Aloe vera oil is made from the mace

Aloe vera oil is made from the maceration of the aloe vera plant and infused with a base oil, such as soybean, almond or apricot, resulting in an aloe vera oil extract. The botanical classification is of the family "aloceae," and the genus "aloe vera."

Aloe vera is a plant that grows in clumps, with thick, waxy leaves. It is grey-green in color and is considered a perennial, which means it is a plant that lives more than two years. It is further classified as a succulent, meaning it is a water-retaining plant, thus its "fat" appearance.

For many years, aloe vera has been recognized for a variety of health benefits. Copious research has found that not only does the aloe vera extract aid in healing from burns as well as reducing scarring and inflammation, the aloe vera juice can also be used internally as a laxative and to treat asthma, peptic ulcers and other digestive disorders. Aloe vera oil has been shown to be effective in treating diabetes, constipation and a poor appetite as well as enhancing the overall immune system.

Aloe vera oil has exhibited anti-viral, anti-bacterial, anti-fungal and anti-inflammatory properties. Containing a host of beneficial compounds, the aloe vera extract has also been shown interesting results when used in conjunction with conventional cancer treatment. It can influence and stimulate assorted factors of the immune system by reducing the inflammation and blood supply to tumors, and can prevent certain compounds from being absorbed by the liver.
Externally, aloe vera oil can be used to induce cell regeneration, treat skin conditions such as psoriasis, eczema, acne and skin ulcers, as well as surgical wounds. This is thought to be because aloe vera oil contains vitamin E and C, as well as zinc and polysaccharides which aid in stimulating epidermal growth and cell repair.

As if that weren't enough, the aloe vera oils have shown rejuvenating and healing benefits in massage therapy, have been effective in killing the virus that causes herpes and shingles, and have shown a positive result in remission of certain skin cancers.

The aloe vera extract contains many health benefits proven by extensive research. Talk to your doctor or health practitioner about the advantages of adding aloe vera to your health regimen.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

น้ำมันว่านจาก maceration พืชว่านหางจระเข้ และผสมกับน้ำมันพื้นฐาน เช่นถั่วเหลือง อัลมอนด์ หรือแอปริคอ ท ในสารสกัดน้ำมันว่านหางจระเข้ การจำแนกทางพฤกษศาสตร์เป็นของครอบครัว "aloceae" และสกุล "ว่านหางจระเข้"ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่เติบโตในกลุ่มก้อน มีหนา แว็กซี่ใบ มันเป็นสีเขียวเทาสี และถือว่ายืนต้น ซึ่งหมายความ ว่า พืชที่อาศัยอยู่มากกว่าสองปี การจัดเป็นแบบฉ่ำ ความหมาย มันเป็นพืชรักษาน้ำ ดังนั้นลักษณะของ "ไขมัน"หลายปี ว่านหางจระเข้ได้รับการยอมรับความหลากหลายของประโยชน์ต่อสุขภาพ Copious การวิจัยพบว่า ไม่เพียงไม่สารสกัดว่านหางจระเข้ช่วย ในการรักษาจากการเผาไหม้และลดการอักเสบและรอยแผลเป็น น้ำว่านหางจระเข้ยังสามารถใช้ เป็นยาระบายภายใน และ การรักษาโรคหอบหืด แผล peptic และโรคอื่น ๆ น้ำมันว่านหางจระเข้ได้รับการแสดงที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคเบาหวาน อาการท้องผูก และการเบื่ออาหาร ตลอดจนการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมน้ำมันว่านหางจระเข้ได้แสดงคุณสมบัติป้องกันไวรัส ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันเชื้อรา และต้านการอักเสบ ประกอบด้วยของสารที่เป็นประโยชน์ สารสกัดว่านหางจระเข้ยังได้การแสดงผลที่น่าสนใจเมื่อใช้ร่วมกับการรักษามะเร็งทั่วไป มันสามารถมีอิทธิพล และกระตุ้นปัจจัยสารพันของระบบภูมิคุ้มกันโดยการลดการอักเสบและเลือดเนื้องอก และการสามารถป้องกันไม่ให้สารบางอย่างถูกดูดซึมโดยตับภายนอก น้ำมันว่านหางจระเข้สามารถใช้เพื่อก่อให้เกิดการฟื้นฟูเซลล์ รักษาโรคผิวหนัง เช่นโรคสะเก็ดเงิน กลาก สิว และแผลผิวหนัง แผลผ่าตัด นี้เป็นความคิดที่เกิดจากน้ำมันว่านหางจระเข้ประกอบด้วยวิตามิน E และ C เป็นสังกะสี และไรด์ซึ่งช่วยในการกระตุ้นผิวหนังเจริญเติบโตและเซลล์ซ่อมแซมว่าที่ยังไม่พอ น้ำมันว่านได้แสดงการฟื้นฟู และรักษาสิทธิประโยชน์ในการนวดบำบัด ได้รับผลในการฆ่าไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริมและงูสวัด และได้แสดงผลบวกตัวของมะเร็งผิวหนังบางอย่างสารสกัดว่านหางจระเข้ประกอบด้วยประโยชน์มากมายพิสูจน์วิจัย พูดคุยกับผู้ประกอบการแพทย์หรือสุขภาพของคุณเกี่ยวกับข้อดีของการเพิ่มว่านหางจระเข้การปกครองสุขภาพของคุณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

น้ำมันว่านหางจระเข้ที่ทำจากการหมักของพืชว่านหางจระเข้และอบอวลไปด้วยน้ำมันพื้นฐานเช่นถั่วเหลือง, อัลมอนด์หรือแอปริคอทส่งผลให้สารสกัดจากน้ำมันว่านหางจระเข้ การจัดหมวดหมู่พฤกษศาสตร์เป็นของครอบครัว "aloceae" และประเภท "ว่านหางจระเข้." ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่เจริญเติบโตในดง, มีความหนาใบข้าวเหนียว มันเป็นสีเทาสีเขียวสีและถือว่าเป็นไม้ยืนต้นซึ่งหมายความว่ามันเป็นพืชที่อาศัยอยู่มานานกว่าสองปีที่ผ่านมา มันเป็นอีกจัดเป็นฉ่ำซึ่งหมายความว่ามันเป็นน้ำรักษาพืชจึงว่า "ไขมัน" ลักษณะ. เป็นเวลาหลายปีว่านหางจระเข้ได้รับการยอมรับสำหรับความหลากหลายของประโยชน์ต่อสุขภาพ การวิจัยมากมายได้พบว่าไม่เพียง แต่ช่วยสารสกัดจากว่านหางจระเข้ในการรักษาจากการเผาไหม้เช่นเดียวกับการลดรอยแผลเป็นและการอักเสบ, น้ำว่านหางจระเข้ยังสามารถนำมาใช้ภายในเป็นยาระบายและการรักษาโรคหอบหืด, แผลในกระเพาะอาหารและโรคทางเดินอาหารอื่น ๆ น้ำมันว่านหางจระเข้ได้รับการแสดงที่จะมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคเบาหวาน, ท้องผูกและกระหายที่ไม่ดีเช่นเดียวกับการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยรวม. น้ำมันว่านหางจระเข้ได้แสดงป้องกันไวรัส, ป้องกันแบคทีเรีย, ป้องกันเชื้อราและต้านการอักเสบคุณสมบัติ ที่มีโฮสต์ของสารที่เป็นประโยชน์, สารสกัดจากว่านหางจระเข้ยังได้รับการแสดงผลที่น่าสนใจเมื่อใช้ร่วมกับการรักษาโรคมะเร็งแบบเดิม มันสามารถมีอิทธิพลและกระตุ้นปัจจัยสารพันของระบบภูมิคุ้มกันโดยการลดการอักเสบและเลือดไปเลี้ยงเนื้องอกและสามารถป้องกันไม่ให้สารบางอย่างจากการถูกดูดซึมโดยตับ. ภายนอกน้ำมันว่านหางจระเข้สามารถนำมาใช้เพื่อก่อให้เกิดการฟื้นฟูเซลล์, การรักษาสภาพผิวเช่น โรคสะเก็ดเงินกลากสิวและผิวแผลเช่นเดียวกับแผลผ่าตัด นี่คือความคิดที่จะเป็นเพราะน้ำมันว่านหางจระเข้มีวิตามินอีและซีเช่นเดียวกับสังกะสีและ polysaccharides ซึ่งช่วยในการกระตุ้นการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมผิวหนังเซลล์. ราวกับว่าไม่เพียงพอ, น้ำมันว่านหางจระเข้ได้แสดงให้เห็นการฟื้นฟูและรักษาผลประโยชน์ใน การนวดบำบัดได้รับประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคเริมและงูสวัดและได้แสดงให้เห็นผลในเชิงบวกในการบรรเทาอาการของโรคมะเร็งผิวหนังบางอย่าง. สารสกัดจากว่านหางจระเข้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายพิสูจน์โดยการวิจัยอย่างกว้างขวาง พูดคุยกับแพทย์หรือสุขภาพผู้ประกอบการเกี่ยวกับข้อดีของการเพิ่มว่านหางจระเข้ระบบการปกครองสุขภาพของคุณ