In the past 30 years, the operating

In the past 30 years, the operating context of the pharmaceutical
industry has evolved and becomemuchmore challenging.
The establishment of regulatory authorities and market maturity
have led to an increase in the costs and time to develop
new drugs, decreasing the productivity of the research and
development (R&D) stage and shortening the effective patent
lives of new molecules. These two factors, in conjunction
with the appearance of many substitute drugs in several therapeutic
areas, have led to the reduction of the exclusivity
period of new products. Another factor having an impact onin the international market, local companies based in only
one country, contract manufacturers without their own portfolio
and biotechnological companies mainly concerned with
drug discovery. The first group, the intensive R&D based industries,
is economically the most important and tends to have
large and complex supply chains due to the global nature of its
activity. In addition, these companies are the most vulnerable
to the global financial, regulatory and social changes so this
work will focus on their supply chains.
The industry’s preferred mechanism to overcome the productivity
crises has been to increase investment in current
business activities, primarily R&D and sales, the two extreme
ends of the supply chain. This has been implemented by
organic growth or by mergers and acquisitions (M&A) to
exploit economies of scale. However, statistics show that
productivity continues to decline after a decade of vigorous
growth in investments on these areas (Coe, 2002). There are
no significant economies of scale in sales activities. The revenues
generated by a pharmaceutical company are directly
proportional to its sales, general and administrative (SG&A)
expenditure, suggesting that two merged companies will not
the operation of this industry was the transition of the paying
responsibilities fromindividuals to governmental agencies
and insurance companies, which in association with high
demands for pharmaceuticals, due to aging populations, put
strong pressure on prices and prescription policies (Shah,
2004.From the point of view of manufacturing, the global pharmaceutical
industry can be divided into five sub-sectors: large
R&D based multinationals, generic manufacturers operating

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในอดีตที่ผ่านมา 30
ปีบริบทของการดำเนินงานของยาอุตสาหกรรมมีการพัฒนาและbecomemuchmore ท้าทาย. สถานประกอบการของหน่วยงานกำกับดูแลและกำหนดตลาดได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายและเวลาในการพัฒนายาใหม่ลดลงผลผลิตของการวิจัยและพัฒนา(R & D) และการลดขั้นตอนการจดสิทธิบัตรที่มีประสิทธิภาพชีวิตของโมเลกุลใหม่ ทั้งสองปัจจัยร่วมด้วยการปรากฏตัวของยาเสพติดแทนจำนวนมากในการรักษาหลายพื้นที่ได้นำไปสู่การลดลงของการผูกขาดที่ระยะเวลาของผลิตภัณฑ์ใหม่ อีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบ Onin ตลาดต่างประเทศที่ บริษัทท้องถิ่นที่อยู่ในเฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่งผู้ผลิตสัญญาโดยไม่ต้องผลงานของตัวเองและ บริษัท เทคโนโลยีชีวภาพส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการค้นพบยาเสพติด กลุ่มแรกที่เข้มข้น R & D ของอุตสาหกรรมที่ใช้เป็นทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดและมีแนวโน้มที่จะมีห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่และซับซ้อนเนื่องจากลักษณะที่ทั่วโลกของกิจกรรม นอกจากนี้ บริษัท เหล่านี้มีความเสี่ยงมากที่สุดกับการเปลี่ยนแปลงของโลกการเงินการกำกับดูแลและสังคมดังนั้นนี้ทำงานจะมุ่งเน้นไปที่ห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา. กลไกที่ต้องการของอุตสาหกรรมที่จะเอาชนะการผลิตวิกฤตได้รับการเพิ่มการลงทุนในปัจจุบันกิจกรรมทางธุรกิจหลักR & D และ ยอดขายของทั้งสองมากปลายของห่วงโซ่อุปทาน นี้ได้รับการดำเนินการโดยการเจริญเติบโตอินทรีย์หรือโดยการควบรวมกิจการ (M & A) ที่จะใช้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด แต่สถิติแสดงให้เห็นว่าการผลิตยังคงลดลงหลังจากทศวรรษของพลังการเจริญเติบโตในการลงทุนในพื้นที่เหล่านี้(COE, 2002) มีไม่มีเศรษฐกิจที่สำคัญของขนาดในกิจกรรมการขาย รายได้ที่สร้างขึ้นโดย บริษัท ยาโดยตรงสัดส่วนยอดขายของทั่วไปและบริหาร(SG & A) ค่าใช้จ่ายที่ชี้ให้เห็นว่าทั้งสอง บริษัท ที่ผสานจะไม่ได้การดำเนินงานของอุตสาหกรรมนี้คือการเปลี่ยนแปลงของการจ่ายเงินความรับผิดชอบfromindividuals ให้กับหน่วยงานภาครัฐและบริษัท ประกันภัยที่ ร่วมกับสูงความต้องการสำหรับยาเนื่องจากประชากรริ้วรอยใส่แรงกดดันต่อราคาและนโยบายการกําหนด(อิหร่าน2004.From มุมมองของการผลิตยาระดับโลกในอุตสาหกรรมสามารถแบ่งออกเป็นห้าภาคย่อยที่มีขนาดใหญ่R & D ตาม บริษัท ข้ามชาติผู้ผลิตทั่วไปปฏิบัติการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ปฏิบัติการในบริบทของอุตสาหกรรมเภสัชกรรม
มีวิวัฒนาการ และ becomemuchmore ท้าทาย .
จัดตั้งหน่วยงานกํากับดูแลและวุฒิภาวะของตลาด
ได้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นในค่าใช้จ่ายและเวลาในการพัฒนา
ยาใหม่ ลดผลผลิตของการวิจัย และการพัฒนา ( R & D ) เวทีเช่น ชีวิตที่มีสิทธิบัตร
ของโมเลกุลใหม่ทั้งสองปัจจัย ร่วม
กับลักษณะของยาทดแทนมากในพื้นที่การรักษา
หลาย ได้นำไปสู่การลดลงของการผูกขาด
ช่วงของผลิตภัณฑ์ใหม่ ปัจจัยอื่นที่มีผลกระทบ onin ตลาดนานาชาติ ท้องถิ่น บริษัท ที่อยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่งเท่านั้น

สัญญาผู้ผลิตไม่มีผลงานของตัวเองและ บริษัท ด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ
การค้นพบยา กลุ่มแรก &เข้มข้น R D ตามอุตสาหกรรม
เป็นทางเศรษฐกิจสำคัญที่สุด และมีแนวโน้มที่จะมี
ขนาดใหญ่และซับซ้อนห่วงโซ่อุปทานจากธรรมชาติทั่วโลกของกิจกรรม

นอกจากนี้ บริษัท เหล่านี้มีความเสี่ยงมากที่สุด
การทางการเงินระดับโลก , กฎหมายและการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ดังนั้นงานนี้
จะมุ่งเน้นในห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา .
ของอุตสาหกรรมที่ต้องการกลไกที่จะเอาชนะวิกฤตผลผลิต
ได้เพิ่มการลงทุนในกิจกรรมทางธุรกิจในปัจจุบันหลัก R
& D และขาย สองมาก
ปลายโซ่ นี้ได้ถูกพัฒนาโดย
อินทรีย์เติบโตหรือการซื้อและควบรวมกิจการ ( เอ็ม& )

ใช้ประโยชน์จากการประหยัดจากขนาด อย่างไรก็ตาม สถิติแสดงให้เห็นว่า
ผลผลิตยังคงลดลงหลังจากทศวรรษของการเจริญเติบโตแข็งแรง
ในการลงทุนในพื้นที่เหล่านี้ ( โค , 2002 ) มี
ไม่มีการประหยัดต่อขนาดของกิจกรรมการขาย รายได้ที่สร้างขึ้นโดย บริษัท เภสัชกรรม

โดยสัดส่วนยอดขายของ ฝ่ายบริหารงานทั่วไป ( SG & )
) บอกว่า บริษัท จะไม่
สองผสานการดำเนินงานของอุตสาหกรรมนี้คือการเปลี่ยนแปลงของความรับผิดชอบ fromindividuals บริษัทจ่าย

หน่วยงานราชการและประกัน ซึ่งทางสมาคมฯ มีความต้องการสูง
สําหรับยา เนื่องจากประชากรสูงอายุใส่
ดันที่แข็งแกร่งในราคาและกำหนดนโยบาย ( Shah ,
2004.from มุมมองของการผลิตทั่วโลกเภสัชกรรม
อุตสาหกรรมสามารถแบ่งออกเป็น 5 สาขาย่อยขนาดใหญ่
r & D จาก บริษัท ข้ามชาติ , ผู้ผลิตระบบปฏิบัติการทั่วไป