานี้เปรียบเทียบกับข้อมูลอื่น ๆ อิตาลี 4, 9, 28 แม้ว่าผู้หญิงที่ถูกพิจารณาให้นมลูกไม่ถูกรวมอยู่ ดังนั้น reproducibility ของผลลัพธ์ใน ขัดบริบทต้องถูกตรวจสอบ จุดแข็งจะแสดง ความจริงที่ว่าทุกคนติดต่อกันกับหลักเกณฑ์การรวมในกลุ่มเข้าร่วม และยอมรับการมีส่วนร่วมในการศึกษา โดยติดตามกลุ่มศึกษาสมบูรณ์ และสังเกตว่า ผลของการแทรกแซงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ในหมู่ผู้หญิงที่มีปัญหา ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากพันธมิตรของพวกเขาจริง ๆ ให้ข้อมูลเพื่อพ่อในการป้องกัน และจัดการปัญหาด้านการให้นม และวิธีการสนับสนุนพันธมิตรของพวกเขาน่าจะ เป็นวิธีถูกต้องจะช่วยหญิงให้นมบุตร นอกจากนี้ แม้การแทรกแซงนี้ประเมินเศรษฐกิจไม่หนึ่งในจุดประสงค์ของการศึกษานี้ ควรสังเกตว่า เพิ่มขึ้น 10% ในอัตราการให้นมบุตรเต็มที่เป็นผลจากการแทรกแซงดังกล่าวสามารถลดต้นทุนสุขภาพของผง 29 และบิดาการศึกษา และฝึกอบรมควรจะแนะนำเป็น "11 ขั้นตอน" การเลี้ยงลูกด้วยนมประสบความสำเร็จ ในที่สุด ให้พ่อจากความรับผิดชอบทันทีที่เกิด และขอความร่วมมือที่ใช้งานอยู่เพื่อปรับปรุงการให้อาหารทารกสามารถแสดงวิธีที่มีประสิทธิภาพ ของการเสริมสร้างความสัมพันธ์หลัก พันธะ และทักษะทางสังคม และ การป้องกันการกีดกันทางอารมณ์และเด็ก abuse.30 มันจะน่าสนใจที่ใช้ทดสอบนี้แทรกแซงง่ายในประชากรอื่น ๆ เพื่อกำหนดระดับของของ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดมุ่งหมายของการศึกษาของเราไม่ได้เป็นเพียงเพื่อพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนม แต่ส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนบรรพบุรุษที่จะรับรู้และยอมรับบทบาทที่เกี่ยวข้องของพวกเขาในความสำเร็จของการให้นมแม่เพื่อปรับปรุงความสามารถของพวกเขาในการเสริมสร้างศักยภาพความมั่นใจในตนเองของแม่และเพื่อสนับสนุน และกระตุ้นให้เธอไปกับการเลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่เมื่อมีปัญหากับการให้นมบุตรเกิดขึ้นและสามารถเป็นตัวแทนของปัจจัยเสี่ยงต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมหยุดชะงัก การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของการรับรู้ไม่เพียงพอนมและการหยุดชะงักของการให้นมแม่เพราะปัญหาของมารดาของกลุ่มแทรกแซงการศึกษาครั้งนี้ดูเหมือนจะสนับสนุนประสิทธิภาพของวิธีการนี​​้ นอกจากนี้การเรียนการสอนบรรพบุรุษที่ดูเหมือนว่าจะเป็นตัวแทนของ intervention21,23,24 ที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพเมื่อเราพิจารณาว่าการแทรกแซงการศึกษาอื่น ๆ นำโดยที่ปรึกษาอาสาสมัครและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้แสดงให้เห็นอิทธิพลยังไม่ดีขึ้นในการเลี้ยงลูกด้วยนม rates.69 ข้อดีของ การแทรกแซงอยู่บนพื้นฐานของบรรพบุรุษมากกว่าในอาสาสมัครและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสามารถแสดงโดยการสนับสนุนทางอารมณ์และความต่อเนื่องของการดูแลที่พ่อสามารถให้บริการและความจริงที่ว่าผู้หญิงบางคนอาจจะลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ family.6 ที่จุดอ่อนของการศึกษาครั้งนี้โดยมีตัวแทนจำนวน จำกัด ของผู้เข้าร่วมลงทะเบียนโดยการตั้งค่าเดียวโรงพยาบาลและต่อเนื่องมากกว่าการจัดสรรแบบสุ่มของผู้เข้าร่วม แต่เราคิดว่าเป็นเพราะผู้เข้าร่วมและสัมภาษณ์ได้อย่างแท้จริงคนตาบอดในการออกแบบการศึกษาวิธีการที่เราเลือกที่มีให้ข้อมูลที่ถูกต้อง นอกจากนี้ก็ควรจะตั้งข้อสังเกตว่าอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมที่สูงขึ้นในการศึกษานี้เปรียบเทียบกับข้อมูลอื่น ๆ ในอิตาลี, 4,9,28 แม้ในขณะที่ผู้หญิงที่ไม่ได้รับการพิจารณาให้นมลูกไม่ได้ถูกรวม; ดังนั้นการทำสำเนาผลของเราคนอื่น ๆ ในบริบทที่ดีน้อยจะต้องมีการตรวจสอบ จุดแข็งที่เป็นตัวแทนจากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้เข้าร่วมติดต่อกันทั้งหมดที่มีเกณฑ์การคัดเลือกทั้งสองกลุ่มได้รับการคัดเลือกและตกลงที่จะมีส่วนร่วมในการศึกษาโดยสมบูรณ์ติดตามกลุ่มศึกษาและโดยการสังเกตว่าผลกระทบของการแทรกแซงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ ในกลุ่มผู้หญิงที่มีปัญหาผู้ที่ต้องการจริงๆความช่วยเหลือจากพันธมิตรของพวกเขา ข้อมูลที่ให้ไว้กับบรรพบุรุษกับวิธีการป้องกันและจัดการความยากลำบากในการให้นมและวิธีการที่จะสนับสนุนพันธมิตรของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้หญิงให้นมลูก นอกจากนี้แม้ว่าการประเมินผลทางเศรษฐกิจของการแทรกแซงนี้ไม่ได้เป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้ก็ควรจะตั้งข้อสังเกตว่าการเพิ่มขึ้น 10% ในอัตราที่เลี้ยงลูกด้วยนมเต็มรูปแบบที่เป็นผลมาจากการแทรกแซงสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพของการให้อาหารสูตร 29 และการศึกษาของพ่อและการฝึกอบรมควรจะแนะนำเป็น "ขั้นตอนที่ 11" สำหรับการเลี้ยงลูกด้วยนมที่ประสบความสำเร็จ สุดท้ายเพื่อให้ความรับผิดชอบต่อบรรพบุรุษจากในเร็ว ๆ นี้หลังคลอดและจะขอความร่วมมืองานของพวกเขาในการปรับปรุงการให้นมทารกจะเป็นตัวแทนของวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของผู้ปกครองพันธะและทักษะทางสังคมและการป้องกันการกีดกันทางอารมณ์และเด็ก abuse.30 มันจะเป็น สนใจที่จะใช้ทดสอบการแทรกแซงง่ายในประชากรอื่น ๆ เพื่อกำหนดระดับของความเป็นสากล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จุดมุ่งหมายของการศึกษาของเราคือไม่เพียง แต่เพื่อพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ส่วนใหญ่สนับสนุนบิดารับรู้และยอมรับบทบาทที่เกี่ยวข้องของพวกเขาในความสำเร็จของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของการเสริมสร้างความมั่นใจของแม่ และเพื่อสนับสนุน และส่งเสริมให้เขาไปบนกับนม ส่วนใหญ่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกับนมและ สามารถเป็นตัวแทนของปัจจัยเสี่ยงสำหรับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การขัดจังหวะ การลดลงอย่างมากของการรับรู้ของการหยุดชะงักของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และนมไม่เพียงพอ เพราะปัญหาของมารดาของกลุ่มการศึกษาครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะสนับสนุนประสิทธิภาพของวิธีการนี้ นอกจากนี้ สอนพ่อดูเหมือนว่าจะเป็นตัวแทนที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ intervention21,23,24 เมื่อเราพิจารณาว่า การแทรกแซงการศึกษาอื่น ๆที่นำโดยที่ปรึกษาอาสาสมัครและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพได้แสดงยังไม่ ดีขึ้น มีผลต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ rates.69 ข้อดีของการแทรกแซงจากบรรพบุรุษมากกว่าอาสาสมัครและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่สามารถแทนได้ด้วยการสนับสนุนทางอารมณ์และความต่อเนื่องของการดูแล ที่พ่อจะให้ และโดยข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้หญิงบางคนอาจจะลังเลที่จะขอความช่วยเหลือจากผู้ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว 6 จุดอ่อนของการศึกษานี้จะแสดงโดยตัวเลขที่ จำกัด ของผู้ลงทะเบียน โดยเดี่ยวโรงพยาบาลตั้ง และต่อเนื่องมากกว่า รา ndom จัดสรรของผู้เข้าร่วม แต่เราคิดว่า เพราะผู้เข้าร่วมและผู้สัมภาษณ์ตาบอดอย่างแท้จริงเพื่อ ศึกษารูปแบบ วิธีการที่เราเลือกให้ข้อมูลที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ควรสังเกตว่า อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จะสูงกว่าในการศึกษานี้ เมื่อเทียบกับข้อมูลอิตาลี อื่น ๆ , 4,9,28 แม้ผู้หญิงที่ไม่ได้พิจารณานมไม่รวม ดังนั้น ยักษา ของเราใน อื่น ๆ , บริบทดีน้อยจะต้องได้รับการสอบสวน พร้อมทั้งแสดงโดยข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ที่มีการติดต่อกันทั้งหมดเกณฑ์ทั้ง 2 กลุ่มได้รับการลงทะเบียนเรียนและตกลงที่จะเข้าร่วมในการศึกษา โดยการติดตามที่สมบูรณ์ของกลุ่มศึกษาและสังเกตว่าผลของการแทรกแซงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ของผู้หญิงที่มีปัญหา ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากพันธมิตรของพวกเขา ข้อมูลที่ให้ไว้แก่บรรพบุรุษในวิธีการป้องกัน และจัดการเกี่ยวกับปัญหาและวิธีการสนับสนุนคู่ค้าของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นวิธีที่ถูกต้องเพื่อช่วยให้ผู้หญิงให้นมลูก . นอกจากนี้ แม้ว่าการประเมินผลทางเศรษฐกิจของการแทรกแซงนี้ไม่ได้เป็นหนึ่งในวัตถุประสงค์ของการศึกษานี้ มันควรจะสังเกตว่า 10 % เพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในเต็มซึ่งเป็นผลมาจากการแทรกแซงดังกล่าวสามารถลดต้นทุนของการดูแลสุขภาพสูตรอาหาร , 29 และ การศึกษาของบิดา และการฝึกอบรมควรเป็น " ขั้นตอน " 11 ที่ประสบความสําเร็จในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สุดท้าย เพื่อให้รับผิดชอบต่อบรรพบุรุษจากหลังจากเกิด และขอให้ความร่วมมือที่ใช้งานของพวกเขาเพื่อปรับปรุงให้อาหารทารกจะแสดงวิธีที่มีประสิทธิภาพของการส่งเสริมความสัมพันธ์ของพันธะและทักษะทางสังคม และป้องกันการสูญเสียทางอารมณ์และเด็ก abuse.30 มันจะน่าสนใจที่จะใช้ทดสอบการแทรกแซงนี้ง่ายในประชากรอื่น ๆเพื่อตรวจสอบระดับของ ความเป็นสากล .