Even today, in a world of skyscrape

Even today, in a world of skyscrapers, the Colosseum is hugely impressive. It stands as a glorious but troubling monument to Roman imperial power and cruelty. Inside it, behind those serried ranks of arches and columns, Romans for centuries cold-bloodedly killed literally thousands of people whom they saw as criminals, as well as professional fighters and animals.






... the amphitheatre and its associated shows are the quintessential symbols of Roman culture.



Indeed, it was the amphitheatre's reputation as a sacred spot where Christian martyrs had met their fate that saved the Colosseum from further depredations by Roman popes and aristocrats - anxious to use its once glistening stone for their palaces and churches. The cathedrals of St Peter and St John Lateran, the Palazzo Venezia and the Tiber's river defences, for example, all exploited the Colosseum as a convenient quarry.

As a result of this plunder, and also because of fires and earthquakes, two thirds of the original have been destroyed, so that the present Colosseum is only a shadow of its former self, a noble ruin.

The Colosseum was started in the aftermath of Nero's extravagance and the rebellion by the Jews in Palestine against Roman rule. Nero, after the great fire at Rome in AD 64, had built a huge pleasure palace for himself (the Golden House) right in the centre of the city. In 68, faced with military uprisings, he committed suicide, and the empire was engulfed in civil wars.

The eventual winner Vespasian (emperor 69-79) decided to shore up his shaky regime by building an amphitheatre, or pleasure palace for the people, out of the booty from the Jewish War - on the site of the lake in the gardens of Nero's palace. The Colosseum was a grand political gesture. Suitably for that great city, it was the largest amphitheatre in the Roman world, capable of holding some 50,000 spectators.

Eventually there were well over 250 amphitheatres in the Roman empire - so it is no surprise that the amphitheatre and its associated shows are the quintessential symbols of Roman culture.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทุกวันนี้ ในโลกของตึกระฟ้า โคลอสเซียมได้น่าประทับใจอย่างมหาศาล มันยืนเป็นอนุสาวรีย์ที่รุ่งโรจน์ แต่ปัญหาอำนาจโรมันอิมพีเรียลและโหดร้าย ภายใน หลังเหล่ายศ serried อาร์เชสและคอลัมน์ โรมศตวรรษ cold-bloodedly ฆ่าพันคนที่เห็นเป็น อาชญากร เป็นนักรบมืออาชีพ และสัตว์...อัฒจันทร์และแสดงความเชื่อมโยงเป็นสัญลักษณ์รี่ของวัฒนธรรมแน่นอน มันเป็นชื่อของอัฒจันทร์เป็นจุดศักดิ์สิทธิ์ที่อนุสรณ์ผู้เสียสละที่คริสเตียนได้พบชะตากรรมของพวกเขาที่โคลอสเซียมบันทึกไว้จาก depredations เพิ่มเติมโดยพระสันตะปาปาโรมันและ aristocrats - กระตือรือร้นในการใช้หินเป็นประกายเมื่อพระราชวังและโบสถ์ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และเซนต์จอห์นลาเตรัน เวเน เซียซโซ และ defences แม่น้ำของแม่น้ำไทเบอร์ ตัวอย่าง ทั้งหมดสามารถโคลอสเซียมเป็นเหมืองที่สะดวกจากนี้ปล้น และไฟและแผ่นดินไหว สองในสามของเดิมได้ถูกทำลาย ให้โคลอสเซียมปัจจุบันเป็นเพียงเงาของตนเองอดีต ทำลายโนเบิลโคลอสเซียมถูกเริ่มต้นในควันหลงของความฟุ่มเฟือยของ Nero และการกบฏ โดยชาวยิวในปาเลสไตน์กับโรมันกฎ Nero หลังจากไฟไหม้ดีที่โรมใน AD 64 ได้สร้างวังใหญ่สุขตน (บ้านทอง) ในศูนย์กลางของเมือง ใน 68 ประสบกับการลุกฮือทหาร ยอมรับว่าจะฆ่าตัวตาย และอาณาจักรที่สูง ๆ ในสงครามกลางเมืองผู้ชนะใน Vespasian (จักรพรรดิ 69-79) ตัดสินใจจุนระบอบของเขาเสียงสั่น โดยการสร้างอัฒจันทร์ การพาความสุขสำหรับคน จาก booty จากสงครามยิว - กับของทะเลสาบในสวนของพระราชวังของ Nero โคลอสเซียมมีรูปแบบทางการเมืองแกรนด์ เหมาะสมสำหรับเมือง มันเป็นอัฒจันทร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกโรมัน สามารถจัดเก็บผู้ชม 50000 บางในที่สุดมี amphitheatres ดีกว่า 250 ในจักรวรรดิโรมัน - ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่า อัฒจันทร์และแสดงความเชื่อมโยงเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมรี่

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แม้กระทั่งวันนี้ในโลกของตึกระฟ้า, โคลีเซียมเป็นที่น่าประทับใจอย่างมหาศาล มันยืนเป็นอนุสาวรีย์รุ่งโรจน์ แต่หนักใจสู่อำนาจของจักรวรรดิโรมันและความโหดร้าย อยู่ข้างหลังแถวตามลำดับไหล่บรรดาโค้งและคอลัมน์โรมันมานานหลายศตวรรษเย็น bloodedly ฆ่าตายนับพันคนที่พวกเขาเห็นว่าอาชญากรเช่นเดียวกับนักสู้มืออาชีพและสัตว์. ... อัฒจันทร์และการแสดงที่เกี่ยวข้องเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นแก่นสาร . ของวัฒนธรรมโรมันอันที่จริงมันเป็นชื่อเสียงของอัฒจันทร์เป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่พลีชีพคริสเตียนได้พบกับชะตากรรมของพวกเขาที่ช่วยโคลีเซียมจากการปล้นสะดมต่อไปโดยพระสันตะปาปาโรมันและขุนนาง- กังวลที่จะใช้หินครั้งเดียววาววับสำหรับพระราชวังและโบสถ์ของพวกเขา มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์และเซนต์จอห์น Lateran ที่ Palazzo Venezia และแม่น้ำไทเบอร์ของการป้องกันแม่น้ำเช่นทุกเอาเปรียบโคลีเซียมเป็นเหมืองสะดวก. อันเป็นผลมาจากการปล้นครั้งนี้และยังเป็นเพราะไฟไหม้และแผ่นดินไหวสองในสามของ เดิมได้ถูกทำลายเพื่อให้โคลีเซียมในปัจจุบันเป็นเพียงเงาของตัวเองในอดีตของตนทำลายขุนนาง. โคลีเซียมเริ่มต้นในผลพวงของความสิ้นเปลืองของ Nero และการก่อจลาจลโดยชาวยิวในปาเลสไตน์ต่อต้านการปกครองของโรมัน Nero หลังจากที่ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่กรุงโรมในปี ค.ศ. 64 ได้สร้างพระราชวังความสุขที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเอง (โกลเด้นเฮ้าส์) ในใจกลางของเมือง ใน 68 ต้องเผชิญกับการลุกฮือของทหารเขาฆ่าตัวตายและอาณาจักรที่ถูกห้อมล้อมด้วยสงครามกลางเมือง. ผู้ชนะในที่สุด Vespasian (จักรพรรดิ 69-79) ตัดสินใจที่จะขึ้นฝั่งระบอบการปกครองของเขาสั่นคลอนด้วยการสร้างอัฒจันทร์หรือพระราชวังความสุขสำหรับคนที่ จากโจรจากสงครามยิว - บนเว็บไซต์ของทะเลสาบในสวนของพระราชวังของ Nero ที่ โคลีเซียมเป็นท่าทางทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ เหมาะสมสำหรับเมืองที่ดีก็เป็นอัฒจันทร์ใหญ่ที่สุดในโลกโรมันที่มีความสามารถในการถือครอง 50,000 ชม. ในที่สุดก็มีดีกว่า 250 amphitheatres ในจักรวรรดิโรมัน - ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อัฒจันทร์ไม่มีและการแสดงที่เกี่ยวข้องเป็นแก่นสาร สัญลักษณ์ของวัฒนธรรมโรมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แม้วันนี้ ในโลกของตึกระฟ้า , โคลอสเซียม เป็นที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก . มันยืนเป็นรุ่งโรจน์ แต่หนักใจอนุสาวรีย์จักรวรรดิโรมันอำนาจและความโหดร้าย ข้างใน ข้างหลังตำแหน่งเหล่านั้นซึ่งอัดแน่นของซุ้มประตูและเสาโรมันศตวรรษที่เย็น bloodedly ฆ่าตายหลายพันคน ที่พวกเขาเห็นเป็นอาชญากร เป็นนักสู้มืออาชีพและสัตว์






. . . . . . .อัฒจันทร์ และแสดงความสัมพันธ์ของสัญลักษณ์ที่เป็นแก่นสารของวัฒนธรรมโรมัน .



มันคือชื่อเสียงของอัฒจันทร์เป็นจุดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มรณสักขีในศาสนาคริสต์ได้พบกับชะตากรรมของพวกเขาที่บันทึกไว้จากโคลอสเซียม ผิดหวังต่อไปโดยพระสันตะปาปาอาณาจักรโรมันและขุนนาง - กังวลที่จะใช้เมื่อที่หินของพระราชวังและโบสถ์ที่มหาวิหารเซนต์ ปีเตอร์ และเซนต์ จอห์น ลาเตรัน , Palazzo Venezia แม่น้ำเลยและแม่น้ำป้องกันเช่นทั้งหมดจากโคลอสเซียม เป็นหินที่สะดวก

เป็นผลของการปล้นครั้งนี้ และยัง เพราะไฟและแผ่นดินไหว สองในสามของเดิมถูกทำลาย ดังนั้น โคลอสเซียม ปัจจุบัน คือ เพียงเงาของตัวเองในอดีต การทำลายคุณธรรม .

โคลีเซียมถูกเริ่มต้นในผลพวงของเนโรคือความฟุ่มเฟือยและการจลาจล โดยชาวยิวในปาเลสไตน์ต่อต้านการปกครองของโรมัน Nero หลังจากที่ดีไฟที่กรุงโรมใน ค.ศ. 64 ได้สร้างพระราชวังความสุขมากสำหรับตัวเอง ( เรือนทอง ) ขวาในศูนย์กลางของเมือง ใน 68 , เผชิญกับการลุกฮือของทหาร เขาฆ่าตัวตาย และจักรวรรดิจึงตกอยู่ในสงครามกลางเมือง .

ในที่สุดผู้ชนะเวสปาเซียน ( จักรพรรดิ 69-79 ) ตัดสินใจขึ้นฝั่งระบอบการปกครองสั่นคลอนของเขา โดยการสร้างอัฒจันทร์ หรือวังสุขให้ประชาชน จากโจร จากสงครามยิว - บนเว็บไซต์ของทะเลสาบในสวนของเนโร วัง โคลอสเซียมเป็นแกรนด์ท่าทางการเมือง . ที่เหมาะสมสำหรับเมืองใหญ่ มันเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก โรมัน สามารถถือบาง 50000 ผู้ชม

ในที่สุดก็มีดีกว่า 250 อัฒจันทร์ในจักรวรรดิโรมัน - ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อัฒจันทร์ และแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของสัญลักษณ์ที่เป็นแก่นสารของวัฒนธรรมโรมัน