Soil organic matter (SOM) content i

Soil organic matter (SOM) content is generally regarded as one of the key indicators of soil quality (Riley et al., 2008). Maintaining adequate amount of SOM is particularly important for sustaining the productivity of an agro-ecosystem (Lal et al., 1999, Carter, 2002 and Ding et al., 2012). Numerous studies have found strong correlations among soil structure, soil aggregate stability and SOM content (Darwish et al., 1995 and Haynes and Naidu, 1998). For instance, some studies have shown that increase in SOM improves soil's aggregation, total porosity, hydraulic conductivity, water-holding capacity, resistance to water and wind erosion, and lowers bulk density and the degree of compaction (Celik et al., 2004 and Leroy et al., 2008). Otherwise, a decline in SOM content increased soil compaction which has a negative impact on root growth through reducing the supply of water and nutrients (Martinez and Zinck, 2004 and Celik et al., 2010). Bulk density is largely related with soil compaction, which alters the air-soil and water-soil interactions then further affects microbiological activity, nutrient uptake and water retention (Abu-Hamdeh, 2003 and Martinez and Zinck, 2004). Soil organic matter retains water and helps soil particles to bind and resist against soil compaction (Celik et al., 2010). Preserving an adequate amount of SOM stabilizes soil structure which makes the soil more resistant to degradation (Thomas et al., 1996). Excess use of chemical fertilizers, however, has resulted in a significant depletion of SOM and serious water and soil pollution (Liu et al., 2003a, Liu et al., 2003b, Minuto et al., 2006, Zhao et al., 2006, Li et al., 2007, Ju et al., 2009 and Zhen et al., 2014). Serious losses of SOM have deteriorated soil quality and crop productivity, which has spurred scientist to explore ways to restore SOM (Liu et al., 2010 and Ding et al., 2011). Studies have shown that maintaining SOM at optimum level can be achieved by fertilization practices (Zebarth et al., 1999, Wu et al., 2004, Yang et al., 2005, Blair et al., 2006, Verma and Sharma, 2007, Purakayastha et al., 2008 and Gong et al., 2009). However, perhaps as cost saving measure, more and more chemicals have been added to soils, which would further degrade soil quality. Researchers therefore urgently needed to continue investigating management practices that can reduce soil degradation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดินอินทรีย์ (SOM) เนื้อหาโดยทั่วไปถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญของคุณภาพดิน (ไรลีย์ et al. 2008) รักษาสมเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อผลผลิตของระบบนิเวศเกษตรแบบยั่งยืน (Lal et al. 1999, 2002 คาร์เตอร์และดิง et al. 2012) การศึกษาจำนวนมากพบความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างของดิน ดินรวมเสถียรภาพ และส้มเนื้อหา (Darwish et al. 1995 และอ้างอิง[แก้ และ Naidu, 1998) เช่น บางการศึกษาแสดงให้เห็นว่า เพิ่มขึ้นส้มช่วยเพิ่มรวมของดิน ความพรุนรวม การนำไฮโดรลิค น้ำ ความต้านทานการกัดกร่อนของน้ำและลม และลดความหนาแน่นและระดับของการบดอัด (Celik et al. 2004 และ Leroy et al. 2008) มิฉะนั้น ในเนื้อหามขึ้นบดอัดดินที่มีผลลบรากเจริญเติบโตผ่านการลดอุปทานของน้ำและสารอาหาร (มาร์ติเน และ Zinck, 2004 และ Celik et al. 2010) ความหนาแน่นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการบดอัดดิน ซึ่งเปลี่ยนแปลงโต้ตอบอากาศดินและน้ำดิน แล้วมีผลต่อกิจกรรมของจุลินทรีย์ การดูดซึมสารอาหาร และกักเก็บน้ำ (Abu Hamdeh, 2003 และมาร์ติเน และ Zinck, 2004) ดินอินทรีย์น้ำไว้ และช่วยให้อนุภาคของดินการผูก และต้านทานต่อการบดอัดดิน (Celik et al. 2010) พอส้มรักษารักษาโครงสร้างของดินทำให้ดินที่ทนต่อการย่อยสลาย (Thomas et al. 1996) ใช้ปุ๋ยเคมี อย่างไรก็ตาม มีผลในการสูญเสียที่สำคัญของส้มและมลพิษทางน้ำและดินที่ร้ายแรง (Liu et al. 2003a, 2003b, Liu et al. Minuto et al. 2006, Zhao et al. 2006, Li et al. 2007 เจิน et al. 2014 และจู et al. 2009) สูญเสียร้ายแรงของส้มได้เสื่อมโทรมดินพืชและคุณภาพผลผลิต ซึ่งได้กระตุ้นนักวิทยาศาสตร์สำรวจวิธีการคืนค่าส้ม (Liu et al. 2010 และดิง et al. 2011) ศึกษาแสดงให้เห็นว่า รักษาส้มที่ระดับที่เหมาะสมสามารถทำได้ โดยการปฏิสนธิปฏิบัติ (Zebarth et al. 1999, Wu et al. 2004, Yang et al. 2005 แบลร์ et al. 2006 โอฬาร์และชาร์ 2007, Purakayastha et al. 2008 และกง et al. 2009) อย่างไรก็ตาม อาจจะเป็นต้นทุนที่ประหยัดวัด สารเคมีมากขึ้น และเพิ่มการดิน ซึ่งต่อไปจะลดลงคุณภาพดิน นักวิจัยจึง จำเป็นเร่งด่วนต้องการตรวจสอบวิธีการบริหารจัดการที่สามารถลดการเสื่อมสภาพของดิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อินทรียวัตถุในดิน (SOM) เนื้อหาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของคุณภาพดิน (ไรลีย์ et al., 2008) การดูแลรักษาปริมาณที่เพียงพอของ SOM เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการผลิตอย่างยั่งยืนของระบบนิเวศเกษตร (ที่ Lal et al., 1999 คาร์เตอร์ 2002 และ Ding et al., 2012) การศึกษาจำนวนมากได้พบความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในหมู่โครงสร้างของดินมีความมั่นคงรวมดินและเนื้อหา SOM (Darwish et al., 1995 และเฮย์เนสและไน, 1998) ยกตัวอย่างเช่นการศึกษาบางส่วนได้แสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของ SOM ที่ช่วยเพิ่มการรวมตัวของดินพรุนรวมการนำไฮดรอลิจุของน้ำถือ, ทนต่อน้ำและการพังทลายของลมและช่วยลดความหนาแน่นและระดับของการบดอัด (Celik et al., 2004 Leroy et al., 2008) มิฉะนั้นการลดลงในเนื้อหาของ SOM ดินเพิ่มขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของรากผ่านการลดอุปทานของน้ำและสารอาหาร (มาร์ติเนและ Zinck 2004 และ Celik et al., 2010) ความหนาแน่นส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการบดอัดดินซึ่ง alters อากาศดินและน้ำดินปฏิสัมพันธ์แล้วต่อไปส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางจุลชีววิทยาดูดซึมสารอาหารและการกักเก็บน้ำ (อาบู Hamdeh, 2003 และมาร์ติเนและ Zinck, 2004) อินทรียวัตถุในดินยังคงมีน้ำและช่วยให้อนุภาคของดินในการผูกและต่อต้านกับดิน (Celik et al., 2010) การรักษาปริมาณที่เพียงพอของ SOM รักษาโครงสร้างของดินซึ่งทำให้ดินทนต่อการย่อยสลาย (โทมัส et al., 1996) การใช้งานเกินกว่าปุ๋ยเคมี แต่มีผลในการสูญเสียที่สำคัญของ SOM และน้ำและดินมลพิษร้ายแรง (Liu et al., 2003a, Liu et al., 2003b, Minuto et al., 2006, Zhao et al., 2006 หลี่ et al., 2007 จู et al., 2009 และ Zhen et al., 2014) ความสูญเสียร้ายแรงของ SOM ได้เสื่อมโทรมคุณภาพดินและผลผลิตพืชซึ่งได้กระตุ้นนักวิทยาศาสตร์ในการสำรวจวิธีการที่จะเรียกคืน SOM (Liu et al., 2010 Ding et al. 2011) การศึกษาได้แสดงให้เห็นว่าการรักษา SOM ในระดับที่เหมาะสมสามารถทำได้โดยการปฏิบัติปฏิสนธิ (Zebarth et al., 1999 Wu et al., 2004 Yang et al., 2005 แบลร์ et al., 2006 Verma และชาร์ปี 2007 Purakayastha et al., 2008 และฆ้อง et al., 2009) แต่บางทีอาจจะเป็นค่าใช้จ่ายประหยัดวัดสารเคมีมากขึ้นและได้รับการเพิ่มดินซึ่งต่อไปจะลดคุณภาพของดิน นักวิจัยจึงจำเป็นเร่งด่วนที่จะดำเนินการตรวจสอบการบริหารจัดการที่สามารถลดความเสื่อมโทรมของดิน