9. ImplicationThe most prevailing d

9. Implication
The most prevailing disciplinary problem occurs in classroom is truancy that is coming late to classes followed by refuse to concentrate on or cooperate in activities conducted in classroom. These disruptive behaviours which take place in classroom are closely related to the attitude and personality of the students. Lack of moral values instilled and practiced among them contributes to this occurrence. Normally, the teachers would employ negative reinforcement approach in the form of warning (at a high level) as well as positive reinforcement approach in handling disruptive behaviours in classroom at national secondary schools. The teachers’ years of teaching experience influences the negative approaches exercised. There is a significant difference with reference to the three different negative reinforcement approaches (warning, scolding, and reprimanding) practised by the teachers in dealing with disruptive behaviours in classroom based on the teachers’ years of teaching experience. The findings of this study indicate that there is a difference in the approaches practised in managing disruptive behaviours in classroom between junior and senior teachers. The findings of this study are beneficial to administrators and teachers in schools as guidelines to improve the effectiveness of teaching and learning process in classroom by effectively dealing with disruptive behaviours. Positive behaviour enhancement approach is suggested to be a pillar for managing students’ behaviour in school as past studies revealed that it has a positive impact on students’ psychological well-being. Besides, the findings are also of use to State Education Department and the Ministry of Education in planning and implementing programmes or courses to enhance teachers’ professionalism from the aspect of disruptive behaviours management in classroom.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

9. ปริยายปัญหาวินัยเป็นที่สุดเกิดขึ้นในห้องเรียน การหนีเรียนที่มาสายให้เรียนตาม ด้วยไม่เน้น หรือให้ความร่วมมือในกิจกรรมในห้องเรียน พฤติกรรมเหล่านี้ขวัญซึ่งเกิดขึ้นในห้องเรียนที่สัมพันธ์กับทัศนคติและบุคลิกภาพของนักเรียน ขาดคุณธรรมค่า instilled และประสบการณ์ระหว่างกันรวมถึงเหตุการณ์นี้ ปกติ ครูจะใช้วิธีการเสริมแรงลบในรูปแบบของคำเตือน (ในระดับสูง) และวิธีการเสริมแรงทางบวกในการจัดการพฤติกรรมในชั้นเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งชาติขวัญ ปีครูที่สอนมีผลต่อวิธีลบที่ใช้ มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญโดยอ้างอิงสามเสริมต่าง ๆ ลบวิธี (คำเตือน ดุ และ reprimanding) ปฏิบัติ โดยครูผู้สอนในการจัดการกับพฤติกรรมขวัญในห้องเรียนตามปีของครูสอน ผลการวิจัยของการศึกษานี้บ่งชี้ว่า มีความแตกต่างในวิธีปฏิบัติในการจัดการพฤติกรรมขวัญในห้องเรียนระหว่างครูอาวุโส และจูเนียร์ ผลการวิจัยของการศึกษานี้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารและครูในโรงเรียนเป็นแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพของการสอน และการเรียนรู้กระบวนการในห้องเรียน โดยการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพกับขวัญวิญญาณ วิธีการปรับพฤติกรรมที่เป็นบวกจะแนะนำเป็น หลักในการจัดการพฤติกรรมของนักเรียนในโรงเรียนเป็นการศึกษาที่ผ่านมาเปิดเผยว่า มีผลกระทบกับนักจิตวิทยาที่ นอก ผลการวิจัยที่ได้ยังใช้ในกระทรวงศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการในการวางแผน และการปฏิบัติตามโครงการหรือหลักสูตรเพื่อเพิ่มความเป็นมืออาชีพของครูจากด้านของขวัญวิญญาณจัดการในห้องเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

9.
ความหมายปัญหาวินัยแพร่หลายมากที่สุดเกิดขึ้นในห้องเรียนเป็นหน้าที่ที่จะมาสายไปเรียนตามด้วยการปฏิเสธที่จะมุ่งเน้นหรือให้ความร่วมมือในกิจกรรมที่ดำเนินการในห้องเรียน พฤติกรรมเหล่านี้ก่อกวนที่เกิดขึ้นในห้องเรียนอย่างใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องกับทัศนคติและบุคลิกภาพของนักเรียน ขาดการปลูกฝังค่านิยมทางศีลธรรมและการปฏิบัติในหมู่พวกเขาก่อให้เกิดขึ้นนี้ โดยปกติแล้วครูจะจ้างวิธีการเสริมแรงเชิงลบในรูปแบบของการเตือน (อยู่ในระดับสูง) เช่นเดียวกับวิธีการเสริมแรงบวกในการจัดการพฤติกรรมก่อกวนในห้องเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งชาติ ปีที่ผ่านมาของครูที่มีอิทธิพลต่อประสบการณ์ในการสอนวิธีการใช้สิทธิในทางลบ มีความแตกต่างที่สำคัญมีการอ้างอิงถึงวิธีการที่แตกต่างกันสามเสริมลบ (เตือนดุและตำหนิ) ปฏิบัติโดยครูผู้สอนในการจัดการกับพฤติกรรมก่อกวนในห้องเรียนขึ้นอยู่กับปีที่ผ่านมาครูของประสบการณ์ในการสอนคือ ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่ามีความแตกต่างในวิธีการที่มีประสบการณ์ในการจัดการพฤติกรรมก่อกวนในห้องเรียนระหว่างครูรุ่นพี่รุ่นน้อง ผลการศึกษาครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารและครูในโรงเรียนเป็นแนวทางในการปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนการสอนในห้องเรียนโดยมีประสิทธิภาพการจัดการกับพฤติกรรมก่อกวน วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพของพฤติกรรมในเชิงบวกเป็นข้อเสนอแนะที่จะเป็นเสาหลักในการบริหารจัดการของนักเรียนพฤติกรรมที่อยู่ในโรงเรียนการศึกษาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่ามันมีผลกระทบในเชิงบวกต่อนักเรียนทางด้านจิตใจเป็นอยู่ที่ดี นอกจากนี้ผลการวิจัยยังมีการใช้ในภาครัฐการศึกษาและกระทรวงศึกษาธิการในการวางแผนและการใช้โปรแกรมหรือหลักสูตรมืออาชีพเพื่อเพิ่มครูจากทุกแง่มุมของการจัดการพฤติกรรมก่อกวนในห้องเรียน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

9 . มีปัญหาทางวินัยนัย
ที่สุดเกิดขึ้นในชั้นเรียน เป็นหน้าที่ที่กำลังไปเรียน รองลงมา คือ ไม่เน้นหรือให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมในชั้นเรียน พฤติกรรมเหล่านี้ก่อกวนซึ่งจะใช้สถานที่ในชั้นเรียนมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับทัศนคติและบุคลิกภาพของนักศึกษาขาดศีลธรรมปลูกฝังและฝึกฝนของพวกเขาก่อให้เกิดนี้ ปกติครูจะใช้วิธีการเสริมแรงทางลบในรูปแบบของการแจ้งเตือน ( ในระดับสูง ) รวมทั้งวิธีการเสริมแรงทางบวกในการจัดการพฤติกรรมก่อกวนในชั้นเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งชาติครูประสบการณ์การสอนมีผลลบวิธีออกกำลัง มีความแตกต่างกันด้วยการอ้างอิงถึงสามที่แตกต่างกันวิธีการลบการเสริมแรง ( คำเตือน ด่าและตำหนิ ) ฝึกโดยครูในการจัดการกับพฤติกรรมก่อกวนในชั้นเรียนโดยครูประสบการณ์การสอนผลจากการศึกษาพบว่า มีความแตกต่างกันในวิธีปฏิบัติในการจัดการพฤติกรรมก่อกวนในชั้นเรียนระหว่างเด็กและครูอาวุโส ผลการศึกษานี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริหารและครูในโรงเรียน เป็นแนวทางเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการเรียนการสอนในชั้นเรียนมีประสิทธิภาพในการจัดการกับพฤติกรรมก้าวร้าววิธีการส่งเสริมพฤติกรรมในเชิงบวกจะแนะนำเป็นเสาสำหรับการจัดการพฤติกรรมของนักเรียนในโรงเรียน เช่น การศึกษาที่ผ่านมาพบว่า มีผลกระทบเป็นบวกต่อสุขภาวะทางจิตของนักเรียน นอกจากนี้การค้นพบนี้ยังใช้เพื่อการศึกษาสภาพและกระทรวงศึกษาธิการ ในการวางแผนและการใช้โปรแกรม หรือหลักสูตรเพื่อพัฒนาครูมืออาชีพ จากแง่มุมของการจัดการพฤติกรรมก่อกวนในชั้นเรียน