Wetlands are very sensitive ecosyst

Wetlands are very sensitive ecosystems, functioning as a habitat for many unique plants and animals. Wetlands play a significant role in many ecological functions including: carbon balance, regulation of the hydrological cycle, flood control, and the improvement and maintenance of water quality [1]. These areas remove atmospheric CO2 through sequestration and subsequent peat accumulation, which can help to mitigate climate change effects. Those climate variations may also provide a significant influence on wetlands’ role in the carbon cycle by shifting from a sink to a sources mode of CO2 [2]. The world’s peatlands cover only 5%–8% of the Earth’s land surface but store more organic carbon than any other terrestrial ecosystem i.e., an average of 118 g·C·m−2·year−1 [3]. Many wetlands have been degraded by extraction for fuel, drainage, burning, overgrazing, urbanization, and atmospheric pollution. Degraded wetlands contribute 6% of global anthropogenic CO2 [4], which could have an impact on climate change. Returning these ecosystems to a pre-anthropogenic-disturbance state by restoration is very important and can be treated as a buffer between the agricultural land and the surface water system (nutrient retention).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นที่ชุ่มน้ำเป็นระบบนิเวศที่มีความสำคัญมาก ทำงานเป็นอยู่อาศัยเฉพาะพืชและสัตว์จำนวนมาก พื้นที่ชุ่มน้ำมีบทบาทสำคัญในการทำงานหลายระบบนิเวศรวมทั้ง: คาร์บอนสมดุล ระเบียบของวงจรอุทกวิทยา ควบคุมน้ำท่วม และการปรับปรุงและบำรุงรักษาน้ำคุณภาพ [1] พื้นที่เหล่านี้เอาบรรยากาศ CO2 ผ่านอายัดและพรุมาสะสม ซึ่งสามารถช่วยลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นอาจให้อิทธิพลสำคัญในบทบาทของพื้นที่ชุ่มน้ำในวัฏจักรคาร์บอน โดยขยับจากอ่างล้างหน้าที่โหมดแหล่งของ CO2 [2] Peatlands ของโลกครอบคลุมเพียง 5% – 8% ของพื้นดิน จะเก็บคาร์บอนอินทรีย์มากขึ้นกว่าใด ๆ อื่น ๆ บกระบบนิเวศเช่น เฉลี่ย 118 g· C·m−2·year−1 [3] หลายพื้นที่ชุ่มน้ำมีการสลายตัว โดยสกัดสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิง ระบายน้ำ เผา overgrazing เขตเมือง และมลพิษอากาศ พื้นที่ชุ่มน้ำเสื่อมโทรมช่วย 6% ของ CO2 มาของมนุษย์ทั่วโลก [4], ซึ่งอาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลับระบบนิเวศเหล่านี้เพื่อล็อกออนล่วงหน้า anthropogenic รบกวน โดยการฟื้นฟูเป็นสิ่งสำคัญมาก และสามารถใช้เป็นบัฟเฟอร์ระหว่างการเกษตรและระบบน้ำผิว (การเก็บรักษาสารอาหาร)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีระบบนิเวศที่มีความสำคัญมากทำงานเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับพืชที่ไม่ซ้ำกันจำนวนมากและสัตว์ พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีบทบาทสำคัญในการทำงานของระบบนิเวศหลายคนรวมทั้งสมดุลคาร์บอนกฎระเบียบของวัฏจักรการควบคุมน้ำท่วมและการปรับปรุงและรักษาคุณภาพน้ำ [1] พื้นที่เหล่านี้เอา CO2 บรรยากาศผ่านการกักเก็บและการสะสมพรุที่ตามมาซึ่งสามารถช่วยในการบรรเทาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ บรรดาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังอาจมีอิทธิพลสำคัญในบทบาทของพื้นที่ชุ่มน้ำในวัฏจักรคาร์บอนโดยขยับจากอ่างล้างจานไปที่โหมดแหล่งที่มาของ CO2 [2] ป่าพรุของโลกที่ครอบคลุมเพียง 5% -8% ของพื้นผิวของโลก แต่เก็บคาร์บอนอินทรีย์มากขึ้นกว่าที่อื่น ๆ เช่นระบบนิเวศบกใด ๆ โดยเฉลี่ย 118 กรัม· c · M-2 ·ปี 1 [3] พื้นที่ชุ่มน้ำจำนวนมากได้รับการสลายตัวโดยการสกัดน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการระบายน้ำ, การเผาไหม้กินหญ้ามากเกินไปกลายเป็นเมืองและมลพิษทางอากาศ พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีส่วนร่วมในการสลายตัว 6% ของ CO2 จากกิจกรรมของมนุษย์ทั่วโลก [4] ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ กลับระบบนิเวศเหล่านี้ไปยังรัฐก่อนมนุษย์รบกวนโดยการฟื้นฟูเป็นสิ่งที่สำคัญมากและสามารถจะถือว่าเป็นกันชนระหว่างที่ดินเพื่อการเกษตรและระบบน้ำผิวดิน (การเก็บรักษาสารอาหารบริการ)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชายเลนเป็นระบบนิเวศที่ละเอียดอ่อนมาก , ทํางานเป็นพืชเฉพาะถิ่น และสัตว์มากมาย ชายเลนมีบทบาทในหน้าที่นิเวศวิทยามากมายรวมทั้งคาร์บอนสมดุล ระเบียบของวัฏจักรของน้ำ , การควบคุมน้ำท่วม และการปรับปรุงและรักษาคุณภาพน้ำ [ 1 ] พื้นที่เหล่านี้เอาคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศผ่านการ และต่อมาทางการสะสม ซึ่งสามารถช่วยลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บรรยากาศการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอาจยังมีอิทธิพลสำคัญในพื้นที่ " บทบาทในวัฏจักรของคาร์บอน โดยขยับจากอ่างจะเป็นแหล่งของ CO2 โหมด [ 2 ] ของโลก Peatlands ครอบคลุมเพียง 5% - 8% ของโลก แต่ร้านดินอินทรีย์คาร์บอนมากกว่าอย่างอื่น เช่น ระบบนิเวศบก เฉลี่ย 118 กรัมด้วย C ด้วย m − 2 ด้วย− 1 ปี [ 3 ] ชายเลนมากมายได้ถูกย่อยสลายด้วยการสกัดเชื้อเพลิง , การระบายน้ำ , เผาไหม้ , overgrazing ความเป็นเมือง และมลพิษอากาศ ชายเลนเสื่อมโทรมมีส่วนร่วมร้อยละ 6 ของโลก [ 4 ] CO2 ที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง คืนระบบนิเวศเหล่านี้ก่อนมนุษย์รบกวนรัฐโดยการฟื้นฟูเป็นสิ่งที่สำคัญมากและสามารถเป็นกันชนระหว่างที่ดินทางการเกษตร และระบบน้ำผิวดิน ( การเก็บรักษาสารอาหาร )