AbstractPurpose: To explore the rel

Abstract
Purpose: To explore the relationship between selected factors and
exercises, as well as between exercise and two-hour postprandial
blood glucose levels in pregnant women with Gestational Diabetes
Mellitus (GDM).
Design: A secondary analysis.
Methods: Through convenience sampling, a sample of 90
pregnant women with GDM was recruited from the antenatal
units of Siriraj and Rajvithi Hospitals. Data were collected using
personal information questionnaire, self-report exercise and blood
glucose level record forms. Descriptive statistics and the
correlation coefficients were used for data analysis.
Main findings: Factors significantly associated with exercises
during pregnancy included hours of daily work outside a living
place (p < .05), GDM classification (p < .05), and exercises before
pregnancy (p < .05). Exercises before pregnancy was significantly
associated with two-hour postprandial blood glucose levels
(p < .01), whereas the exercise during pregnancy was not.
Conclusion and recommendations: The findings suggested that
nursing interventions designed for decreasing blood glucose level
should include promoting pregnant women with GDM doing
exercises before and during pregnancy. Nurses should provide
information about benefits and strategies to increase pregnant
women’ confidence to perform exercises before and during
pregnancy, especially women who had risk factors such as family
history of diabetes, previous GDM, and aged over 30.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทคัดย่อวัตถุประสงค์: เพื่อสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยคัดสรรและการออกกำลังกายเช่นเดียวกับระหว่างการออกกำลังกายและสองชั่วโมงภายหลังตอนกลางวันระดับน้ำตาลในเลือดในสตรีตั้งครรภ์ที่มีเบาหวานขณะตั้งครรภ์เบาหวาน(GDM). การออกแบบ: การวิเคราะห์รอง. วิธี: ผ่านการสุ่มตัวอย่างความสะดวกสบายเป็น ตัวอย่าง 90 หญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับคัดเลือก GDM จากฝากครรภ์หน่วยศิริราชและโรงพยาบาลราชวิถี เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล, การออกกำลังกายด้วยตนเองรายงานและเลือดระดับน้ำตาลในแบบบันทึก สถิติเชิงพรรณนาและค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล. ผลการวิจัยหลัก: ปัจจัยที่มีนัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์รวมชั่วโมงการทำงานในชีวิตประจำวันนอกที่อยู่อาศัยสถานที่(p <0.05) GDM การจัดหมวดหมู่ (p <0.05) และการออกกำลังกายก่อนการตั้งครรภ์ (p <0.05) การออกกำลังกายก่อนการตั้งครรภ์อย่างมีนัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสองชั่วโมงระดับน้ำตาลในเลือดภายหลังตอนกลางวัน(p <0.01) ในขณะที่การออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์ที่ไม่ได้. สรุปและข้อเสนอแนะ: ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการปฏิบัติการพยาบาลที่ออกแบบมาสำหรับการลดระดับน้ำตาลในเลือดควรจะรวมถึงการส่งเสริมสตรีมีครรภ์กับ GDM ทำออกกำลังกายก่อนและระหว่างการตั้งครรภ์ พยาบาลควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และกลยุทธ์ในการตั้งครรภ์เพิ่มความเชื่อมั่นของผู้หญิงที่จะดำเนินการออกกำลังกายก่อนและระหว่างการตั้งครรภ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงเช่นครอบครัวประวัติศาสตร์ของโรคเบาหวานก่อนหน้าGDM และอายุมากกว่า 30

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์นามธรรม
: เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยคัดสรรกับ
แบบฝึกหัด รวมทั้งระหว่างการออกกำลังกายและสองชั่วโมงหลังอาหาร
ระดับน้ำตาลในเลือดของหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ( GDM )
.
ออกแบบ : การวิเคราะห์ข้อมูลทุติยภูมิ .
วิธี : ผ่านการสุ่มตัวอย่างแบบตามสะดวก ตัวอย่าง 90
หญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะถูกคัดเลือก
จากตนเองหน่วยของศิริราช และ โรงพยาบาลราชวิถี . เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล รายงาน
, การออกกำลังกายและระดับกลูโคสในเลือด
บันทึกรูปแบบ สถิติเชิงพรรณนาและ
ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิจัยหลัก

: ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์รวมชั่วโมงทำงานทุกวัน นอกสถานที่มีชีวิต
( P < . 05 )การจำแนกประเภทของ GDM ( P < . 05 ) และแบบฝึกหัดก่อน
การตั้งครรภ์ ( p < . 05 ) แบบฝึกหัดก่อนการตั้งครรภ์อย่างมีนัยสำคัญ
เกี่ยวข้องกับสองชั่วโมงหลังอาหารระดับน้ำตาลในเลือด
( p < . 01 ) ส่วนการออกกำลังกายในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ได้ .
สรุปและข้อเสนอแนะ : ผลการศึกษาพบว่า พยาบาลที่ออกแบบมาเพื่อลด

ระดับกลูโคสในเลือดควรส่งเสริมหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะทำ
แบบฝึกหัดก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ พยาบาลควรให้การ
ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์และกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความมั่นใจของผู้หญิงตั้งครรภ์
การทําแบบฝึกหัดก่อนและระหว่าง
การตั้งครรภ์ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงเช่นประวัติครอบครัว
ของโรคเบาหวาน ภาวะก่อนและอายุ 30