พญาแสนภู กษัตริย์ในราชวงศ์มังรายลำดับที่ 3 (พ.ศ. 1868-1877) ราชบุตรองค์แรกของพญาไชยสงคราม เหตุที่ชื่อแสนภู เพราะเกิดบนภูดอย ทรงมีอนุชา 2 องค์ คือท้าวน้ำท่วมและท้าวงั่ว
เมื่อครั้งพญาไชยสงครามขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพญามังรายนั้น พญาไชยสงครามประทับที่เชียงใหม่เพียง 4 เดือนแล้ว จึงย้ายไปประทับที่เชียงรายโดยให้เจ้าแสนภูราชบุตรอยู่ครองเชียงใหม่ด้วยความไว้วางพระทัย ให้ท้าวน้ำท่วมครองเมืองฝาง ให้ท้าวงั่วครองเมืองเชียงของ ต่อมาเจ้าแสนภูซึ่งครองเมืองเชียงใหม่ได้ถูกขุนเครือซึ่งเป็นอา นำทัพจากเมืองนายมาชิงเมืองเชียงใหม่ได้ พญาแสนภูไม่ประสงค์จะสู้รบกับอา จึงหนีไปพึ่งพญาไชยสงครามบิดาที่เชียงราย พญาไชยสงครามจึงให้ท้าวน้ำท่วม ราชบุตรซึ่งครองเมืองฝางนำทัพมายึดเมืองเชียงใหม่คืน แล้วจับตัวขุนเครือขังไว้ที่แจ่งกู่เฮืองเป็นเวลา 4 ปีจนขุนเครือสิ้นชีวิตที่นั่น พญาไชยสงครามจึงโปรดให้ท้าวน้ำท่วมซึ่งมีอายุราว 30 ปีครองเมืองเชียงใหม่ ผ่านไปได้ 2 ปีพญาไชยสงครามเกรงว่าท้าวน้ำท่วมจะก่อกบฏ จึงส่งท้าวน้ำท่วมไปครองเมืองเชียงตุง แล้วให้เจ้าแสนภู อุปราชได้ครองเมืองเชียงใหม่เป็นคำรบ 2 ส่วนพญาไชยสงครามเองก็ทรงกลับไปครองเชียงรายจนสิ้นพระชนม์ที่นั่น หลังจากนั้น เจ้าราชบุตรแสนภูจึงขึ้นเสวยราชย์สืบต่อมา
เมื่อพญาแสนภูเสวยราชย์เป็นกษัตริย์ล้านนา ในปี พ.ศ. 1868 พระองค์เสด็จไปประทับที่เมืองเชียงรายโดยแต่งตั้งให้ท้าวคำฟู โอรสครองเมืองเชียงใหม่ ต่อมาราว พ.ศ. 1870 พญาแสนภูโปรดให้สร้างเมืองเชียงแสนขึ้นในบริเวณเมืองเงินยาง (เมืองรอย ก็ว่า) ครั้นสร้างเมืองเชียงแสนแล้ว พญาแสนภูก็ประทับอยู่ที่เชียงแสนตลอดพระชนม์ชีพ การสร้างเมืองเชียงแสนขึ้นนั้น ก็เพื่อป้องกันข้าศึกด้านเหนือ เพราะเชียงแสนตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงและสามารถใช้แม่น้ำโขงเป็นคูเมืองตามธรรมชาติได้ ตัวเมืองมีกำแพงกว้าง 700 วา ยาว 1,500 วา มีป้อมรายล้อมเมือง 8 แห่ง
เมืองเชียงแสนมีอาณาเขตติดต่อกับเมืองต่างๆ คือ เมืองเชียงราย เมืองฝาง เมืองสาด เมืองเชียงตุง เมืองเชียงรุ่ง และเมืองเชียงของ เชียงแสนจึงเป็นศูนย์กลางของเมืองตอนบน โดยมีหน้าที่ควบคุมหัวเมืองต่างๆ ที่รายล้อมดังกล่าวอีกด้วย
อ่านกันพอสังเขปนะคะ เวลาคุณไปเทียวเชียงรายก็อย่าลืมไปกราบขอบพระคุณท่านพญาแสนภูที่ได้สร้างเมืองเชียงรายอันสวยงามไว้ให้พวกเราชนรุ่นหลังได้อยู่อาศัยกันอย่างมีความสุขนะคะ