People who live in cities are at hi

People who live in cities are at higher risk for anxiety, mood disorders and schizophrenia, Preussner noted. The brain pathways identified in the team's experiment may have something to do with this. Understanding the basic biological mechanisms could lead to strategies to combat mental health problems among city dwellers in the future.

The fact that 70% of the world's population is projected to live in cities by the year 2050, wrote Caltech neuroscientists Daniel P. Kennedy and Ralph Adolphs in an accompanying article, "highlights the importance of understanding the effects that [urban] living conditions will have on human mental health."

They wrote that an "obvious next step" would be for scientists to try to identify exactly how various aspects of city living -- population density, housing types, social heirarchies -- might change the way brains operate under stress.

They also called on researchers to look at the positive side of city life, noting that studies have shown higher rates of suicide in rural areas than in cities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นสำหรับความวิตกกังวลความผิดปกติของอารมณ์และจิตเภท Preussner ตั้งข้อสังเกต เซลล์สมองที่ระบุไว้ในการทดลองของทีมอาจจะมีบางสิ่งบางอย่างจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกทางชีววิทยาพื้นฐานอาจนำไปสู่กลยุทธ์ในการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตในหมู่ชาวเมืองในอนาคต. ความจริงที่ว่า 70% ของประชากรโลกที่คาดว่าจะอาศัยอยู่ในเมืองภายในปี 2050 เขียนนักประสาทวิทยาคาลเทคแดเนียลพีเคนเนดี้และราล์ฟ Adolphs ในบทความประกอบ "ไฮไลท์สำคัญของการทำความเข้าใจผลกระทบที่ [เมือง] สภาพความเป็นอยู่จะมีเกี่ยวกับสุขภาพจิตของมนุษย์." พวกเขาเขียนว่า "ขั้นตอนต่อไปอย่างเห็นได้ชัด" จะเป็นสำหรับนักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะระบุว่าวิธีการด้านต่างๆของ ชีวิตในเมือง - ความหนาแน่นของประชากรประเภทที่อยู่อาศัยสังคม heirarchies - อาจมีการเปลี่ยนแปลงทางสมองทำงานภายใต้ความเครียด. พวกเขาเรียกว่ายังอยู่ในนักวิจัยที่จะมองด้านบวกของชีวิตในเมืองและเห็นว่าการศึกษาได้แสดงให้เห็นอัตราที่สูงขึ้นการฆ่าตัวตายในพื้นที่ชนบท กว่าในเมือง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คนที่อาศัยอยู่ในเมืองมีความเสี่ยงที่สูงขึ้นสำหรับความวิตกกังวลความผิดปกติของอารมณ์และจิตเภท preussner กล่าว สมองเซลล์ระบุในการทดลองของทีมอาจจะต้องทำอะไรกับเรื่องนี้ ความเข้าใจพื้นฐานของกลไกทางชีววิทยาสามารถนำไปสู่กลยุทธ์ในการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพจิตของเมืองในอนาคต ไม

ความจริงที่ว่า 70% ของประชากรของโลกคาดว่าจะอาศัยอยู่ในเมืองโดยปี 2050 , เขียนจาก neuroscientists แดเนียลพีเคนเนดีและ Ralph adolphs ในการประกอบบทความ " เน้นความสำคัญของความเข้าใจ ผลที่ [ เมือง ] สภาพความเป็นอยู่จะมีสุขภาพจิตมนุษย์

"เขาเขียนว่า " ขั้นตอนถัดไป " ที่เห็นได้ชัดจะเป็นนักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะระบุว่าแง่มุมต่าง ๆของชีวิตในเมือง -- ประชากรหนาแน่น ประเภทที่อยู่อาศัย สังคม heirarchies -- อาจเปลี่ยนวิธีที่สมองทำงานภายใต้ความเครียด

ยังเรียกร้องให้นักวิจัยที่จะมองด้านบวกของชีวิตในเมือง มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าอัตราการฆ่าตัวตายในชนบท มากกว่าในเมืองใหญ่