Jupiter is perpetually covered with

Jupiter is perpetually covered with clouds composed of ammonia crystals and possibly ammonium hydrosulfide. The clouds are located in the tropopause and are arranged into bands of different latitudes, known as tropical regions. These are sub-divided into lighter-hued zones and darker belts. The interactions of these conflicting circulation patterns cause storms and turbulence. Wind speeds of 100 m/s (360 km/h) are common in zonal jets.[41] The zones have been observed to vary in width, color and intensity from year to year, but they have remained sufficiently stable for astronomers to give them identifying designations.[21]

The cloud layer is only about 50 km (31 mi) deep, and consists of at least two decks of clouds: a thick lower deck and a thin clearer region. There may also be a thin layer of water clouds underlying the ammonia layer, as evidenced by flashes of lightning detected in the atmosphere of Jupiter. This is caused by water's polarity, which makes it capable of creating the charge separation needed to produce lightning.[29] These electrical discharges can be up to a thousand times as powerful as lightning on the Earth.[42] The water clouds can form thunderstorms driven by the heat rising from the interior.[43]

The orange and brown coloration in the clouds of Jupiter are caused by upwelling compounds that change color when they are exposed to ultraviolet light from the Sun. The exact makeup remains uncertain, but the substances are believed to be phosphorus, sulfur or possibly hydrocarbons.[29][44] These colorful compounds, known as chromophores, mix with the warmer, lower deck of clouds. The zones are formed when rising convection cells form crystallizing ammonia that masks out these lower clouds from view.[45]

Jupiter's low axial tilt means that the poles constantly receive less solar radiation than at the planet's equatorial region. Convection within the interior of the planet transports more energy to the poles, balancing out the temperatures at the cloud layer.[2

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดาวพฤหัสบดีเป็นหนี้สินปกคลุม ด้วยเมฆที่ประกอบด้วยผลึกแอมโมเนีย และอาจ hydrosulfide แอมโมเนีย เมฆอยู่โทรโพพอส และในวงของ latitudes ต่าง ๆ เป็นเขตร้อน เหล่านี้จะถูกแบ่งย่อยเป็นไฟแช็ก hued โซนและเข้มเข็มขัด การโต้ตอบของรูปแบบเหล่านี้ไหลเวียนของความขัดแย้งทำให้เกิดพายุและความปั่นป่วน ความเร็วลม 100 m/s (360 km/h) ใช้กันทั่วไปในยัง jets[41] โซนมีการสังเกตการเปลี่ยนความกว้าง สี และความเข้มจากปี แต่พวกเขายังคงมีเสถียรภาพเพียงพอสำหรับนักดาราศาสตร์ให้บอกพวกเขาระบุ[21]ชั้นเมฆเป็นเพียงประมาณ 50 กิโลเมตร (31 mi) ลึก และประกอบด้วยเมฆน้อยสองสำรับ: ดาดฟ้าล่างหนาและบางภูมิภาคชัดเจน ยังอาจมีชั้นบาง ๆ ของน้ำเมฆต้นชั้นแอมโมเนีย เป็นเป็นหลักฐาน โดยแฟลชของฟ้าผ่าที่พบในบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีด้วย ซึ่งมีสาเหตุจากน้ำขั้ว ซึ่งทำให้ความสามารถในการสร้างค่าธรรมเนียมแยกการฟ้าผ่า[29] ปล่อยไฟฟ้าเหล่านี้ได้ถึงเวลาพันเป็นพลังเป็นฟ้าผ่าบนโลก[42] เมฆน้ำสามารถฟอร์มคะนองขับเคลื่อน ด้วยความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากภายใน[43]ย้อมสีส้ม และสีน้ำตาลในเมฆของดาวพฤหัสบดีจะเกิดจากสารประกอบ upwelling ที่เปลี่ยนสีเมื่อมีสัมผัสกับรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ แต่งหน้าแน่นอนยังคงไม่แน่นอน แต่เชื่อสารฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์ หรืออาจเป็นสารไฮโดรคาร์บอน[29][44] สารเหล่านี้มีสีสัน รู้จักกันเป็น chromophores ผสมกับดาดฟ้าล่างอุ่น เมฆ โซนจะเกิดขึ้นเมื่อฟอร์มเซลล์พา crystallizing แอมโมเนียที่มาสก์ออกเมฆต่ำจากมุมมองที่เพิ่มขึ้น[45]ความเอียงของแกนของดาวพฤหัสบดีต่ำหมายความ ว่า เสาที่รับรังสีแสงอาทิตย์น้อยกว่าในภูมิภาคที่เส้นศูนย์สูตรของโลกตลอดเวลา พาภายในภายในของดาวเคราะห์การขนส่งพลังงานเพิ่มเติมเพื่อหมุน ดุลออกอุณหภูมิในชั้นเมฆ[2

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดาวพฤหัสบดีถูกปกคลุมด้วยเมฆตลอดประกอบด้วยผลึกแอมโมเนียและอาจ hydrosulfide แอมโมเนียม เมฆจะอยู่ใน tropopause และถูกจัดให้เป็นแถบเส้นรุ้งที่แตกต่างกันที่รู้จักกันในภูมิภาคเขตร้อน เหล่านี้จะถูกแบ่งออกเป็นโซนเบา hued และเข็มขัดสีเข้ม ปฏิสัมพันธ์ของรูปแบบการไหลเวียนของความขัดแย้งเหล่านี้ก่อให้เกิดพายุและความวุ่นวาย ความเร็วลม 100 เมตร / วินาที (360 กิโลเมตร / ชั่วโมง) อยู่ทั่วไปในเขตไอพ่น. [41] โซนได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันในความกว้างของสีและความเข้มจากปีที่ปี แต่พวกเขายังคงมีเสถียรภาพพอที่จะให้นักดาราศาสตร์ พวกเขาระบุการกำหนด [21]. ชั้นเมฆเป็นเพียงประมาณ 50 กิโลเมตร (31 ไมล์) ลึกและประกอบด้วยอย่างน้อยสองชั้นของเมฆ: ชั้นล่างหนาและบางพื้นที่ที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังอาจจะเป็นชั้นบาง ๆ ของเมฆน้ำต้นแบบชั้นแอมโมเนียเป็นหลักฐานโดยฟ้าแลบตรวจพบในชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดี นี้เกิดจากขั้วของน้ำซึ่งจะทำให้ความสามารถในการสร้างการแยกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการผลิตฟ้าผ่า. [29] การปล่อยของเสียเหล่านี้ไฟฟ้าได้ถึงพันครั้งที่ทรงพลังเหมือนฟ้าผ่าในโลก. [42] เมฆน้ำสามารถสร้าง พายุฝนฟ้าคะนองแรงผลักดันจากความร้อนที่เพิ่มขึ้นมาจากภายใน. [43] สีส้มและสีน้ำตาลในเมฆของดาวพฤหัสบดีที่เกิดจากสารประกอบท่วมท้นที่เปลี่ยนสีเมื่อมีการสัมผัสกับแสงอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ แต่งหน้าที่แน่นอนยังคงมีความไม่แน่นอน แต่สารที่เชื่อว่าจะเป็นฟอสฟอรัสกำมะถันหรืออาจจะเป็นสารไฮโดรคาร์บอน. [29] [44] เหล่านี้สารที่มีสีสันเป็นที่รู้จัก chromophores ผสมกับอุ่นชั้นล่างของเมฆ โซนที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ที่เพิ่มขึ้นการหมุนเวียนรูปแบบตกผลึกแอมโมเนียที่มาสก์ออกเหล่านี้เมฆลดลงจากมุมมอง. [45] แกนเอียงต่ำของดาวพฤหัสบดีหมายความว่าเสาอย่างต่อเนื่องได้รับรังสีดวงอาทิตย์น้อยกว่าที่ภูมิภาคแถบเส้นศูนย์สูตรของโลก พาภายในการตกแต่งภายในของดาวเคราะห์ลำเลียงพลังงานมากขึ้นในเสาสมดุลอุณหภูมิที่ชั้นเมฆ. [2

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ดาวพฤหัสบดีเป็นนิตย์ปกคลุมด้วยเมฆแอมโมเนีย และอาจจะประกอบด้วยผลึกแอมโมเนียม hydrosulfide . เมฆอยู่ในซุปเปอร์ และจะจัดในแถบละติจูดที่แตกต่างกัน , ที่รู้จักกันเป็นภูมิภาคเขตร้อน เหล่านี้จะย่อยแบ่งออกเป็นโซนเบา hued และเข็มขัดที่เข้มขึ้น ปฏิสัมพันธ์เหล่านี้ขัดแย้งกันหมุนเวียนรูปแบบเพราะพายุและความวุ่นวายความเร็วลม 100 m / s ( 360 km / h ) จะพบในเครื่องบินแบบ [ 41 ] โซนได้รับการปฏิบัติแตกต่างกันไปในความกว้าง , สีและความเข้ม ปีต่อปี แต่พวกเขายังคงมีเสถียรภาพเพียงพอสำหรับนักดาราศาสตร์ให้ระบุรายละเอียด [ 21 ]

ชั้นเมฆเท่านั้น ประมาณ 50 กิโลเมตร ( 31 ไมล์ ) ลึกและประกอบด้วยอย่างน้อยสองชั้นของเมฆ : ดาดฟ้าล่างหนาและบาง ชัดเจน )นั่นอาจเป็นชั้นบาง ๆของน้ำ ( ชั้นเมฆแอมโมเนียเป็น evidenced โดยแสงของฟ้าผ่าที่ตรวจพบในบรรยากาศของดาวพฤหัสบดี นี้เกิดจากน้ำเป็นขั้วซึ่งทำให้มันมีความสามารถในการคิดแยกต้องผลิตสายฟ้า [ 29 ] ปล่อยไฟฟ้าเหล่านี้ได้ถึงพันครั้งมีประสิทธิภาพเช่นฟ้าผ่าบนโลก[ 42 ] น้ำเมฆสามารถสร้างพายุฝนฟ้าคะนองเกิดจากความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากภายใน [ 43 ]

สีส้มและสีน้ำตาลสีในเมฆของดาวพฤหัสบดี มีสาเหตุมาจากกระบวนการน้ำผุดสารประกอบที่เปลี่ยนสีได้เมื่อมีการสัมผัสกับแสงอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ การแต่งหน้าที่แน่นอนยังคงไม่แน่นอน แต่สารที่เชื่อว่าเป็นฟอสฟอรัส กำมะถัน หรืออาจจะเป็นไฮโดรคาร์บอน .[ 29 ] [ 44 ] ที่มีสีสันเหล่านี้ ซึ่งเรียกว่า การมีบุตรยาก ผสม กับ อุ่น กว่าชั้นของเมฆ โซนจะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์การพาความร้อนเพิ่มขึ้นรูปแบบถังแอมโมเนียหน้ากากออกเหล่านี้ลดเมฆจากมุมมอง [ 45 ]

ดาวพฤหัสต่ำแกนเอียงหมายความว่าเสาอย่างต่อเนื่องได้รับรังสีน้อยลงกว่าในแถบเส้นศูนย์สูตรของดาวเคราะห์พื้นที่การหมุนเวียนภายในของดาวเคราะห์ขนส่งพลังงานมากขึ้นกับเสา สมดุลออก อุณหภูมิในชั้นเมฆ [ 2