In the past decade, there has been

In the past decade, there has been increased scientific interest in the so-called organic farming, especially in comparison with
conventional agriculture. Many recent studies compare these two fundamentally different systems for soil properties, in different
regions of the world. In this study, two adjacent fields in Central Italy, one managed according to organic, and the other according
to conventional farming methods, were studied to determine the effects of these two agricultural systems on soil quality
indicators at the farm level. Chemical and microbiological properties were chosen as indicators of soil quality and were
measured at soil depth intervals of 5–20 and 20–35 cm, after 7 years of organic certified and conventional management methods.
The field under organic management showed significantly better soil nutritional and microbiological conditions; with increased
level of total nitrogen, nitrate and available phosphorus, and an increased microbial biomass content, and enzymatic activities
(acid phosphatase, protease and dehydrogenase). No consistent increase in total organic carbon was observed. Results of the
study suggest that, over the period of 7 year, organic management method strongly affects soil quality indicators. Large
differences between the two soils were found in terms of microbiological properties, which are sensitive soil indicators of
changes occurred under the different farming systems.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในทศวรรษที่ผ่านมา มีการสนใจทางวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นในที่เรียกว่าเกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเปรียบเทียบกับเกษตรทั่วไป ในการศึกษาล่าสุดเปรียบเทียบคุณสมบัติของดิน ในต่างระบบความแตกต่างกันเหล่านี้สองภูมิภาคของโลก ในการศึกษานี้ อิตาลีกลาง แบบติดหนึ่งจัดการตามอินทรีย์ และอื่น ๆ ตามวิธีทำนาแบบดั้งเดิม การได้ศึกษาเพื่อตรวจสอบผลกระทบของระบบการเกษตรเหล่านี้สองคุณภาพดินตัวบ่งชี้ระดับ คุณสมบัติทางเคมี และทางจุลชีววิทยาที่ถูกเลือกเป็นตัวบ่งชี้ของคุณภาพดิน และได้วัดในดินความลึกช่วง 5-20 และ 20 – 35 ซม. หลังจากได้รับการรับรอง 7 ปีของอินทรีย์และวิธีการจัดการทั่วไปฟิลด์ภายใต้การจัดการอินทรีย์พบว่าดินดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางโภชนาการ และทางจุลชีววิทยาเงื่อนไข มีเพิ่มขึ้นระดับของไนโตรเจน ไนเตรต และ ฟอสฟอรัสว่าง และเนื้อหาการชีวมวลจุลินทรีย์เพิ่มขึ้น และกิจกรรมของเอนไซม์ในระบบ(กรดฟอสฟาเตส รติเอส และ dehydrogenase) เพิ่มขึ้นไม่สอดคล้องในอินทรีย์คาร์บอนทั้งหมดถูกตรวจสอบ ผลลัพธ์ของการการศึกษาแนะนำว่า ช่วงระยะเวลา 7 ปี วิธีจัดการอินทรีย์ขอมีผลต่อตัวบ่งชี้คุณภาพของดิน ขนาดใหญ่พบความแตกต่างระหว่างดินเนื้อปูนสองในด้านคุณสมบัติทางจุลชีววิทยา ซึ่งเป็นสำคัญตัวบ่งชี้ของดินเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใต้ระบบการเลี้ยงที่แตกต่างกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในทศวรรษที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มขึ้นน่าสนใจทางวิทยาศาสตร์ในการทำเกษตรอินทรีย์ที่เรียกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับการเกษตรแบบเดิม
การศึกษาที่ผ่านมาหลายคนเปรียบเทียบทั้งสองระบบแตกต่างกันสำหรับคุณสมบัติของดินที่แตกต่างกันในภูมิภาคของโลก
ในการศึกษานี้สองช่องที่อยู่ติดกันในภาคกลางของอิตาลีซึ่งเป็นหนึ่งในการจัดการตามอินทรีย์และอื่น ๆ
ตามที่จะวิธีการทำการเกษตรแบบเดิมมีการศึกษาเพื่อตรวจสอบผลกระทบของทั้งสองระบบการเกษตรที่มีต่อคุณภาพดินตัวชี้วัดในระดับฟาร์ม
สมบัติทางเคมีและจุลชีววิทยาถูกเลือกให้เป็นตัวชี้วัดของคุณภาพดินและวัดในช่วงเวลาที่ความลึกของดิน 5-20 และ 20-35 ซม. หลังจาก 7 ปีได้รับการรับรองอินทรีย์และวิธีการจัดการทั่วไป. สนามภายใต้การบริหารอินทรีย์แสดงให้เห็นว่าดินดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางด้านโภชนาการและ เงื่อนไขทางจุลชีววิทยา; ที่มีเพิ่มขึ้นระดับของไนโตรเจนทั้งหมดไนเตรตและฟอสฟอรัสและเนื้อหาชีวมวลจุลินทรีย์ที่เพิ่มขึ้นและกิจกรรมของเอนไซม์(phosphatase กรดน้ำย่อยและ dehydrogenase) ไม่มีการเพิ่มขึ้นที่สอดคล้องกันในอินทรีย์คาร์บอนรวมพบว่า ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าในช่วง 7 ปีที่ผ่านมาวิธีการจัดการอินทรีย์อย่างยิ่งส่งผลกระทบต่อตัวชี้วัดคุณภาพดิน ขนาดใหญ่ความแตกต่างระหว่างทั้งสองได้พบดินในแง่ของคุณสมบัติทางจุลชีววิทยาซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่มีความสำคัญของดินเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายใต้ระบบการทำฟาร์มที่แตกต่างกัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในทศวรรษที่ผ่านมา , ได้มีความสนใจทางวิทยาศาสตร์ เพิ่มขึ้นในการทำเกษตรอินทรีย์ ที่เรียกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเปรียบเทียบกับ
การเกษตรทั่วไป การศึกษาล่าสุดหลายเปรียบเทียบสองแตกต่างกันในรายละเอียดระบบสำหรับคุณสมบัติของดินในพื้นที่ที่แตกต่างกัน
ของโลก ในการศึกษานี้อยู่ติดกันสองสาขาในภาคกลางของอิตาลี ที่จัดการตามรัฐธรรมนูญ และตาม
อื่น ๆวิธีการทำฟาร์มทั่วไป ได้ศึกษา เพื่อศึกษาผลของทั้งสองระบบการเกษตรบนตัวชี้วัดคุณภาพ
ดินในระดับฟาร์ม สมบัติเคมีและจุลชีววิทยาได้รับเลือกเป็นตัวชี้วัดคุณภาพดินและ
วัดได้ในช่วงความลึกของดิน 5 – 20 และ 20 – 35 เซนติเมตร หลังจาก 7 ปีของอินทรีย์ที่ได้รับการรับรองและวิธีการจัดการแบบดั้งเดิม
สนามภายใต้การจัดการที่พบมากในดินอินทรีย์และโภชนาการจุลชีววิทยา เงื่อนไข พร้อมเพิ่ม
ระดับของปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด และฟอสฟอรัส ไนเตรท และเพิ่มมวลชีวภาพจุลินทรีย์ เนื้อหา และกิจกรรมของเอนไซม์
( พระครู โปร และ เนส ) ไม่สอดคล้องกันเพิ่มปริมาณอินทรีย์คาร์บอนถูกสังเกต ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า
,ตลอดระยะเวลา 7 ปี ใช้วิธีการจัดการอินทรีย์อย่างยิ่งมีผลต่อตัวชี้วัดคุณภาพดิน ความแตกต่างใหญ่ระหว่างสองดิน
พบในแง่คุณสมบัติทางจุลชีววิทยาซึ่งมีความไวในดินตัวบ่งชี้
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายใต้ระบบเกษตรที่แตกต่างกัน