The obtained results in the present

The obtained results in the present study are confirmed with previous recorded reports. In this concern, it was reported that biological control agents have achieved success under field conditions. Among the hundreds of organisms identified as potential biological disease control agents, only few have resulted in proving commercially acceptable controls of these diseases [36]. Also, it is evident that antagonistic bio-agent can affect plant resistance to a pathogen either by inducing the basal level of defense reactions immediately after treatment or by enhancing a capacity for rapid and effective activation of cellular defense responses [37]. These reports could confirm the obtained results in the present study. Furthermore, several proposed nonfungicidal approaches, including the use of biological control with antagonistic microorganisms, heat treatment, induction of resistance, natural fungicides and plant extracts, and essential oils, have been extensively studied. Unfortunately, none of them, when used alone, can provide satisfactory levels of disease control when compared with synthetic fungicides [38–41]. Thus, an integrated disease control strategy has been investigated in the present study which is expected to provide high efficacy to bio-control agent, essential oil, and compost in combination. Also, data obtained in the present study (Tables 3 and 4) showed effectiveness of applied compost either alone or in combination with bio-agent and/or essential oils against disease incidence and yield increase as well. Several studies were conducted with the use of compost as control measure against soil-borne diseases. In this respect, the incidence of several soil-borne plant pathogens has also been reduced by using composts made of different raw materials [14–18]. Since [42] first suggested compost could be used as a peat substitute to control root pathogens, bio-control research has increasingly focused on developing the right combination of composts and antagonistic microbes. Trichoderma in combination with composts from agricultural wastes, for example, was used to suppress Rhizoctonia solani in cucumber seedlings [19], and Trichoderma sp. and sewage sludge compost were used to suppress Fusarium wilt of tomato [17]. Currently, it is believed that a combination of antagonistic microbes with mature compost may be more efficient in inhibiting disease than using single antagonistic microbial strains or compost alone [8, 17, 19]. Utilization of composts to minimize organic waste pollution and to reduce the addition of chemical fertilizers and fungicides in crop production is a promising strategy for both the present and the future. Furthermore, the used essential oils, thyme, rose, and lemongrass, are reported to contain many volatile compounds [43], so it seems that the antifungal effects are the result of compounds acting synergistically. This means that the individual components by themselves are not sufficiently effective. Similar results were also reported by many researchers indicating the efficacy of essential oils as antifungal inhibitors for a large number of soil-borne pathogens [44–46]. The mode by which microorganisms are inhibited by essential oils and their chemical compounds seems to involve different mechanisms. It has been hypothesized that the inhibition involves phenolic compounds, because these compounds sensitize the phospholipid bilayer of the microbial cytoplasmic membrane causing increased permeability and unavailability of vital intracellular constituents [47]. Many authors emphasized that the antimicrobial effect of essential oil constituents has been dependent on their hydrophobicity and partition in the microbial plasmatic membrane. Effect of specific ions due to their addition had a great effect on intracellular ATP content, and overall activity of microbial cells, including turgor pressure control, solutes transport, and metabolism regulation [48].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ได้รับผลในการศึกษาปัจจุบันได้รับการยืนยัน ด้วยรายงานที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ ในเรื่องนี้ มันรายงานว่า ควบคุมตัวแทนประสบความสำเร็จภายใต้ฟิลด์เงื่อนไข หนึ่งในร้อยของสิ่งมีชีวิตที่เป็นตัวแทนการควบคุมโรคทางชีวภาพศักยภาพ เพียงไม่กี่มีผลในการพิสูจน์ยอมรับในเชิงควบคุมโรคเหล่านี้ [36] นอกจากนี้ จะเห็นไบโอแทนที่เป็นปรปักษ์มีผลต่อพืชความต้านทานต่อเชื้อโรคเป็น โดยการกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาป้องกันระดับแรกเริ่มทันทีหลังการรักษา หรือเพิ่มความสามารถที่เปิดใช้งานอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพตอบสนองการป้องกันโทรศัพท์มือถือ [37] รายงานเหล่านี้สามารถยืนยันการได้รับผลในการศึกษาปัจจุบัน นอกจากนี้ เสนอ nonfungicidal วิธีการต่าง ๆ รวมทั้งการใช้ควบคุมจุลินทรีย์ปรปักษ์ ความร้อน เตาแม่เหล็กไฟฟ้าของความต้านทาน เชื้อราจากธรรมชาติ และสารสกัดจากพืช และ น้ำมัน มีการศึกษาอย่างกว้างขวาง อับ ไม่มีพวกเขา เมื่อใช้คนเดียว สามารถให้การควบคุมโรคเมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อราสังเคราะห์ [38 – 41] ในระดับน่าพอใจ ดังนั้น ได้รับการตรวจสอบกลยุทธ์การควบคุมโรคแบบบูรณาการในการศึกษาซึ่งคาดว่าจะให้ประสิทธิภาพสูงแทนการควบคุมทางชีวภาพ น้ำมัน และปุ๋ยหมักรวมกัน นอกจากนี้ ข้อมูลประสิทธิภาพศึกษา (ตาราง 3 และ 4) แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันของปุ๋ยหมักที่ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว หรือร่วมกับตัวแทนทางชีวภาพหรือน้ำมันกับอุบัติการณ์ของโรคและผลผลิตเพิ่มขึ้นเช่นกัน หลายการศึกษาได้ดำเนินการ ด้วยการใช้ปุ๋ยหมักเป็นมาตรการควบคุมป้องกันโรคที่ติดต่อจากดิน ชืน อุบัติการณ์ของเชื้อโรคพืชที่พัดพาดินหลายมียังถูกลด โดยใช้ composts ที่ทำจากวัตถุดิบต่าง ๆ [14-18] ปุ๋ยหมักแนะนำแรก [42] สามารถใช้ทดแทนพรุเพื่อควบคุมเชื้อโรคราก วิจัยชีวภาพควบคุมได้มากขึ้นเน้นพัฒนาผสมของ composts และจุลินทรีย์ปรปักษ์ Trichoderma ร่วมกับ composts จากเกษตรเสีย เช่น ใช้ระงับ Rhizoctonia solani แตงกวาต้นกล้า [19], และเอสพี Trichoderma และใช้ปุ๋ยหมักตะกอนสิ่งปฏิกูลการระงับเหี่ยว Fusarium ของมะเขือเทศ [17] ขณะนี้ เชื่อกันว่าที่ชุดของจุลินทรีย์ปรปักษ์กับปุ๋ยหมักที่เป็นผู้ใหญ่อาจจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมากกว่าการใช้สายพันธุ์จุลินทรีย์ปรปักษ์เดียวหรือปุ๋ยหมักเพียงอย่างเดียว [8, 17, 19] ใช้ composts เพื่อลดมลพิษขยะอินทรีย์ และลดการเพิ่มปุ๋ยเคมีและเชื้อราในการผลิตพืชเป็นกลยุทธ์แนวโน้มทั้งปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ การใช้น้ำมันหอมระเหย โหระพา กุหลาบ และ ตะไคร้ รายงานมีสารประกอบระเหยหลาย ๆ [43], เพื่อให้ดูเหมือนว่า ผลต้านเชื้อราที่มีผลของสารที่ทำหน้าที่สัมพันธ์ร่วม หมายความ ว่า แต่ละองค์ประกอบ โดยตัวเองจะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ นอกจากนี้ยังมีรายงานผลคล้ายกัน โดยนักวิจัยจำนวนมากบ่งชี้ประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยเป็นสารยับยั้งเชื้อราสำหรับจำนวนมากของดินที่พัดพาเชื้อโรค [44 – 46] โหมดซึ่งจุลินทรีย์ถูกยับยั้ง โดยน้ำมันหอมระเหย และสารประกอบทางเคมีของพวกเขาดูเหมือนจะ เกี่ยวข้องกับกลไกที่แตกต่างกัน มันมีการตั้งสมมติฐานว่า เกี่ยวข้องกับการยับยั้งสารฟีนอ เนื่องจากสารเหล่านี้ sensitize bilayer เรียมของเยื่อรายการเลือกจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการซึมผ่านที่เพิ่มขึ้นและไม่พร้อมใช้งานขององค์ประกอบการสกัด intracellular สำคัญ [47] หลายผู้เขียนเน้นให้ จุลชีพของสารประกอบน้ำมันได้ขึ้นบน hydrophobicity และพาร์ติชันในเมมเบรน plasmatic จุลินทรีย์ ผลของไอออนเฉพาะเนื่องจากการเพิ่มมีผลอย่างมากต่อการสกัด intracellular ATP เนื้อหา และกิจกรรมโดยรวมของจุลินทรีย์เซลล์ ควบคุมความดัน turgor, solutes ขนส่ง และควบคุมการเผาผลาญอาหาร [48]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลที่ได้รับในการศึกษาครั้งนี้ได้รับการยืนยันด้วยรายงานที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ ในความกังวลนี้มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมทางชีวภาพได้ประสบความสำเร็จภายใต้สภาพสนาม ระหว่างร้อยของสิ่งมีชีวิตทางชีววิทยาระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคที่อาจเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ที่มีผลในการพิสูจน์การควบคุมที่ยอมรับได้ในเชิงพาณิชย์ของโรคเหล่านี้ [36] นอกจากนี้ก็จะเห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ชีวภาพตัวแทนสามารถส่งผลกระทบต่อพืชต้านทานต่อเชื้อโรคได้โดยการกระตุ้นให้เกิดระดับฐานของปฏิกิริยาป้องกันทันทีหลังการรักษาหรือโดยการเสริมสร้างความสามารถในการเปิดใช้งานอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพของการตอบสนองการป้องกันโทรศัพท์มือถือ [37] เป็น รายงานเหล่านี้สามารถยืนยันผลที่ได้รับในการศึกษาในปัจจุบัน นอกจากนี้หลายเสนอแนวทาง nonfungicidal รวมถึงการใช้การควบคุมทางชีวภาพจุลินทรีย์ปฏิปักษ์รักษาความร้อน, การเหนี่ยวนำของความต้านทานต่อสารฆ่าเชื้อราธรรมชาติและสารสกัดจากพืชและน้ำมันหอมระเหยที่ได้รับการศึกษาอย่างกว้างขวาง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีของพวกเขาเมื่อใช้เพียงอย่างเดียวสามารถให้มีระดับความพึงพอใจของการควบคุมโรคเมื่อเทียบกับสารฆ่าเชื้อราสังเคราะห์ [38-41] ดังนั้นกลยุทธ์การควบคุมโรคแบบบูรณาการได้รับการตรวจสอบในการศึกษาครั้งนี้ซึ่งคาดว่าจะให้ประสิทธิภาพสูงกับตัวแทนชีวภาพควบคุมน้ำมันหอมระเหยและปุ๋ยหมักในการรวมกัน นอกจากนี้ข้อมูลที่ได้รับในการศึกษาปัจจุบัน (ตารางที่ 3 และ 4) แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของปุ๋ยหมักนำไปใช้อย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวหรือใช้ร่วมกับไบโอตัวแทนและ / หรือน้ำมันหอมระเหยกับอุบัติการณ์การเกิดโรคและเพิ่มผลผลิตได้เป็นอย่างดี การศึกษาหลายแห่งได้ดำเนินการที่มีการใช้ปุ๋ยหมักเป็นมาตรการควบคุมป้องกันโรคดินพัดพา ในแง่นี้อุบัติการณ์ของหลายดินที่เกิดจากเชื้อสาเหตุโรคพืชนอกจากนี้ยังได้รับการลดโดยใช้ปุ๋ยหมักที่ทำจากวัตถ​​ุดิบที่แตกต่างกัน [14-18] ตั้งแต่ [42] ปุ๋ยหมักแรกที่แนะนำสามารถนำมาใช้แทนพรุในการควบคุมเชื้อโรครากวิจัยชีวภาพควบคุมได้เน้นมากขึ้นในการพัฒนาสิทธิการรวมกันของปุ๋ยหมักและจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ เชื้อรา Trichoderma ร่วมกับปุ๋ยหมักจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเช่นถูกใช้ในการปราบปราม solani Rhizoctonia ในต้นกล้าแตงกวา [19] และเชื้อรา Trichoderma SP และสิ่งปฏิกูลกากตะกอนปุ๋ยหมักถูกนำมาใช้ในการปราบปรามเหี่ยว Fusarium มะเขือเทศ [17] ขณะนี้มีความเชื่อว่าการรวมกันของจุลินทรีย์ปฏิปักษ์กับปุ๋ยหมักผู้ใหญ่อาจจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการยับยั้งการเกิดโรคกว่าการใช้เพียงครั้งเดียวสายพันธุ์จุลินทรีย์ปฏิปักษ์หรือปุ๋ยหมักเพียงอย่างเดียว [8, 17, 19] การใช้ปุ๋ยหมักเพื่อลดมลพิษทางขยะอินทรีย์และเพื่อลดการเพิ่มของการใช้ปุ๋ยเคมีและสารฆ่าเชื้อราในการผลิตพืชเป็นกลยุทธ์ที่มีแนวโน้มสำหรับทั้งปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้การใช้น้ำมันหอมระเหยโหระพา, ดอกกุหลาบและตะไคร้มีรายงานว่ามีสารระเหยจำนวนมาก [43] ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าผลกระทบเชื้อราเป็นผลมาจากสารที่ทำหน้าที่ร่วม ซึ่งหมายความว่าแต่ละองค์ประกอบโดยตัวเองไม่ได้มีประสิทธิภาพเพียงพอ ผลที่คล้ายกันนอกจากนี้ยังได้รับรายงานจากนักวิจัยหลายคนแสดงให้เห็นประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยเป็นสารยับยั้งเชื้อราสำหรับจำนวนมากของโรคพืชในดินที่มีเชื้อ [44-46] โหมดโดยที่เชื้อจุลินทรีย์ยับยั้งด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารเคมีของพวกเขาดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับกลไกที่แตกต่างกัน มันได้รับการตั้งสมมติฐานว่าการยับยั้งเกี่ยวข้องกับสารประกอบฟีนอเพราะสารเหล่านี้มีความรู้สึก bilayer เรียมของเยื่อนิวเคลียสของจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดการซึมผ่านที่เพิ่มขึ้นและความไม่พร้อมขององค์ประกอบภายในเซลล์ที่สำคัญ [47] เขียนหลายคนย้ำว่าผลกระทบต่อยาต้านจุลชีพขององค์ประกอบน้ำมันหอมระเหยที่ได้รับขึ้นอยู่กับไฮโดรและพาร์ติชันของพวกเขาในเมมเบรน plasmatic จุลินทรีย์ ผลของไอออนเฉพาะเนื่องจากการเพิ่มของพวกเขามีผลอย่างมากต่อเนื้อหาภายในเซลล์เอทีพีและกิจกรรมโดยรวมของเซลล์จุลินทรีย์รวมถึงการควบคุมความดัน turgor, การขนส่งสารและการควบคุมการเผาผลาญอาหาร [48]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลการทดลองในการศึกษาได้รับการยืนยันกับก่อนหน้านี้บันทึกรายงาน ในปัญหานี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมทางชีวภาพได้บรรลุความสำเร็จในภาวะภาคสนาม ในหมู่ร้อยของสิ่งมีชีวิตที่ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคทางชีวภาพที่อาจเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ที่มีผลในการควบคุมโรคเหล่านี้ได้พิสูจน์ในเชิงพาณิชย์ [ 36 ] นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า ปฏิปักษ์ ไบโอ ตัวแทนสามารถส่งผลกระทบต่อพืชต้านทานเชื้อโรคทั้งโดยการกระตุ้นระดับแรกเริ่มของปฏิกิริยาการป้องกันทันทีหลังการรักษา หรือ เพิ่มความจุได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพการตอบสนองการป้องกันโทรศัพท์มือถือ [ 37 ] รายงานเหล่านี้สามารถยืนยันผลที่ได้รับในการศึกษาปัจจุบัน นอกจากนี้ การเสนอแนวทางหลาย nonfungicidal รวมถึงการใช้จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ควบคุมทางชีวภาพ , การรักษาความร้อน , การชักนำความต้านทานสารเคมีและสารสกัดจากพืชธรรมชาติและน้ำมันหอมระเหยได้รับอย่างกว้างขวาง ) แต่น่าเสียดายที่ไม่มีของพวกเขา เมื่อใช้เพียงอย่างเดียวสามารถให้เป็นที่พอใจของระดับการควบคุมโรคเมื่อเทียบกับสารเคมีสังเคราะห์ 38 ) [ 41 ] ดังนั้น การบูรณาการกลยุทธ์การควบคุมโรคได้ถูกใช้ในการศึกษา ซึ่งคาดว่าจะให้ประสิทธิภาพสูงเพื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมน้ำมันชีวภาพ และปุ๋ยหมักในการรวมกัน นอกจากนี้ ข้อมูลที่ได้ในการศึกษา ( ตารางที่ 3 และ 4 ) มีประสิทธิผลของการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพียงอย่างเดียวหรือร่วมกับตัวแทนทางชีวภาพและ / หรือน้ำมันหอมระเหยต่ออุบัติการณ์และเพิ่มผลผลิตรวมทั้งโรค การศึกษาหลายแห่งได้ดำเนินการด้วยการใช้ปุ๋ยหมักเป็นมาตรการในการควบคุมป้องกันโรคทางดิน . ในส่วนนี้ , อุบัติการณ์ของหลายโรคพืชทางดิน ก็ถูกลดลง โดยการใช้ปุ๋ยหมักที่ทำจากวัตถุดิบที่แตกต่างกัน [ 14 – 18 ] ตั้งแต่ [ 42 ] แนะนำปุ๋ยอินทรีย์ที่สามารถใช้ทดแทนพีทเพื่อควบคุมเชื้อโรครากการวิจัยการควบคุมไบโอได้มากขึ้นที่มุ่งเน้นการพัฒนา การรวมกันทางด้านขวาของปุ๋ยหมักและเชื้อจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ มาใช้ร่วมกับปุ๋ยหมักจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น ถูกใช้เพื่อยับยั้งเชื้อราในแตงกวาต้นกล้า [ 19 ] และ Trichoderma sp . และกากปุ๋ยหมักเพื่อใช้ปราบปราม Fusarium เหี่ยวของมะเขือเทศ [ 17 ] ในปัจจุบัน เชื่อกันว่า การรวมกันของจุลินทรีย์ปฏิปักษ์กับปุ๋ยหมักเป็นผู้ใหญ่อาจจะเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งโรคมากกว่าการใช้จุลินทรีย์ปฏิปักษ์สายพันธุ์เดียวหรือปุ๋ยหมักคนเดียว [ 8 , 17 , 19 ) การใช้ปุ๋ยหมักเพื่อลดมลพิษ และลดขยะอินทรีย์และปุ๋ยเคมี และสารเคมีในการผลิตพืชที่เป็นกลยุทธ์หลักทั้งปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ การใช้น้ำมันหอมระเหย , โหระพา , กุหลาบ , และตะไคร้ มีรายงานว่ามีหลายระเหย [ 43 ] ดังนั้นดูเหมือนว่าผลของเชื้อราเป็นผลของสารประกอบทำซี . ซึ่งหมายความว่าแต่ละส่วนประกอบด้วยตนเอง ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ผลที่คล้ายกันยังรายงานโดยนักวิจัยหลายคนแสดงประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยเป็นสารยับยั้งการเจริญของเชื้อราสำหรับจำนวนขนาดใหญ่ของดินจุลินทรีย์ก่อโรค [ 44 - 46 ] โหมดที่จุลินทรีย์จะถูกยับยั้งโดยการระเหยและสารประกอบทางเคมีของพวกเขาดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับกลไกที่แตกต่างกัน มีการตั้งสมมติฐานว่า สาร เกี่ยวข้องกับ สารประกอบฟีนอล เพราะสารเหล่านี้กระตุ้นการรับรู้ของจุลินทรีย์ชนิดฟอสโฟลิปิดสองชั้นนี้ทำให้เพิ่มการซึมผ่าน และ unavailability ของการเป็นองค์ประกอบสําคัญ [ 47 ] ผู้เขียนหลายคนเน้นว่าผลการต้านจุลชีพของน้ำมันระเหยที่ได้รับขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของบรรจุภัณฑ์เยื่อ plasmatic พาร์ทิชันในจุลินทรีย์ ผลของไอออนโดยเฉพาะเนื่องจากพวกเขามีผลดีในการเอทีพี เนื้อหาและกิจกรรมโดยรวมของจุลินทรีย์ เซลล์ รวมทั้งควบคุมความดันแล้วรู้สึการขนส่งและการควบคุมเมแทบอลิซึม [ 48 ]