Geothermal energy is from thermal e

Geothermal energy is from thermal energy generated and stored in the Earth. Thermal energy is the energy that determines the temperature of matter. Earth's geothermal energy originates from the original formation of the planet (20%) and from radioactive decay of minerals (80%).[47] The geothermal gradient, which is the difference in temperature between the core of the planet and its surface, drives a continuous conduction of thermal energy in the form of heat from the core to the surface. The adjective geothermal originates from the Greek roots geo, meaning earth, and thermos, meaning heat.
The heat that is used for geothermal energy can be from deep within the Earth, all the way down to Earth's core – 4,000 miles (6,400 km) down. At the core, temperatures may reach over 9,000 °F (5,000 °C). Heat conducts from the core to surrounding rock. Extremely high temperature and pressure cause some rock to melt, which is commonly known as magma. Magma convects upward since it is lighter than the solid rock. This magma then heats rock and water in the crust, sometimes up to 700 °F (371 °C).[48]

From hot springs, geothermal energy has been used for bathing since Paleolithic times and for space heating since ancient Roman times, but it is now better known for electricity generation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พลังงานความร้อนใต้พิภพเป็นพลังงานความร้อนที่สร้างขึ้น และเก็บไว้ในแผ่นดินจาก พลังงานความร้อนเป็นพลังงานที่กำหนดอุณหภูมิของสสาร พลังงานความร้อนใต้พิภพของโลกต้นกำเนิด จากการก่อตัวเดิมของดาวเคราะห์ (20%) และผุตัวของสารกัมมันตรังสีของแร่ (80%) . [47] ใต้พิภพระดับสี ซึ่งเป็นความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างแกนของโลกและของพื้นผิว ไดรฟ์นำกระแสต่อเนื่องของพลังงานความร้อนในรูปของความร้อนจากหลักการพื้นผิว คุณศัพท์ความร้อนใต้พิภพมีต้นกำเนิดมาจากภาษากรีกรากแก้ว ความหมาย โลก และกระติกน้ำร้อน ความร้อนความหมายความร้อนที่ใช้พลังงานความร้อนใต้พิภพสามารถจากส่วนลึกภายในโลก วิธีทั้งหมดลงสู่พื้นดินของหลัก – 4000 ไมล์ (6400 km) ลง ที่หลัก อุณหภูมิอาจถึงกว่า 9000 ° F (5000 ° C) ความร้อนทำจากแกนหินไป ความดันและอุณหภูมิสูงมากทำให้หินบางหลอม ซึ่งโดยทั่วไปเรียกว่าหินหนืด หินหนืด convects ขึ้นเนื่องจากมีน้ำหนักเบากว่าหินแข็ง ผับนี้แล้ว heats หินและน้ำในเปลือก บางครั้งถึง 700 ° F (371 ° C)[48]จากน้ำพุร้อน พลังงานความร้อนใต้พิภพใช้ สำหรับอาบน้ำตั้งแต่ยุคหินเก่าเวลา และพื้นที่ที่ความร้อนตั้งแต่เวลาโรมันโบราณ แต่ก็ตอนนี้รู้จักกันดีในการผลิตไฟฟ้า