The ironic twist to this story is t

The ironic twist to this story is that safeguards for indigent patients already existed; however, most were guidelines without the force of law that were being ignored by private hospitals and doctors. The Joint Commission on Accreditation of Hospitals stated that “individuals shall be accorded impartial access to treatment or accommodations that are available or medically indicated, regardless of race, creed, sex, nationality, or sources of payment for care” (3). The American College of Emergency Physicians had similar language in its bylaws (4). The Hospital Survey and Construction Act of 1946 (commonly called the Hill-Burton Act) had established federal guidelines for emergency medical care at certain hospitals, and many state laws were also on the books mandating nondiscriminatory access to emergency care (1).

The combination of reports in the professional and lay press, the obvious impotence of the laws already on the books, and the increasing presence of the federal government in all things health-care related led to the enactment of EMTALA. It is interesting to note that shortly after EMTALA was passed the same physicians who authored the study on patient dumping to Cook County Hospital commented that “monitoring, enforcement and the effectiveness of this federal law will be crippled” by its vague definitions of emergency care and stabilization (1). Although they were correct concerning the law's ambiguities, they could not have been more wrong about the impact of the law over the next decade.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บิดเรื่องกับเรื่องนี้เป็นที่ป้องกันผู้ป่วย indigent อยู่ อย่างไรก็ตาม มีแนวทาง โดยการบังคับของกฎหมายที่ได้ถูกละเว้น โดยแพทย์และโรงพยาบาลเอกชนมากที่สุด คณะกรรมการร่วมในการรับรองของโรงพยาบาลระบุไว้ว่า "บุคคลจะได้ทรัพย์ถึงกลางรักษาหรือสถานที่พักที่ว่าง หรือ ระบุทางการแพทย์ การแข่งขัน ลัทธิ เพศ สัญชาติ หรือแหล่งที่มาของการชำระเงินสำหรับดูแล" (3) วิทยาลัยอเมริกันของแพทย์ฉุกเฉินมีภาษาคล้ายคลึงกันในข้อบังคับของ (4) สำรวจโรงพยาบาลและพระราชบัญญัติก่อสร้าง 1946 (โดยทั่วไปเรียกว่าการกระทำเขาเบอร์ตัน) ได้ก่อตั้งสหพันธ์แนวทางสำหรับการดูแลทางการแพทย์ฉุกเฉินที่โรงพยาบาลบาง และหลายรัฐกฎหมายมายังหนังสือทั้งการเข้าถึง nondiscriminatory บังคับการดูแลฉุกเฉิน (1)ชุดของรายงานในระดับมืออาชีพ และวาง ภาวะที่ชัดเจนของกฎหมายอยู่บนหนังสือ และการเป็นที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลกลางในทุกสิ่งสุขภาพที่เกี่ยวข้องนำไปออก EMTALA เป็นที่น่าสนใจทราบว่า ในไม่ช้าหลังจาก EMTALA ส่งแพทย์เดียวกัน ผู้เขียนศึกษาการถ่ายโอนข้อมูลผู้ป่วยโรงพยาบาลเขตคุกความเห็นว่า "การตรวจสอบ บังคับใช้และประสิทธิภาพของกฎหมายนี้จะง่อยเปลี้ย" โดยนิยามความคลุมเครือการดูแลฉุกเฉินและเสถียรภาพ (1) ถึงแม้ว่าพวกเขาได้ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายของ ambiguities พวกเขาอาจไม่ได้ผิดมากเกี่ยวกับผลกระทบของกฎหมายมากกว่าทศวรรษถัดไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บิดขันกับเรื่องนี้ก็คือการป้องกันสำหรับผู้ป่วยที่ยากจนอยู่แล้ว; แต่ส่วนใหญ่เป็นแนวทางโดยไม่ต้องบังคับของกฎหมายที่ถูกปฏิเสธโดยโรงพยาบาลเอกชนและแพทย์ คณะกรรมาธิการร่วมในการพิสูจน์ของโรงพยาบาลระบุว่า "บุคคลที่จะได้รับการเข้าถึงความเป็นธรรมสอดคล้องกับการรักษาหรือห้องพักที่มีอยู่หรือที่ระบุในทางการแพทย์โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติศาสนาเพศสัญชาติหรือแหล่งที่มาของการชำระเงินสำหรับการดูแล" (3) อเมริกันวิทยาลัยแพทย์ฉุกเฉินมีภาษาที่คล้ายกันในข้อบังคับของ บริษัท (4) การสำรวจโรงพยาบาลและพระราชบัญญัติการก่อสร้าง 1,946 (ปกติเรียกว่าพระราชบัญญัติฮิลล์เบอร์ตัน) ได้กำหนดแนวทางของรัฐบาลกลางสำหรับการดูแลทางการแพทย์ฉุกเฉินที่โรงพยาบาลบางอย่างและกฎหมายของรัฐหลายคนยังอยู่ในหนังสืออิงเข้าถึงไม่เลือกปฏิบัติในการดูแลฉุกเฉิน (1). การรวมกัน รายงานในข่าวมืออาชีพและวางที่อ่อนแอที่ชัดเจนของกฎหมายที่มีอยู่แล้วในหนังสือและการปรากฏตัวที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลในทุกสิ่งที่การดูแลสุขภาพที่เกี่ยวข้องนำไปสู่การออกกฎหมายของ EMTALA เป็นที่น่าสนใจที่จะทราบว่าไม่นานหลังจากที่ EMTALA ก็ผ่านไปได้แพทย์เดียวกันผู้ประพันธ์การศึกษาในผู้ป่วยทิ้งโรงพยาบาลคุกเคาน์ตี้ให้ความเห็นว่า "การตรวจสอบการบังคับใช้และประสิทธิผลของกฎหมายของรัฐบาลกลางนี้จะได้รับการพิการ" โดยนิยามที่คลุมเครือของการดูแลในกรณีฉุกเฉินและ การรักษาเสถียรภาพ (1) แม้ว่าพวกเขาจะมีความถูกต้องเกี่ยวกับความคลุมเครือของกฎหมายที่พวกเขาอาจไม่ได้รับมากขึ้นที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับผลกระทบของกฎหมายในช่วงทศวรรษถัดไป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บิดแดกดันให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ป้องกันผู้ป่วยยากจนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่เป็นแนวทาง โดยไม่มีการบังคับของกฎหมายที่ถูกละเลยโดยโรงพยาบาลเอกชนและแพทย์ คณะกรรมการร่วมเกี่ยวกับการรับรองของโรงพยาบาลระบุว่า " บุคคลจะได้รับการเข้าถึงการรักษาความยุติธรรม หรือพักที่มีอยู่ หรือทางการแพทย์ระบุโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ , ศาสนา , เพศ , เชื้อชาติ หรือแหล่งที่มาของเงินสำหรับการดูแล " ( 3 ) วิทยาลัยอเมริกันของแพทย์ฉุกเฉินมีภาษาคล้ายคลึงกันในกฎหมาย ( 4 ) โรงพยาบาลการสำรวจและการก่อสร้างของ 1946 ( มักเรียกว่าเนินเขา เบอร์ตันแสดง ) ได้สร้างแนวทางของรัฐบาลกลางสำหรับการดูแลทางการแพทย์ฉุกเฉินในโรงพยาบาลแน่นอนและกฎหมายของรัฐหลายนอกจากนี้ยังมีในหนังสือ mandating nondiscriminatory เข้าถึงการดูแลฉุกเฉิน ( 1 )

การรวมกันของรายงานในสื่อมืออาชีพและวาง , ความชัดเจนของกฎหมายแล้วในหนังสือ และการปรากฏตัวของรัฐบาลกลางในเรื่องสุขภาพที่เกี่ยวข้องนำไปสู่การออกกฎหมายที่ emtala .เป็นที่น่าสนใจที่จะทราบว่าหลังจาก emtala ก็ผ่านไปได้เหมือนกัน แพทย์ผู้เขียนการศึกษาผู้ป่วยทิ้งโรงพยาบาลคุกเคาน์ตี้ให้ความเห็นว่า " การใช้และประสิทธิภาพของกฎหมายนี้จะทำให้ " โดยความหมายของมันที่คลุมเครือของการดูแลฉุกเฉินและมีเสถียรภาพ ( 1 ) ถึงแม้ว่าพวกเขาได้ถูกต้องเกี่ยวกับงงงวยของกฎหมาย