1. How can existing customers be id

1. How can existing customers be identified in terms of profitability? To accomplish this, firms need to do two things. First, they must align information databases around the customer, using CIFs, rather than around products as is the traditional approach. Instead of data files being organized by product, with customers listed several times if they buy several products (e.g., a bank customer might be listed in a checking-account file, a savings-account file, a home-loan file, etc.), the data files must be organized by customer, with the products and affiliated revenues stored by customer. Many firms, especially financial and business-to-business firms, have begun to store product revenues by customer and are therefore able to examine customer tiers as described in the examples above. The second necessity is to understand, to record, and to store the costs associated with each customer in their customer files, a daunting task for service firms. While the accounting approach of activity-based costing (ABC) is useful, in many cases the allocation of service costs to customers is arbitrary at best. Ultimately, it is necessary that the management information system include a summary profitability figure for each customer that can be accessed easily. This is the number that is used to construct the customer tiers and that will be a guide as to how to best manage the customer relationship with each customer (see Zeithaml et al. 1999 for more details).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1.สามารถลูกค้าที่มีอยู่ระบุในผลกำไรหรือไม่ การทำ บริษัทจำเป็นต้องทำสองสิ่ง ครั้งแรก พวกเขาต้องจัดฐานข้อมูลลูกค้า ใช้ CIFs สถาน มากกว่าสถานผลิตภัณฑ์เป็นเป็นวิธีแบบดั้งเดิม แทนแฟ้มข้อมูล การจัดระเบียบตามสินค้า มีลูกค้าอยู่หลายครั้งถ้าพวกเขาซื้อผลิตภัณฑ์หลาย (เช่น ลูกค้าธนาคารอาจถูกแสดงในแฟ้มการตรวจสอบบัญชี แฟ้มบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ การกู้บ้านแฟ้ม ฯลฯ), ต้องจัดระเบียบแฟ้มข้อมูลลูกค้า สินค้าและรายได้ที่เก็บจากลูกค้าในเครือได้ หลายบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจต่อธุรกิจ และการเงินบริษัท ได้เริ่มเก็บรายได้ผลิตภัณฑ์ลูกค้า และดังนั้นสามารถตรวจสอบระดับของลูกค้าตามที่อธิบายไว้ในตัวอย่างข้างต้น สิ่งที่สองคือ เข้าใจ บันทึก และเก็บต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าแต่ละรายในแฟ้มลูกค้า งานบริษัทบริการให้ยุ่งยาก ในขณะที่วิธีการลงบัญชีของกิจกรรมโดยคิดต้นทุน (ABC) เป็นประโยชน์ ในหลายกรณี การปันส่วนต้นทุนการบริการกับลูกค้าได้กำหนดดีที่สุด ในที่สุด ได้ว่า ระบบข้อมูลการจัดการรวมตัวเลขสรุปผลกำไรสำหรับลูกค้าแต่ละรายที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย นี้เป็นหมายเลขที่ใช้ในการสร้างระดับลูกค้า และว่า จะได้แนะนำไปส่วนจัดการความสัมพันธ์ลูกค้ากับลูกค้าแต่ละราย (ดู Zeithaml et al. 1999 รายละเอียดเพิ่มเติม)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. ลูกค้าที่มีอยู่สามารถระบุได้ในแง่ของการทำกำไร? เพื่อให้บรรลุนี้ บริษัท ต้องทำสองสิ่ง ก่อนที่พวกเขาจะต้องจัดฐานข้อมูลลูกค้าข้อมูลรอบโดยใช้ CIFs มากกว่ารอบผลิตภัณฑ์เป็นวิธีการแบบดั้งเดิม แทนที่จะไฟล์ข้อมูลที่ถูกจัดขึ้นโดยผลิตภัณฑ์กับลูกค้าระบุไว้หลายครั้งว่าพวกเขาซื้อสินค้าหลาย (เช่นลูกค้าธนาคารอาจจะมีการระบุไว้ในแฟ้มบัญชีตรวจสอบแฟ้มบัญชีเงินฝากออมทรัพย์, ไฟล์บ้านเงินกู้ ฯลฯ ) ไฟล์ข้อมูลจะต้องมีการจัดขึ้นโดยลูกค้าที่มีผลิตภัณฑ์และรายได้ร่วมจัดเก็บโดยลูกค้า หลาย บริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการเงินและ บริษัท ธุรกิจกับธุรกิจได้เริ่มการจัดเก็บรายได้ของผลิตภัณฑ์โดยลูกค้าและดังนั้นจึงสามารถที่จะตรวจสอบชั้นลูกค้าตามที่อธิบายไว้ในตัวอย่างข้างต้น ความจำเป็นที่สองคือการเข้าใจในการบันทึกและการจัดเก็บค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าแต่ละรายในไฟล์ของลูกค้าของพวกเขาเป็นงานที่น่ากลัวสำหรับ บริษัท ที่ให้บริการ ขณะที่วิธีการบัญชีของต้นทุนฐานกิจกรรม (ABC) จะเป็นประโยชน์ในหลาย ๆ กรณีการจัดสรรค่าใช้จ่ายในการบริการให้กับลูกค้าโดยพลการเป็นที่ที่ดีที่สุด ในที่สุดก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการรวมถึงตัวเลขการทำกำไรสรุปสำหรับลูกค้าแต่ละรายที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย นี่คือหมายเลขที่ใช้ในการสร้างชั้นของลูกค้าและที่จะแนะนำเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้ากับลูกค้าแต่ละราย (ดู Zeithaml et al. 1999 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . ทำไมลูกค้าต้องระบุในแง่ของกำไร ? เพื่อให้บรรลุนี้ บริษัท ต้องทำสองสิ่ง อย่างแรกพวกเขาต้องจัดข้อมูลของฐานข้อมูลรอบลูกค้า โดยใช้ Demand มากกว่ารอบผลิตภัณฑ์เป็นวิธีการแบบดั้งเดิม แทนของแฟ้มข้อมูลถูกจัดโดยผลิตภัณฑ์กับลูกค้าไว้หลาย ๆ ครั้งหากพวกเขาซื้อผลิตภัณฑ์หลาย ( เช่นลูกค้าธนาคารจะได้รับการระบุไว้ในการตรวจสอบแฟ้มบัญชี แฟ้มบัญชี แฟ้มสินเชื่อบ้าน ฯลฯ ) , ข้อมูลไฟล์ต้องจัดโดยลูกค้า ด้วยผลิตภัณฑ์และรายได้ของบริษัทในเครือที่จัดเก็บโดยลูกค้า หลายบริษัท โดยเฉพาะด้านการเงิน และธุรกิจไปยัง บริษัท ธุรกิจได้เริ่มจัดเก็บรายได้ของผลิตภัณฑ์ลูกค้าและดังนั้นจึงสามารถที่จะตรวจสอบข้อมูลลูกค้าตามที่อธิบายในตัวอย่างข้างต้น ประโยชน์ที่สองคือการเข้าใจ การบันทึก และการจัดเก็บค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับแต่ละลูกค้าในไฟล์ของลูกค้า เป็นงานที่ยุ่งยากสำหรับ บริษัท บริการ ในขณะที่วิธีการบัญชีต้นทุนฐานกิจกรรม ( ABC ) เป็นประโยชน์ในหลายกรณีการจัดสรรต้นทุนการบริการลูกค้าเป็นหนึ่งในดีที่สุด ในที่สุด , มันเป็นสิ่งจำเป็นที่ระบบสารสนเทศ ได้แก่ ตัวเลขกำไรสรุปสำหรับแต่ละลูกค้าที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายนี่เป็นเบอร์ที่ใช้ในการสร้างลูกค้าชั้นและนั่นจะเป็นคู่มือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการลูกค้าสัมพันธ์กับลูกค้าแต่ละราย ( ดู Zeithaml et al . ปี 1999 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม )