So, why of is oxygen essential for

So, why of is oxygen essential for the aerobic pro ductic of ATP ? Remember that the purpose of the electron transport chain is to move electrons down a series of cytochromes to provide energy to drive ATP production in the mitochondria. This process, il lustrated in Fig. 3.2 requires each element in the electron transport chain to undergo a series of oxida tion-reduction reactions. If the last cytochrome (ie cytochrome a) remains in a reduced state, it would be unable to accept more electrons, and the electron transport chain would stop. However, when oxygen is present, the last chrome in the chain can be oxidized by oxygen. That is, oxygen, derived from the air we breathe, allows electron transport to continue by functioning as the final electron acceptor of the electron transport chain. This oxidizes cytochrome a3 and allows electron transport and oxidative phos phorylation to continue. At the last step in the elec tron transport chain, oxygen accepts two electrons that were passed along the electron transport c from either NADH or FADH. This reduced oxygen molecule now binds with two protons (H+) to form water (Fig. 3.21)
As mentioned earlier. NADH and FADH dif fer in the amount of ATP that can be formed from each of these molecules. Each NADH formed in the mitochondria donates two electrons to the elec tron transport system at the first proton pump (Fig. 3.21). These electrons are then passed to the second and third proton pumps until they are fi nally passed along to oxygen. The first and sec ond electron pumps transport four protons each whereas the third electron pump transports two protons, for a total of ten. Because four protons are required to produce and transport one ATP from the mitochondria to the cytoplasm, the total ATP production from one NADH molecule is 2.5 ATP (10 protons 4 protons per ATP 2.5 ATP). Note that ATP molecules do not exist in halves and that the decimal fraction of ATP indicates an average number of ATP molecules that are produced per NADH.
Compared to NADH, each FADH molecule pro duces less ATP because the electrons from FADH are donated later in the electron transport chain than those by NADH (Fig. 3.21). Therefore, the electrons from FADH activate only the second and third proton pumps. Because the first proton pump is bypassed, the electrons from FADH result in the pumping of six protons (four by the second and two by the third pump). Because four protons are required to produce and transport one ATP from the mitochondria to the cytoplasm, the total ATP production from one FAD molecule is 1.5 ATP (6 protons 4 protons per ATP 1.5 ATP). See A Closer Look 3.5 for more details on the quantity of ATP produced in cells

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ดังนั้น เหตุผลของเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ pro แอโรบิก ductic ของ ATP ออกซิเจน จำได้ว่า ย้ายอิเล็กตรอนลงชุด cytochromes ให้พลังงานขับผลิต ATP ใน mitochondria วัตถุประสงค์ของลูกโซ่ขนส่งอิเล็กตรอน กระบวนการนี้ il lustrated ใน Fig. 3.2 ต้องมีแต่ละองค์ประกอบในลูกโซ่ขนส่งอิเล็กตรอนจะรับชุด oxida ลดสเตรชันปฏิกิริยา ถ้า cytochrome สุดท้าย (ie cytochrome เป็น) ยังคงอยู่ในสถานะที่ลดลง มันจะไม่สามารถรับอิเล็กตรอนเพิ่มเติม และลูกโซ่ขนส่งอิเล็กตรอนจะหยุด อย่างไรก็ตาม เมื่อออกซิเจนมีอยู่ โครเมี่ยมสุดท้ายในห่วงโซ่สามารถจะออกซิไดซ์ ด้วยออกซิเจน นั่นคือ ออกซิเจน มาจากอากาศที่เราหายใจ ช่วยให้การขนส่งอิเล็กตรอนต่อ โดยทำงานเป็น acceptor อิเล็กตรอนสุดท้ายของลูกโซ่ขนส่งอิเล็กตรอน นี้ oxidizes cytochrome a3 และช่วยให้การขนส่งอิเล็กตรอนและ oxidative phos phorylation เพื่อดำเนินต่อ ในขั้นตอนสุดท้ายในห่วงโซ่การขนส่งตำบล elec ออกซิเจนยอมรับ 2 อิเล็กตรอนที่ถูกส่งผ่านไปตามซีขนส่งอิเล็กตรอนจาก NADH หรือ FADH โมเลกุลออกซิเจนที่ลดลงนี้ตอนนี้ binds กับสองโปรตอน (H +) น้ำแบบฟอร์ม (Fig. 3.21) เป็นที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ NADH และ FADH dif fer จำนวน ATP ที่สามารถเกิดขึ้นจากโมเลกุลเหล่านี้ แต่ละ NADH ที่เกิดขึ้นใน mitochondria ได้สองอิเล็กตรอนไปยังระบบขนส่งตำบล elec ที่ปั๊มโปรตอนแรก (Fig. 3.21) อิเล็กตรอนเหล่านี้จะถูกส่งผ่านการปั๊มโปรตอนสอง และสามแล้วจนไร้สาย nally ผ่านไปพร้อมกับออกซิเจน ปั๊มอิเล็กตรอนแรก และ sec ond ขนส่งสี่โปรตอนในขณะปั๊มอิเล็กตรอน 3 ขนส่งสองโปรตอน จำนวนสิบ เนื่องจากโปรตอนสี่จะต้องผลิต และ ATP หนึ่งจาก mitochondria ที่ให้ไซโทพลาซึมในการขนส่ง การผลิต ATP จากโมเลกุล NADH หนึ่งที่รวมอยู่ที่ 2.5 ATP (โปรตอนโปรตอน 10 4 ต่อ ATP 2.5 ATP) หมายเหตุว่า ATP โมเลกุลไม่มีอยู่ในสีแดง และว่า เศษทศนิยมของ ATP บ่งชี้หมายเลขเฉลี่ยของโมเลกุลของ ATP ที่ผลิตต่อ NADHเทียบกับ NADH, FADH โมเลกุลแต่ละ duces pro น้อย ATP เนื่องจากอิเล็กตรอนจาก FADH บริจาคในภายหลังในลูกโซ่ขนส่งอิเล็กตรอนโดย NADH (Fig. 3.21) กว่า ดังนั้น อิเล็กตรอนจาก FADH เรียกใช้เฉพาะปั๊มโปรตอนสอง และสาม เพราะข้ามปั๊มโปรตอนแรก อิเล็กตรอนจาก FADH เกิดการสูบโปรตอน 6 (สี่ โดยที่สอง) และสอง โดยปั๊มสาม เนื่องจากโปรตอนสี่จะต้องผลิต และ ATP หนึ่งจาก mitochondria ที่ให้ไซโทพลาซึมในการขนส่ง การผลิต ATP รวมจากแฟชั่นหนึ่งโมเลกุลเป็น 1.5 ATP (โปรตอนโปรตอน 6 4 ต่อ ATP 1.5 ATP) ดู A ใกล้ชิดดู 3.5 ละเอียดปริมาณ ATP ที่ผลิตในเซลล์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ดังนั้นทำไมของออกซิเจนที่จำเป็นสำหรับ ductic โปรแอโรบิกของเอทีพี? โปรดจำไว้ว่าวัตถุประสงค์ของห่วงโซ่การขนส่งอิเล็กตรอนคือการย้ายอิเล็กตรอนลงชุดของไซโตโครมที่จะให้พลังงานในการผลักดันการผลิตเอทีพีในไมโตคอนเดีย กระบวนการนี้อิลลินอยส์ lustrated ในรูป 3.2 ต้องมีองค์ประกอบในห่วงโซ่การขนส่งอิเล็กตรอนในแต่ละที่จะได้รับชุดของ oxida ปฏิกิริยาการ-ลดลง ถ้า cytochrome ที่ผ่านมา (เช่น cytochrome ก) ยังคงอยู่ในสถานะที่ลดลงก็จะไม่สามารถที่จะยอมรับอิเล็กตรอนมากขึ้นและห่วงโซ่การขนส่งอิเล็กตรอนจะหยุด แต่เมื่อออกซิเจนเป็นปัจจุบันโครเมี่ยมที่ผ่านมาในห่วงโซ่ที่สามารถออกซิไดซ์โดยออกซิเจน นั่นคือออกซิเจนที่ได้มาจากอากาศที่เราหายใจช่วยให้การขนส่งอิเล็กตรอนที่จะดำเนินการโดยการทำงานในขณะที่รับอิเล็กตรอนสุดท้ายของห่วงโซ่การขนส่งอิเล็กตรอน นี้ oxidizes a3 cytochrome และช่วยให้การขนส่งอิเล็กตรอนและออกซิเดชั่ phos phorylation เพื่อดำเนินการต่อ ในขั้นตอนสุดท้ายในห่วงโซ่การขนส่งไฟฟ้าตรอนออกซิเจนรับสองอิเล็กตรอนที่ถูกผ่านไปการขนส่งคอิเล็กตรอนจาก NADH หรือ FADH โมเลกุลออกซิเจนนี้ลดลงในขณะนี้ผูกกับสองโปรตอน (H +) ในรูปแบบน้ำ (รูป. 3.21)
ดังกล่าวก่อนหน้า NADH และ FADH dif เธอมีจำนวนเอทีพีที่สามารถเกิดขึ้นจากแต่ละโมเลกุลเหล่านี้ NADH ที่เกิดขึ้นในแต่ละ mitochondria บริจาคสองอิเล็กตรอนไปยังระบบขนส่งตรอนไฟฟ้าที่ปั๊มโปรตอนแรก (รูป. 3.21) อิเล็กตรอนเหล่านี้จะถูกส่งผ่านไปยังปั๊มโปรตอนที่สองและสามจนกว่าพวกเขาจะสาย Nally ผ่านไปพร้อมกับออกซิเจน แรกและวินาที ond อิเล็กตรอนปั๊มขนส่งสี่โปรตอนในขณะที่แต่ละปั๊มอิเล็กตรอนสองสามลำเลียงโปรตอนรวมเป็นสิบ เพราะสี่โปรตอนจำเป็นในการผลิตและการขนส่งอย่างใดอย่างหนึ่งจากเอทีพี mitochondria เพื่อพลาสซึมที่ผลิตเอทีพีรวมจากโมเลกุล NADH หนึ่งคือ 2.5 เอทีพี (10 โปรตอนโปรตอน 4 ต่อเอทีพีเอทีพี 2.5) โปรดทราบว่าโมเลกุลของเอทีพีไม่ได้อยู่ในส่วนและเศษทศนิยมของเอทีพีบ่งชี้ว่าค่าเฉลี่ยของจำนวนโมเลกุลของเอทีพีที่มีการผลิตต่อ NADH.
เมื่อเทียบกับ NADH, FADH แต่ละโมเลกุลโปร duces น้อยเอทีพีเพราะอิเล็กตรอนจาก FADH ที่มีการบริจาคเงินในภายหลัง ห่วงโซ่การขนส่งอิเล็กตรอนกว่าเหล่านั้นโดย NADH (รูป. 3.21) ดังนั้นอิเล็กตรอนจาก FADH เปิดใช้งานเพียงโปรตอนปั๊มที่สองและสาม เพราะโปรตอนปั๊มครั้งแรกที่มีการข้ามที่อิเล็กตรอนจาก FADH ส่งผลในการสูบน้ำหกโปรตอน (สี่โดยที่สองและสองโดยปั๊มที่สาม) เพราะสี่โปรตอนจำเป็นในการผลิตและการขนส่งอย่างใดอย่างหนึ่งจากเอทีพี mitochondria เพื่อพลาสซึมที่ผลิตเอทีพีรวมจากโมเลกุลหนึ่ง FAD คือ 1.5 เอทีพี (6 โปรตอนโปรตอน 4 ต่อเอทีพีเอทีพี 1.5) ดูใกล้ชิดดู 3.5 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริมาณของเอทีพีที่ผลิตในเซลล์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทำไมของออกซิเจนที่จำเป็นสำหรับการเต้นแอโรบิก โปร ductic ATP ? จำไว้ว่าวัตถุประสงค์ของห่วงโซ่การขนส่งอิเล็กตรอนจะย้ายอิเล็กตรอนลงในชุดของไซโตโครม จะให้พลังงานเพื่อผลักดันการผลิต ATP ในไมโทคอนเดรีย . กระบวนการนี้ อิล lustrated ในรูปที่ 3.2 ต้องการแต่ละองค์ประกอบในห่วงโซ่การขนส่งอิเล็กตรอนจะได้รับชุดของปฏิกิริยาการลดภาวะ oxida .ถ้าไซโตโครมสุดท้าย ( เช่นไซโตโครม ) ยังคงอยู่ในสถานะที่ลดลงก็จะไม่สามารถที่จะรับอิเล็กตรอนมากขึ้นและห่วงโซ่การขนส่งอิเล็กตรอนจะหยุด อย่างไรก็ตาม เมื่อออกซิเจนปัจจุบัน Chrome สุดท้ายในห่วงโซ่ สามารถออกซิไดซ์ด้วยออกซิเจน นั่นคือ ออกซิเจน ที่ได้มาจากอากาศที่เราหายใจช่วยให้การเคลื่อนย้ายอิเล็กตรอนต่อไป โดยทำหน้าที่เป็นสุดท้ายของห่วงโซ่การขนส่งอิเล็กตรอนอิเล็กตรอนพระนาสิก . นี้ oxidizes ไซ A3 และช่วยให้การขนส่งอิเล็กตรอนและออกซิเดชัน phos phorylation ต่อไป ในขั้นตอนสุดท้ายใน ELEC TRON ห่วงโซ่การขนส่งออกซิเจน รับ สอง อิเล็กตรอนที่ถูกส่งผ่านไปตามการขนส่งอิเล็กตรอน C จากแอมโมเนียหรือทั้งสอง .